กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 10

หัวข้อ: ... ผมเคยฝ่าตัดเส้นเลือดผิดปรกติในสมอง...

  1. #1
    ฝ่ายเทคนิคและโปรแกรม สัญลักษณ์ของ บ่าวโจ่โล่
    วันที่สมัคร
    Dec 2006
    กระทู้
    1,433

    ... ผมเคยฝ่าตัดเส้นเลือดผิดปรกติในสมอง...



    "อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย"
    เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
    วิ่งผ่านผมกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็วทั้งแม่และผมหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามผมว่า



    "อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"

    "ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ"


    ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'
    เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ผมอยู่
    มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน


    และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ
    แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ
    ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

    เสียงเอะอะดังมากขึ้นผมหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ
    ไล่เลี่ยกับผมซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือแม่จึงเดินเข้าไปถาม


    "พี่หนอม มีไรหรอคะ"
    "ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ
    พอผมหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย"

    พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ผมไม่ห้ามไว้

    "ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ"

    แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

    "เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอน
    ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ"


    ผมสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า
    แม่มองผมแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้
    แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

    "อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ
    เอาเป็นว่าผมจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันละ"

    ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ
    แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

    "ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ"

    แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง จากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า
    "ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ"


    เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า
    "แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..."

    แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
    แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า


    "ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ
    ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ
    น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้
    รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ
    คนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย"

    แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
    ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป


    หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ถามแม่ทันที
    "ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันเหรอจ้ะ"

    แม่ยิ้ม แล้วตอบผมว่าไม่รู้จักหรอก
    แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก
    แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"


    "แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่"
    ผมถามต่อ แม่มองหน้าผมแล้วพูดว่า

    "แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ กับลูก
    จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ


    รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน
    และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
    เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น"

    ผมฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

    "แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า"

    "ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"


    "แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ
    บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่"

    "ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ
    มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว
    ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"

    แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

    "จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ
    อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้"


    แล้วแม่ก็พูดต่อว่า
    "ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียง
    แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง
    อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ
    แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"

    หลังจากนั้น ผมกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ
    ผมเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
    ทำให้ผมต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

    หลังจากนั้นผมเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด
    แล้วผมก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง
    เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก

    ผมก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้า
    เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20
    ปีเพื่อส่งผมเรียน แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ


    ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ
    ผมก็เลยต้องยอมตามใจแม่ ผมทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย
    เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย

    หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ผมบอกให้แม่ไปหาหมอ
    แล้วผมก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก
    แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ


    จะได้หายเร็วๆ หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป
    ผมเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
    แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว

    ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ผมกังวลใจมาก พอถามหมอ
    หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
    เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด


    หลังจากนั้นผมรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันทีไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
    หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน
    หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้

    หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
    ผมตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที
    แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อม


    ที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า
    ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ผมก็ตกลง
    หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว

    แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ผมรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก
    ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่
    และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้


    หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
    โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม
    อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูงเป็นหลักแสนบาท

    เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ
    ห้าแสนบาท ผมได้ยินแล้วแทบลมจับ ผมจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
    ลำพังเงินเก็บของผมกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย


    แต่ยังไงผมก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง
    หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ
    และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทางโรง

    พยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้
    ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ผม
    ปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น


    ผมแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล
    นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัด
    และเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับผมและแม่

    โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ผมจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ
    นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันที
    เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา


    แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ผมกับแม่
    โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ผมพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ
    ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

    เมื่อกลับถึงบ้าน ผมกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น
    เมื่ออ่านจบทั้งผมและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน
    เนื้อความในจดหมายมีดังนี้


    ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์
    ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

    ค่าผ่าตัด 0 บาท
    ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
    ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
    รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

    ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วย ยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง
    ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า


    ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่อ่านจบนะครับ หวังว่าคงได้รับความประทับใจบ้าง ไม่มากก็น้อย



    อย่าคิดนะว่าเธออยู่ในโลกนี้คนเดียว หนทางไม่เปลี่ยวขนาดนั้น ยิ้ม ๆ ไว้ซิก็อุปสรรคต้องฝ่าฟัน ยังไงเธอก็จะมีฉันคอยห่วงใย

    สื่อบันเทิงที่นำมาให้รับชม รับฟังเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น หากท่านชื่นชอบ สื่อใด โปรดซื้อสินค้าลิขสิทธิ์

  2. #2
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ฝนหลวง
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    1,235
    อ่านจักรอบกะซึ้งบ่อเซาคับเรื่องนี่ ขอบคุณครับที่เอามาไห่อ่านอีก

