กำลังแสดงผล 1 ถึง 6 จากทั้งหมด 6

หัวข้อ: ไปอ่านเจอที่พันธ์ทิพย์

  1. #1
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ บ่าวหนองกี่
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    ที่อยู่
    สุขประพฤติ
    กระทู้
    108

    บ้านมหาโพสต์ ไปอ่านเจอที่พันธ์ทิพย์

    นำเสนอเรื่องราวของชีวิตจริงตั้งแต่ต้น โดยคุณ รุ้งเจ็ดสี
    ติดตามอ่านแล้วเห็นภาพ น้ำตาซึมบางตอน เลยนำลิงค์มาฝากนักอ่านครับ

    เกิดมาใช้กรรม

    สวัสดีค่ะเพือนๆชาวต่างแดนทุกๆ ท่าน ดิฉันนั่งเหงาๆอยู่คนเดียวมาหลายวันหลังจากที่ได้ลาออกจากงานเพื่อที่จะมาทำ ธุรกิจส่วนตัว ตอนนี้ก็เลยพอมีเวลาว่างที่จะเขียนระบายความในใจที่เก็บกดมานานกว่า 13 ปี มันเป็นเรื่องที่หดหู่และรันทดเสียจริงๆ เชิญอ่านกันได้เลยค่ะ(ขณะที่ผู้เขียนได้เขียนเล่าประสบการณ์ให้ฟังนี้ผู้ เล่าได้มาแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศซึ่งอยู่ในเขตยุโรป)

    ดิฉัน เกิดมาจากครอบครัวที่ยากจนครอบครัวหนึ่งทางภาคอีสานที่แสนจะแห้งแล้งและ กันดาร พ่อกับแม่มีลูกด้วยกันทั้งหมดห้าคน ดิฉันเป็นลูกคนที่สี่ มีพี่ชายซึ่งเป็นคนโตหนึ่งคน พี่สาวสองคนและมีน้องชายอีกหนึ่งคน ดิฉันจำได้ว่าตอนที่พ่อยังมีชวิตอยู่นั้นฐานะทางครอบครัวถือว่ายังดีกว่า หน่อยนึง อยากกินอะไรพ่อก็จะพยายามทำงานหนักเพื่อที่จะได้ซื้อสิ่งที่ลูกๆบอกว่าอยาก จะกิน ดิฉันจำได้ว่าทุกๆปีของเทศกาลงานไหมพวกเราจะต้องได้ไปเที่ยวงานอยู่เป็น ประจำ พ่อกับแม่มีอาชีพหลักคืออาชีพในการทำนา ส่วนหลังจากหน้านาแล้วพ่อกับแม่เป็นคนที่ขยันเอามากๆเพราะพ่อกับแม่มักจะบอก พวกเราอยู่เสมอๆว่าลูกมีเยอะก็ต้องทำงานเยอะเป็นธรรมดา พ่อกับแม่จะทำงานหารายได้เสริมด้วยการไปรับของในตลาดมาขาย ขายทุกอย่างที่ขวางหน้าพ่อจะเป็นคนที่คิดเลขได้เร็วมากๆถึงแม้ว่าพ่อจะจบแค่ ปอสี่ก็ตาม เมื่อก่อนพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าฐานะทางบ้านพ่อไม่ได้ยากจนเลยปู่กับย่ามี่ที่ ไร่ที่นามากกว่าร้อยไร่แต่ด้วยความที่ปู่เป็นผีการพนันที่นาก็ถูกปู่นำไป จำนองเพื่อที่จะได้นำเงินมาเล่นการพนัน ย่าพูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะปู่เป็นคนที่ดุมากๆเลยทำให้ลูกๆและย่าไม่สามารถ จะทัดทานปู่ได้เลยแม้แต่นิด เล่นการพนันทุกท่านก็พอทราบดีว่าไม่เคยมีใครร่ำรวยจากพนันขันต่อแม้แต่ราย เดียวส่วนมากที่เห็นก็คือหมดเนื้อประดาตัวไปตามๆกันนั่นเอง ปู่ของดิฉันก็เช่นกันไร่นาหรือแม้แต่ที่บ้านก็ถูกยึดไปโดยเสี่ยคนดังแถวๆ อำเภอ แต่ด้วยความที่พ่อยังรักและหวงแหนในที่นาผืนนั้นพ่อก็ได้ไปเจรจากับเสี่ยว่า ขอเช่าที่นาทำกินได้ไหมเพราะที่นาผืนนั้นเป็นที่นาที่ดินงามน้ำชุ่มปลูกข้าว ก็ให้ผลผลิตดี เสี่ยก็ตกลงให้เช่าทำอยู่เป็นเวลาห้าปี ตามที่เล่ามาข้างต้นว่าพ่อเป็นคนขยันทำงานสุจริตทุกอย่างเพื่อที่จะได้เงิน มา พ่อก็เก็บเล๊กผสมน้อยมาอยู่หลายปีจนพอมีเงินที่จะไปซื้อที่นาของปู่คืนแต่ ว่าจากราคาที่ปู่นำไปจำนองนั้นได้ขึ้นราคาเป็นเท่าตัวซึ่งเงินที่พ่อเก็บมา นั้นมันไม่พอสำหรับการซื้อที่นาทั้งหมด ดังนั้นพ่อจึงซื้อทีนาได้แค่ครึ่งหนึ่งคือ ห้าสิบไร่ แต่พ่อก็เล่าให้พวกเราฟังอย่างภูมืใจอยู่เสมอๆและเท่าทุกวันนี้ดิฉันก็ยัง ภูมิใจในตัวพ่ออยู่ไม่รู้ลืม เอาล่ะค่ะมาเข้าเรื่องต่อกันเลยค่ะ หลังจากที่พ่อได้ซื้อที่นาคืนได้แล้วแต่พ่อก็ต้องนำที่นาอีกแปลงที่เป็น สมบัติของยายที่มอบให้แม่เข้าจำนองกับธนาคาร และทุๆปีพ่อก็จะต้องนำเงินดอกและเงินต้นบางส่วนไปใช้หนี้ให้ธนาคารเป็นแบบ นั้นอยู่หลายปีพ่อก็สามารถใช้หนี้ธนาคารจนหมด ตอนนั้นก็กลายเป็นว่าเรามีที่นาประมาณ แปดสิบไร่แต่ที่นาที่ให้ผลิตดีนั้นเป็นที่นาที่พ่อซื้อกลับมาจากเสี่ยแต่ก็ มีข้อเสียเพราะว่าที่นานั้นอยู่ที่ตัวอำเภอซึ่งห่างจากหมู่บ้านของเราประมาณ ห้าสิบกว่ากิโลได้ ทุกปีของหน้านาหลังจากนาที่หมู่บ้านของเราทำเสร๊จแล้ว พ่อจะต้องทิ้งให้เราอยูตามลำพังตามประสาลูกๆเพราะพ่อกับแม่ต้องไปทำนาที่ตัว อำเภอซึ่งในขณะนั้นพี่สาวคนโตอายุประมาณ 11 พี่สาวคนรองอายุ 9 และดิฉันตอนนั้นอายุได้เพียงเจ้ด7ปี ส่วนพี่ชายคนโตนั้นได้ไปเรียนที่ตัวจังหวัดและได้พักอาศัยอยู่กับญาติของแม่ มีน้องชายคนเล๊กที่ได้ไปกับพ่อแม่เพราะยังไม่ได้เข้าโรงเรียน พ่อก็ทำนาอยู่สองที่อยู่อย่างนี้เป็นเวลาหลายปีพ่อก็บอกว่าตอนนี้ลูกก็โตๆ กันแล้วครั้นจะทิ้งให้อยู่ตามลำพังแบบนี้ก็ไม่ไหวเพราะเป็นห่วงในความ ปลอดภัยของลูกๆ ดังนั้นพ่อจึงตัดสินใจขายที่นาที่ตัวอำเภอไปและเหลืออยู่ที่เดียวคือที่นา ของแม่ ซึ่งที่นาผืนนี้พ่อก็รู้ดีว่าให้ผลผลิตได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะว่าบางทีฝน แล้งก้ทำนาได้ข้าวไม่มาก พ่อจึงปรึกษากับแม่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ข้าวสารไม่พอกินแน่เลยจากแต่ก่อนมีที่นา สองที่ที่หนึ่งทำขายที่หนึ่งเก้บไว้กินแต่ตอนนี้เหลือที่เดียวแถมไม่ค่อยดี เท่าไหร่พ่อกับแม่จึงตัดสินใจนำเงินที่ขายที่นาได้ไปซื้อรถกระบะมือสามมา หนึ่งคันเพื่อที่จะทำการค้าขายเพื่อนำเงินมาสำรองในการซื้อข้าวเพราะว่าบาง ปีฝนแล้งทำนาไม่ได้ก็จะได้นำเงินมาซื้อข้าวกิน ก็ทำมาอย่างนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งดิฉันอายุได้ 12 ปี รถก็เก่ซ่อมแล้วซ่อมอีกจนพ่อบอกว่าไม่ไหวแล้วหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็นำไปให้ ค่าซ่อมรถหมดพ่อจึงตัดสินใจขายรถทิ้งได้เงินมานิดหน่อยก็เก็บไว้ใช้เฉพราะ เวลาจำเป็นเท่านั้น แต่ก็อย่างว่าแหล่ะตอนนั้นพวกเราก็เรียนหนังสือกันทุกคนพี่ๆก็อยู่ระดับ มัธยมกันหมดค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคุณดิฉันจำได้ว่าเมื่อก่อน พ่อจะมีเวลาให้เรามากพาเราไปตลาดพาเราไปดูหนังกลางแปลงอยู่เป็นประจำ ซึ่งแตกต่างจากตอนนี้พ่อต้องออกไปขายของตามที่ต่างๆเป็นเวลานานๆ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า สามอาทิตย์พ่อถึงจะกลับมาบ้านมาพักได้ไม่ถึงอาทิตย์พ่อก็ต้องไปอีก ตอนนั้นดิฉันอายุได้ 12 ปีและดิฉันไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ดิฉันได้คุยและ ได้กอดกับพ่อ....
    วันนี้ขอพอก่อนนะคะเพราะว่าเขียนไปก็ร้องไห้ไปเพราะ คิดถึงพ่อมากๆเพราะตอนนี้ดิฉันมีทุกอย่างเพราะทำตามรอยพ่อแต่ไม่มีโอกาสได้ ตอบแทนบุญคุณของพ่อเลย ขอโทษนมากๆนะคะและหวังว่าคงอยากจะมึคนคอยติดตามอ่านนะคะ

    http://www.pantip.com/cafe/klaibann/.../H8027762.html
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย บ่าวหนองกี่; 09-07-2009 at 11:05.

