หนูน้อยขายไม้ขีดไฟ
Hans Christian Andersen (ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน)
หนาวเหลือเกิน หิมะกำลังตก และราตรีกำลังคืบคลานเข้ามาถึง วันนี้เป็น วันสุดท้ายของปี วันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ ในความหนาวเยียบเย็น และมืดมัวนั้น ในถนนสายหนึ่งมีผู้คนมากมายออกมาเดินเลือกซื้อของ ขวัญกันด้วยหน้าตาที่สดชื่นเพราะวันนี้เป็นคืนวันสิ้นปี และในท่ามกลาง ความขวักไขว่ของผู้คนเหล่านั้น ได้มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า ที่เก่าและสกปรกคนหนึ่งเดินไปตามถนนสายนั้นเพื่อ ขายไม้ขีดไฟซึ่งเป็น อาชีพของเธอนั่นเอง เธอห่อไม้ขีดไฟไว้ในผ้ากันเปื้อน และถือไว้ในมืออีก กำใหญ่ เด็กน้อยเดินตะโกนร้องขายไม้ขีดไฟไปเรื่อย ๆ " มีใครต้องการไม้ ขีดไฟบ้างไหมคะ...ไม้ขีดไฟค่ะ... ไม้ขีดไฟ"
" คุณป้าขา...ช่วยกรุณาเมตตาซื้อไม้ขีดให้หนูหน่อยสิคะ " เธอร้องบอก ขายกับสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่เดินผ่านมา ด้วยหวังว่าสองแม่ลูกคู่นี้ดูท่าทาง จะเป็นคนใจดี ไม่แน่หรอกบางทีเธออาจจะได้รับความเมตตาบ้างก็อาจเป็นได้ " ไม้ขีดไฟที่บ้านมีอยู่แล้วมากมาย...ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที ไม่เอาหรอกจ๊ะ ลองไปถามขายคนอื่นดูเถอะ " ไม่มีใครซื้อไม้ขีดจากเธอเลยตลอด ทั้งวัน และไม่มีใครให้ทานเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว หนูน้อยที่น่าสงสาร เดินคอตกหนาวสั่นและหิวโหยน่าเวทนายิ่งนัก เกล็ดหิมะเกาะกรังเป็นปุยอยู่บน ผมสีทองยาวสลวยประบ่าของเธอ แน่นอน แม่หนูไม่ได้คิดอาลัยไยดีในสารรูป ของตัวเองเลยสักนิด
เธอพยายามที่จะขายไม้ขีดไฟให้ได้ เพราะถ้าวันนี้เธอขายไม้ขีดไม่ได้เลยสักกำหรือไม่ได้ เงินเลยแม้สักชิลลิ่งหนึ่งแล้ว เมื่อกลับบ้านไปโดยมือเปล่า เธอจะต้องถูกพ่อซึ่งเป็นคนขี้เมาตบตีเอาอย่างทารุณ เด็กหญิง ตัวน้อยๆคนนี้ จึงพยายามเดินขายไม้ขีดไฟของเธอไปเรื่อย ๆอย่างใจลอย และขณะที่เธอ กำลังจะข้ามถนนไป อีกฝั่งหนึ่งนั้น ก็ได้มีรถเกวียนแล่นผ่านมาด้วยความเร็วสูง เธอจึงกระโดดหลบ มันทำให้ร้องเท้าคู่เก่า ๆที่เธอใส่มานั้นต้องกระเด็นไป คนละทิศคนละทาง เธอตกใจมากแต่ก็ร้องห่วงรองเท้าของเธอขึ้นด้วย เสียง อันดังว่า " โอ๊ะ รองเท้า "
Bookmarks