พุทธประวัติ ตอนที่4 ความเบื่อหน่าย (ต่อ)
พุทธทาสภิกขุ แปลและเรียบเรียงจาก ฉบับภาษาอังกฤษ
ของ ภิกษุสีลาจาระ (J.F. Mc kechnie)
ตอนที่ 4 ความเบื่อหน่าย (ต่อ)
เจ้าชายทรงหยุดประทับดูคนหมู่นั้น ขณะที่เขากำลังผ่านพระองค์ไป ทรงฉงนพระทัยว่าทำไมต้องพากันร้องไห้ และทำไมคนที่นอนอยู่บนแผ่นไม้กระดานจึงไม่ขอร้องให้คนหามมีความระมัดระวังขึ้นสักหน่อย และพระองค์ทรงประหลาดพระทัยยิ่งขึ้น ในเมื่อคนกลุ่มนั้น เดินไปได้อีกหน่อยเดียว เขาก็พากันวางคนนั้น ลงบนกองฟืนที่กองไว้ และจุดไฟขึ้นจนกระทั่งลุกโพลงเป็นกองไฟกองใหญ่ น่าสยดสยอง แต่กระนั้น คนที่ถูกเผา ก็ยังคงนอนนิ่งเงียบอยู่ แม้ไฟจะได้ไหม้ลามถึงศีรษะและเท้าของเขาแล้วก็ตาม
เจ้าชายได้ตรัสถามนายฉันนะ ด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า
?นี่มันอย่างไรกัน ฉันนะ ! ทำไมคนนั้นจึงนอนนิ่งให้เขาเผาอย่างนั้นเล่า ?
?ทูลกระหม่อม คนๆ นั้นเป็นคนตายแล้ว เขามีเท้า แต่ไม่อาจวิ่งได้อีกแล้ว เขามีตา แต่ไม่อาจดูอะไรได้อีกแล้ว เขามีหู แต่ไม่อาจได้ยินเสียงอะไรได้อีกแล้ว เขาไม่อาจมีความรู้สึกในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นความร้อน ความหนาว ไม่ว่าไฟหรือหิมะ เขาหมดความรู้สึกทุกอย่างแล้ว เขาตายแล้ว?
?ตายหรือ ฉันนะ ! ความตาย หมายถึงสิ่งนี้หรือ และฉันซึ่งเป็นลูกพระเจ้าแผ่นดิน ก็จะต้องตายเหมือนชายคนนี้ด้วยหรือ พ่อของฉัน ยโสธรา และทุกๆ คนที่ฉันรู้จัก พวกเราเหล่านี้ทุกคน ในวันหนึ่งจักนอนตายเหมือนคนยากจน ที่กำลังนอนอยู่บนกองฟืนนี้ด้วยหรือ ?
?พะยะค่ะ ทูลกระหม่อม ทุกคนที่มีชีวิตจักต้องตายลงในวันหนึ่งโดยไม่มีทางใดจะป้องกันได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะอยู่ได้อย่างเที่ยงแท้คงทน ไม่มีใครสามารถต้านทานปัดป้องการมาของความตาย?
เจ้าชายทรงตะลึงนิ่งอึ้ง มิได้ตรัสอะไรออกมาอีกต่อไป พระองค์ทรงรู้สึกว่าการที่ไม่มีหนทางรอดพ้นจากความตายอันร้ายกาจ ซึ่งครอบงำคนทุกคนอยู่นี้ เป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง แม้พระราชา แม้พระโอรสของพระราชาก็ยังไม่พ้นจากอำนาจของความตาย พระองค์เสด็จกลับวังอย่างเงียบกริบตรงไปสู่ห้องที่ประทับของพระองค์บนปราสาท ประทับนั่งรำพึงอยู่พระองค์เดียว ชั่วโมงแล้วชั่วโมงอีก ในสิ่งซึ่งพระองค์ได้ทรงไปพบเห็นมา
ในที่สุด พระองค์ได้ตรัสแก่พระองค์เองว่า ?มันเป็นสิ่งที่น่าหวาดเสียวที่ทุกคนในโลกต้องตายลง ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทั้งไม่มีทางป้องกันมันได้เลย ฉันนะเขาว่าอย่างนั้น ! แต่โอ ! มันต้องมีหนทางรอดอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่สำหรับสิ่งนี้ ! ฉันต้องค้นหาหนทางรอดนั้นให้พบจนได้ ! ฉันจะค้นหาทางรอดสำหรับฉันเองด้วย สำหรับบิดาของฉัน สำหรับยโสธรา และสำหรับคนอื่นๆ ทุกคนด้วย ! หนทางซึ่งฉันจะไม่ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งน่าเกลียดน่ากลัว คือความแก่ ความเจ็บไข้ และความตายเหล่านี้ ฉันจักต้องหาให้พบให้จนได้ !?
ในโอกาสต่อมา เมื่อเจ้าชายกำลังทรงม้าเล่นในอุทยานภายนอกวัง พระองค์ได้ทรงพบบุรุษผู้หนึ่ง ห่มผ้ากาสาวพัสตร์สีเหลืองของบรรพชิต พระองค์ได้ทรงจ้องสังเกตนักบวชผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง จนทรงหยั่งทราบถึงภายในใจของบุคคลคนนี้ ว่ากำลังเต็มไปด้วยความสงบสุขอย่างเย็นเยือก พระองค์จึงได้ตรัสถามนายฉันนะ ถึงความประพฤติเป็นไปในชีวิตของบุคคลประเภทนี้
นายฉันนะได้กราบทูลแก่พระองค์ว่า ?บุคคลผู้นี้ เป็นบุคคลประเภทที่เรียกกันว่า ?ผู้สละโลก? เพื่อแสวงหาสิ่งดับทุกข์ทรมานของโลก? เจ้าชายมีความปลาบปลื้มในคำๆ นี้เป็นอันมาก เลยประทับนั่งนิ่งๆ อยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งในอุทยานนั้น ด้วยความสุขใจจนตลอดวัน ตลอดเวลานั้นทรงน้อมจิตของพระองค์ไปสู่การออกจากบ้านเรือนขึ้นมาได้เอง
ขณะที่พระองค์ประทับนั่งรำพึงแก่พระองค์เองผู้เดียวอยู่เช่นนั้น ได้มีผู้มากราบทูลว่า พระชายาของพระองค์ได้ประสูติพระโอรสพระองค์หนึ่งงดงามมาก แต่พระองค์มิได้ทรงแสดงอาการดีพระทัยแต่อย่างใด กลับทรงพลั้งพระโอษฐ์ออกไปเบาๆ ด้วยพระทัยอันเหม่อลอยว่า ?บ่วงเกิดขึ้นแก่ฉันแล้ว ! บ่วงเกิดขึ้นแก่ฉันแล้ว !? ดังนี้ ด้วยเหตุที่พระองค์ได้ตรัสดังนี้ในวันนั้น จึงเป็นที่ขนานพระนาม คนทั้งหลายได้ขนานพระนามของพระโอรสของพระองค์ว่า ?บ่วง? (ราหุละ)
Bookmarks