  3. #3
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430
    ผมเคยอ่านเรื่องนี้มาบ้างแล้ว มาอ่านอีกรู้สึกประทับใจครับ

    เพราะซูมื่อนี้ มักสิถามว่า คุณมีเงินเท่าไหร่ ถ้าไม่มีให้ไปนอนเบิ่งอาการก่อนพะนะ

    เห็นกับตะของมาดอกหวา ฮือ ๆ ๆ ๆ

    ซูมื่อนี้ตระกูลของผม ลูก ๆ หลาน ๆ เป็นหมอเป็นพยาบาลเบิ๊ด

    เป็นตั้งแต่หมอตอนงัว ตอนควาย พุ่นล่ะ สิได้ช่วยเหลือชาวบ้าน

    เวลามันบ่มีกะบ่มีอีหลีเด้ เงินน่ะ ฟังอยู่บ่ล่ะ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พล พระยาแล; 26-05-2009 at 13:00.

  4. #4
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197
    อ่านแล้วอยากร้องไห้จังเลยค่ะ
    อธิบายไม่ถูกว่าปลื้มใจมากแค่ไหน

    ปลื้มมากๆ กับการทำความดีมากในครั้งนี้
    ของคนสองคนที่ต่างกันที่ระยะเวลา

    และประทับใจในความดีครั้งนี้มากค่ะ
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  5. #5
    อ่านแล้วซึ้งเนาะครับ แต่เรื่องนี้ผมเคยอ่านมาเทือนึง นานมาแล้วล่ะจะต่างกันก็ตรงที่ผุ้เล่าเป็นผู้หญิงเท่านั้นเองครับ
    ชะตาฟ้าลิขิต...แต่ชีวิตเป็นของข้า

  6. #6
    Miss Papaya
    ศิลปิน นักแสดง
    แม่ครัวบ้านมหา
    สัญลักษณ์ของ สาวผู้ฮ้าย
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    กระทู้
    1,262

    การให้คือการได้

    อ่านแล้ว ซึ่งๆๆๆหลายเด้อ

    น้ำตาไหลเลย

    การให้โอกาสคนที่ ลำบากมากว่าเรา เป็นบุญยิ่งนัก



    การให้คือการได้


    การเสียสละนั้น แท้ก็คือการได้มาซึ่งผลอันเลิศในบั้นปลายนั้นเอง ผู้ไม่ยอมเสียสละอะไรย่อมไม่ได้อะไร จงดูเถิด มนุษย์ ทั้งหลายย่อมรดน้ำต้นไม้ทีโคน แต่ไม้นั้นย่อมให้ผลที่ปลาย.

    ธุจ้า ธุจ้า
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สาวผู้ฮ้าย; 26-05-2009 at 15:31.
    :b-b เมรีขี้เมา :b-b

  7. #7
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ ลูกอิสาน
    วันที่สมัคร
    Dec 2008
    กระทู้
    460

    เรื่องฮิตน่าอ่าน



    สุดยอดเลยจ้า ซึ้ง ประทับใจ เว่ามาแล้วขนคิ่งลุกจ้า

  8. #8
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ เซียงเหมี่ยงเมืองสุรินทร์
    วันที่สมัคร
    Dec 2008
    ที่อยู่
    สุรินทร์, ร้อยเอ็ด, และ สปป.ลาว
    กระทู้
    829
    แวะมาแล้วกะบ่ผิดหวัง ครับ ซึ้ง ๆ ครับ...
    น้ำใจที่มีให้กัน เป็นสิ่งสวยงามเสมอเนาะครับผม...

  9. #9
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ nuzing
    วันที่สมัคร
    May 2007
    ที่อยู่
    ตกฟากอยู่อุบล เป็นคนชราบางแคแล้ว
    กระทู้
    2,260
    บล็อก
    5
    อ่านกี่ครั้งก็ยังซาบซึ้งในคุณความดี ขอบคุณมากค่ะ
    "ใจประสงค์สร้างกลางดงกะหว่าถ่ง ใจขี้คร้านกลางบ้านกะหว่าดง"

  10. #10
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ นา ดอกจาน
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    ที่อยู่
    FL,USA
    กระทู้
    229
    เคยอ่านมาแล่ว จากเว็บหนึ่งจ้า ต่างกันที่ผู่าเล่าเป็นผู้หญิง ประทับใจมากๆค่ะเรื่องนี้ จนอยากปรบมือให้ ายแพทย์เดชา พุ่นแล่ว ขอให้เพิ่นกลับไปพัฒนาการแพทย์ไทยและประเทศไทยเด้อจ้า หลังจากเรียนจบแล่ว

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •