ขอขอบคุณ และขอแสดงความชื่นชม ในความเป็นเลิศ ของกวีทุกท่านที่จะนำเสนอในหัวข้อนี้ เพื่อเผยแพร่ผลงานของท่านเหล่านี้ ให้แพร่หลายและเป็นที่รู้จักกัน และเป็นการสร้างสรรค์ให้วรรณกรรมไทยได้ยืนยงต่อไปทางรสของภาษาได้มากขึ้น




กรองผกา

ไพรวรินทร์ ขาวงาม


ร้อยรสบทกวี



กอบเก็บกองกรองกลีบผกาแก้ว
ดอกลมแล้งเหลืองแล้วได้โปรยหล่น
ห่มพื้นเหลืองเรืองรายกลีบปรายปน
พื้นถนนคลุมห่มด้วยลมแล้ง
ยังช้ำชอกหมอกเช้าคราวรุ่งสาง
คนเดินทางวางเท้าเฝ้าแสวง
ปรับความฝันเป็นไฟให้เริงแรง
แตะแต้มใจเว้าแหว่งแต่งวิญญาณ
ชงโคร่วงกลีบร่ายจากลำต้น
ร่วงลงบนระลอกคล้ำแห่งน้ำน่าน
ลอยล่องไปในทางกระแสธาร
ลอยไปเร่งเบ่งบานในดวงใจ
กรองผกาที่กอบกับความฝัน
กรองคืนกรองวันด้วยฝันใฝ่
ฝันที่ไปไกลกว่าดวงตาไป
ทางที่ไกลแสนไกลไปสุดทาง
. . . . . . . . . . . .
คนหนุ่มสาวก้าวนี้ที่เธอพลาด
ทำแก้วแตกเกลื่อนกลาดจนบาดร่าง
บาดดวงใจดวงน้อยที่ปล่อยวาง
เป็นความหลังอ้างว้างที่ค้างรอย
ที่เหลืออีกหลายก้าวถ้าจะก้าว
คำสัญญาปวดร้าวจะกล่าวถ้อย
จะคาดคั้นชีวิต จะรอคอย
รอดูเธอท้อถอยปล่อยชีวิต
ดวงแสงดาวแห่งศรัทธาจะร่วงหาย
นกสีเหลืองจะตายเงียบสนิท
เหลือพิษแห่งบาดแผลที่แผ่พิษ
ให้สับสนมืดมิดปิดศรัทธา
. . . . . . . . . . . .
เธอฝันไต่ไปสู่ยอดภูเขา
ไปหลบห่มร่มเงาในราวป่า
ไปเพียงเพื่อเหลือเถ้าก้าวกลับมา
เป็นตำนานแสวงหาที่ปวดร้าว
ฉันวิ่งตามหลังเธอพลางเพ้อถึง
เรื่องราวซึ่งเจ็บเจ็บเหน็บเหน็บหนาว
ใครวิ่งตามฉันมาอยู่เกรียวกราว
แล้วมารับรู้ข่าวเธอร้าวราน
ใช่เธอเจ็บฉันก็ใช่จะไม่เจ็บ
ศพดอกไม้ใครจะเก็บไปสุสาน
ถ้ายังมีทางให้ดอกไม้บาน
ไยจะปล่อยลอยผลาญวิญญาณนั้น
. . . . . . . . . . . .
กอบเก็บกองกรองกลีบผกาแก้ว
กรองแล้วกรองใจให้เธอฝัน
ขณะเราปวดร้าวเท่าเท่ากัน
ก็สำคัญอยู่ที่ใครจะยอมแพ้ !


(คำใดจะเอ่ยได้ดั่งใจ - ๒๕๒๘)