"Roh Moo-hyun" อดีตผู้นำโสมขาวที่ไม่อาจทนข่าวอื้อฉาว
ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2552
โรมูเฮียน เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของเกาหลีใต้ ต่อจากคิมแดจุง เขาเกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1946 ในครอบครัวชาวนาในเมืองกิมแฮ ใกล้กับเมืองปูซานในจังหวัดเจียงซามนัม ครั้งหนึ่งใน ปี 1960 เขาเป็นผู้นำในโรงเรียนเพื่อต่อต้านคำสั่งการเขียนเรียงความยกย่องเซียงมาน รี ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในสมัยนั้น และเคยทำงานเป็นยามของโรงเรียน หลังจากที่ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ
เขาไม่เคยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่เขาคงจะมีความทะเยอทะยาน จึงใช้วิธีศึกษาด้วยตัวเองเพื่อหนีจากความยากจน และก็สอบผ่านวิชากฎหมายในปี 1975 และในปี 1977กลายเป็นผู้พิพากษาระดับภูมิภาคในเมืองแดจอง ในปี 1981 เขาปกป้องนักศึกษาที่ถูกทรมานจากการถูกจับได้ว่าครอบครองหนังสือต้องห้าม ซึ่งในปี 2003 เขากล่าวว่า
" เมื่อผมเห็นแววตาอันน่าขนพองสยองเกล้าและเล็บเท้าที่หลุดออกไปของพวกเขา ชีวิตอันแสนสบายในอาชีพนักกฏหมายของผมก็ถึงจุดสิ้นสุด ผมกลายเป็นผู้ชายที่ต้องการสร้างความแตกต่างในโลก"
โร เข้าสู่การเมืองโดยการชักนำของคิมยังซัม ผู้นำฝ่ายค้านพรรคยูนิฟายเดโมเครติกปาร์ตี้ และเขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาแห่งชาติในปี 1988 เขาต่อต้านเผด็จการและเข้าร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านระบอบเผด็จการทหารของประธานาธิบดีชุนดูฮวัน เขาเปิดโปงการคอรัปชั่นในรัฐบาล ทำให้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งปี 1992 เขาสอบตก เช่นเดียวกับในปี 1996 แต่เขาก็กลับยังเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปการเมืองเพื่อประชาธิปไตย เขาก็ก่อเป็นผู้นำพรรคเล็กๆ ที่เป็นพันธมิตรกับคิมแดจุง และในปี 1998 ซึ่งเมื่อลีมุงบักลาออกไปเพราะละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง เขาก็ได้รับเลือกแทนจากการเลือกตั้งซ่อม และได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงประมงและภาคพื้นทะเลในสมัยของคิมแดงจุงนั่งเอง
ในปี 2002 เขาได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีคิมแดจุงที่กำลังจะพ้นวาระในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โรสนับสนุนการเจรจามากกว่าที่จะโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ และเขาเห็นว่าจะต้องใช้การทูตเพื่อโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์ การวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของสหรัฐฯบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างเปิดเผยของเขา ทำให้เกิดกระแสต่อต้านชาวอเมริกกาเพิ่มขึ้นมาก และในเดือนธันวาคมปี 2002 เขาก็เอาชนะลีฮอยชางในการเลือกตั้งอันดุเดือดด้วยเสียงโหวต 48.9เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ลีฮอยชางได้ไป 46.6 เปอร์เซ็นต์
หลังจากเขารับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2003 โนเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจอันง่อนแง่นของประเทศและความไม่สงบในกลุ่มแรงงาน และก็เรื่องอื้อฉาว เมื่อผู้ช่วยคนสนิทของเขาหลายคนถูกกล่าวหาว่ารับเงินบริจาคทางการเมืองมิชอบด้วยกฎหมาย จากนั้นก็มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลของเขาละเมิดกฎหมายการเลือกตั้งในการสนับสนุนพรรคอูริ ที่เขาเป็นคนก่อตั้งขึ้น และการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจผิดพลาด รวมทั้งการตัดสินใจส่งทหารไปอิรักร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ต่อต้านอเมริกาอย่างเปิดเผย ทำให้ความนิยมของเขาลดลง และก็นำมาสู่การถอนถอนเขาออกจากตำแหน่ง ในเดือนมีนาคม 2004 ทำให้เขาต้องลงจากอำนาจชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญประกาศล้มมติถอดถอนเขา โดยระบุว่า "ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง" ทั้งนี้ศาลระบุว่า โรละเมิดกฎหมายเลือกตั้งแต่ไม่ได้เจตนา และไม่ได้ส่งผลเสียหายถึงขั้นทำให้ประเทศชาติตกอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวายทางการเมือง
ในสมัยของเขายังเต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทำให้เขาไม่สามารถช่วงชิงความได้เปรียบจากการที่พรรคของเขาครองเสียงข้างมากได้ และเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอของเกาหลีใต้ ทำให้คะแนนิยอมของเขาทรุดลงที่ตัวเลขเพียงหลักเดียว ทั้งการที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ในปี 2006ถูกมองว่าเป้นความล้มเหลวของเขาในการดำเนินการทูตแบบอ่อนที่เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เช่นเดียวกับอดีตผู้นำคิมแดจุง
ในขณะกฏหมายการเลือกตั้งกำหนดให้เขาไม่สามารถลงชิงชัยได้เป็นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2007 ตัวเลือกผู้สือบทอดอำนาจจากเขา ชังดองยัง ก็ปราชัยให้แก่ลีมุงบัก ผู้สมัครจากพรรคแกรนด์เนชั่นแนลปาร์ตี้ ผู้นำคนปัจจุบันของแดนโสมขาว
ทั้งนี้ หลังจากก้าวลงสู่จากอำนาจ โรก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านบองฮา บ้านเกิดเมืองนอนของเขาซึ่งเป็นการแหกธรรมเนียมเดิมของเกาหลีใต้ ซึ่งอดีตประธานาธิบดีต้องได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวดในบ้านพักในกรุงโซล ขณะที่หมู่บ้านบองฮา ที่มีชาวบ้านอยู่เพียง 121 คน กลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เมื่อเขากลับมาอยู่ที่นี่
โนมูเฮียน แต่งงานกับ ควอนยังซุก มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน เขาชอบไต่เขาและเล่นโบลว์ลิ่ง หลังจากเกษียณ เขาและภรรยาน่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบั้นปลายชีวิต แต่เมื่อไม่กีปีมานี้กับมีการกล่าวหาว่า เขาคอร์รัปชั่นในระหว่างดำรงตำแหน่ง ซึ่งสร้างความกดดันให้เขาอย่างยิ่ง จนนำมาสู่การจบชีวิตของเขาในวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้ หลังจากมีรายงานว่าเขากระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายในหุบเขาไม่ห่างจากบ้านเกิด พร้อมกับทิ้งจดหมายร่ำลาไว้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตจากตำรวจ
"โปรดเผาศพของผม และสร้างสุสานเล็กๆให้ผมในหมู่บ้านแห่งนี้" จดหมายระบุ
ข่าวสลดนี้เกิดขึ้นเมื่อภรรยาของเขากำลังถูกอัยการเรียกไปให้ปากคำจากข้อกล่าวหาว่ารับเงินจากนักธุรกิจระหว่างที่สามีอยู่ในตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม โร เคยออกมาขออภัยต่อสาธารณชนเรื่องคอร์รัปชั่นนี้ โดยระบุว่า เขาละอายต่อเพื่อนร่วมชาติมาก และทำให้ทุกฝ่ายประสบกับความยากลำบาก รวมทั้งขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง แต่เขายืนยันว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
"ผมเป็นหนี้คนจำนวนมาก คนจำนวนมากเกินไปแล้วที่ทนทุกข์เพราะผม" "อย่าได้เสียใจ อย่าได้โทษใครเลย มันเป็นเพราะโชคชะตา" ข้อความสุดท้ายบนคอมพิวเตอร์ของเขาระบุ
อ้างอิง ผู้จัดการออนไลน์
Bookmarks