รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับพุทธศักราช 2475
และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495
โดยมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี
เป็นผู้รับสนองพระบรม ราชโองการ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 69 ตอนที่ 15
วันที่ 8 มีนาคม พุทธศักราช 2495
โดยได้แบ่งเป็นหมวดต่าง ๆ รวม 9 หมวดด้วยกัน ดังนี้
บททั่วไป
หมวด 1 พระมหากษัตริย์
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ของชนชาวไทย
หมวด 3 แนวนโยบายแห่งรัฐ
หมวด 4 สภาผู้แทนราษฎร
หมวด 5 คณะรัฐมนตรี
หมวด 6 ศาล
หมวด 7 ตุลาการรัฐธรรมนูญ
หมวด 8 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
หมวด 9 บทสุดท้าย
บทเฉพาะกาล
หมวดที่สำคัญมากหมวดหนึ่ง มาเป็นตัวอย่าง
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ของชนชาวไทย
มาตรา 24 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้ บุคคลย่อมเสมอกันใน
กฎหมาย ฐานันดรศักดิ์โดยกำเนิดก็ดี โดยแต่งตั้งก็ดี หรือโดยประการอื่นใดก็ดี ไม่
กระทำให้เกิดเอกสิทธิอย่างใดเลย
มาตรา 25 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือ
ลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในการใช้เสรีภาพดังกล่าวในวรรคก่อน บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองมิให้รัฐกระทำ การใด ๆ อันเป็นการรอนสิทธิ หรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนา หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือแตกต่างจากบุคคลอื่น
มาตรา 26 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในทรัพย์สิน การพูด การเขียน การพิมพ์
การโฆษณา การศึกษาอบรม การชุมนุมสาธารณ การตั้งสมาคม การตั้งพรรคการเมือง
ทั้งนี้ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมาย
มาตรา 27 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในร่างกาย การจับกุม คุมขัง หรือตรวจค้นตัวบุคคลไม่ว่าในกรณีใด ๆ จะกระทำได้ก็แต่โดยอาศัย อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
มาตรา 28 การเกณฑ์แรงงานจะกระทำได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมาย
มาตรา 29 รัฐย่อมเคารพต่อกรรมสิทธิในทรัพย์สินของเอกชน การโอนกรรมสิทธิ์
ในทรัพย์สินของเอกชนมาเป็นของรัฐจะกระทำมิได้ เว้นแต่จำเป็นเพื่อการสาธารณูปโภค
หรือการอันจำเป็นในการป้องกันประเทศโดยตรง หรือการได้มาซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ
หรือประโยชน์ของรัฐอย่างอื่น และต้องชดใช้ค่าทดแทนอันเป็นธรรมให้แก่เจ้าของหรือผู้ทรงสิทธิ บรรดาที่ได้รับความเสียหายในการโอนกรรมสิทธิ์นั้น
มาตรา 30 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในเคหสถาน บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานโดย ปกติสุข การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยินยอมของผู้ครอบครองก็ดี การตรวจ ค้นเคหสถานก็ดี จะกระทำได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
มาตรา 31 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร
และในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมาย การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอกราชอาณาจักร จะกระทำมิได้
มาตรา 32 บุคคลคนเดียว หรือหลายคนร่วมกัน ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์
ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา 33 สิทธิของบุคคลในครอบครัวย่อมได้รับความคุ้มครอง
มาตรา 34 สิทธิของบุคคลที่จะฟ้องหน่วยราชการซึ่งเป็นนิติบุคคลให้รับผิดเพื่อการ
กระทำของเจ้าพนักงาน ในฐานะเสมือนเป็นตัวการหรือนายจ้าง ย่อมได้รับความคุ้มครอง
มาตรา 35 บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญนี้ให้เป็นปฏิปักษ์ต่อชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญมิได้
มาตรา 36 บุคคลซึ่งเป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการประจำอื่น และพนักงานเทศบาล
ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับประชาชนพลเมือง เว้นแต่ที่จำกัดใน
กฎหมาย หรือกฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจกฎหมาย เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเมือง สมรรถภาพหรือวินัย
มาตรา 37 บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษัตริย์เป็นประมุข และมีหน้าที่เคารพต่อกฎหมายป้องกันประเทศ ช่วยเหลือราชการโดยทางเสียภาษี และอื่น ๆ ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ
...................................................................
หนังสือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับพุทธศักราช 2475 และ
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495
ปกแข็ง หนา 32 หน้า
กรมพระธรรมนูญ จัดพิมพ์ เนื่องในโอกาสงานพระราชทานเพลิงศพ
พลตรี เจียม ขจรเนติยุทธ 27 พฤษภาคม 2495
พิมพ์ที่ โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหารบก พระนคร พ.ศ. 2495
Bookmarks