โลกต้าน-เปิบวิตถาร"งู"กัด"ไก่"ให้คนกิน
ฮิต"เหลา"กวางตุ้งตายทุรนหน้าลูกค้า
ร้านอาหารจีนเจ้าของเมนูเปิบพิสดาร "ไก่ พิษงู" ตอบโต้ ยืนยันขายมานานหลายปี ลูกค้าติดใจอื้อ แห่มากินไม่ขาดสาย อ้างไก่ที่ตายด้วยพิษงู เมื่อนำไปผ่านความร้อนประกอบอาหาร ทำให้พิษงูเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเอนไซม์ที่มีประโยชน์ ทำให้ร่างกายอบอุ่น เลือดไหลเวียนดี ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตอนใต้ของจีนนิยมเมนูไก่พิษงูพุ่งพรวด ขณะที่ทั่วโลกต่อต้านขยายวงกว้าง สาธารณสุขจีนเตรียมสั่งห้ามขายเมนูสยอง
จากกรณีร้านซุนเต๋อ เหรินเจียง เมืองฟั่วชาน มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศจีน เปิดขายอาหารเมนูเปิบพิสดารสุดสยอง "ไก่พิษงู" โดยพ่อครัวจับงูพิษมากัดไก่เป็นๆ จนตายต่อหน้าลูกค้า จากนั้นผ่าเอาเครื่องในไก่ออกมากินสดๆ เพราะเชื่อว่าช่วยขับพิษออกจากร่างกายได้ ทำให้สื่อมวลชนและนักท่องอินเตอร์เน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์เมนูดังกล่าว นั้น
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางร้านดังกล่าวออกมาตอบโต้เสียงรุมประณามจากทั้งสื่อมวลชน และนักท่องอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศจีน โดยยืนยันว่าขายเมนูดังกล่าวมาหลายปี มีลูกค้าติดใจมารับประทานไม่ขาดสาย และรับประกันว่าทานแล้วไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเด็ดขาด
"เมนูนี้คือเมนูเด็ดของร้านเรา ข่าวโทรทัศน์บอกว่าเมนูนี้มีพิษ แต่คนยังคงแห่มากินเหมือนเดิม แถมเมื่อวาน ลูกค้าบางคนยังพาลูกมากินด้วยเลย" พนักงานหญิงประจำร้านอาหารซุนเต๋อ กล่าว
พนักงานคนดังกล่าว อ้างด้วยว่า เนื้อและเครื่องในไก่ที่ถูกฆ่าตายด้วยพิษงู เมื่อนำไปผ่านความร้อนประกอบอาหาร จะทำให้พิษงูเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเอนไซม์ที่มีประโยชน์ รับประทานเข้าไปแล้วช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและเลือดไหลเวียนดีขึ้น รายงานข่าวแจ้งว่า ร้านอาหารในมณฑลกวางตุ้งและมหานครฉงชิ่ง ทางภาคใต้จีน เริ่มนิยมจำหน่ายเมนูไก่พิษงูมากขึ้นตามลำดับ โดยกรรมวิธีการปรุง พ่อครัวจะจับงูพิษมากัดไก่เป็นๆจนตายไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นนำไก่และเครื่องในไปทำอาหาร เพราะเชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยขับพิษออกจากร่างกาย ล่าสุด มีประชาชนชาวจีนนำคลิปนาทีฆ่าไก่ด้วยพิษงูมาโพสต์ในเว็บไซต์ชื่อดังหลายแห่งของจีน รวมถึงเว็บ www.sina.com.cn จุดกระแสต่อต้านเมนูไก่พิษงูอย่างแพร่หลายทั่วโลก กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการทรมานสัตว์ ป่าเถื่อน และไร้มนุษยธรรมอย่างรุนแรง ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขทั้งในกวางตุ้งและนครฉงชิ่งกำลังพิจารณาออกคำสั่งห้ามจำหน่ายเมนูดังกล่าว

ที่มา : นสพ.ข่าวสด