  2. #2
    Membership renewed สัญลักษณ์ของ siranee
    วันที่สมัคร
    Jul 2008
    ที่อยู่
    ลาดกระบัง54(วัดศรีวารีน้อย)
    กระทู้
    909
    ขอติดตามตอนต่อไปแน่เด้อจ้า....ชีวิตน่ะชีวิต

  3. #3
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ security182
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    ที่อยู่
    ประเทศไทย
    กระทู้
    140
    เป็นเรื่องที่น่าติดตามมากๆครับ

    เอาล่ะค่ะหลังจากที่นั่งร้องไห้ไปเสียนานแต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมามากแล้วยังไงก็ต่อเลยละกันค่ะ.....

    วันนั้นเป็นวันแข่งขันกีฬาสีประจำอำเภอ ซึ่งทางโรงเรียนของดิฉันก็ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน ตอนนั้นพ่อยังไม่ได้ออกไปขายของเพราะพ่อพึ่งจะกลับเข้ามาพัก ดิฉันได้เห็นสายตาจากพ่อที่มองมาที่ดิฉันด้วยความภาคภูมิใจ เพราะดิฉันติดทีมตัวจริงในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ทีมโรงเรียนเราเล่นได้เก่งมากๆจากสถิติในการแข่งพวกเราก็ชนะมาโดยตลอด พ่อมาดูดิฉันแข่งตั้งแต่เกมส์ยังไม่เริ่มดูเหมือนพ่อจะตื่นเต้นเอามากๆเลย
    และแล้วการแข่งขันการชิงชะนะเลิศก็เริ่มขึ้นก็เริ่มขึ้น พ่อที่คอยยืนให้กำลังใจอยู่แถวหน้านั้นได้ร้องตะโกนส่งเสียงเชียร์อย่างไม่ย่อท้อเรียกชื่อของดิฉันอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ดิฉันได้เล่นลูกบอล ในขณะที่แม่ก็คอยยืนเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ๆพ่อนั่นเอง
    จบการแข่งขันปรากฏว่าทีมโรงเรียนของดิฉันเป็นฝ่ายชนะเลิศและคว้าถ้วยทองมาได้เพิ่มติดต่อกันเป็นปีที่สาม พ่อของดิฉันดีใจกระโดดโลดเต้นมากกว่าพวกเราทุกคนที่ลงแข่งเสียอีก ดิฉันเห็นแววตาของพ่อมีความสุขมากซึ่งดิฉันไม่ได้เห็นแบบนี้มาก่อนเลย หลังจากแข่งเสร๊จเราก็ได้พักและพ่อก็ได้ถือขนมที่ดิฉันชอบมาให้

    พ่อ: เอ้ากินซะยัยหนูวันนี้ลูกเล่นได้เก่งมากๆเลยดีนะที่พ่อกลับมาทันได้ดูหนูแข่งพอดีไม่งั้นพ่อคงอดไม่ได้ดูเกมส์มันๆแบบนี้แน่เลย แต่คู่ต่อสู้เขาก็เก่งไม่เบาเอาเลยนะ เล่นกันตั้งหลายเซตกว่าจะเอาชนะได้น่ะ

    ดิฉันรับขนมจากมือพ่อพร้อมกล่าวคำขอบคุณ พร้อมทั้งกินขนมที่ชอบมากๆเข้าไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่เรากำลังสนทนากันตามประสาพ่อลูกนั้น เพื่อนร่วมห้องก็วิงมาตามบอกว่าให้ไปพบครูที่สนามวิ่งแข่งขัน ยังไม่ทันที่ดิฉันกับพ่อจะได้ถามเพื่อน เพื่อนก็วิ่งไปเสียก่อน ปล่อยให้ดิฉันงงและเดินไปพบครูพร้อมกับพ่อ พอไปถึงครูก็บอกว่า
    ครู: เนี่ยทางโรงเรียนเราไม่มีคนวิ่งแข่งมาราธอนหญิงเลยครูเห็นว่าเธอตัวโตขายาวน่าจะวิ่งได้
    ดิฉัน: แต่ว่าครูคะหนูไม่ได้ซ้อมมาเลยหนูคงวิ่งไม่ไหวหรอกค่ะ
    ครู: ไม่เป็นไรก็วิ่งไปนั่นแหล่ะเพราะเราเป็นเจ้าภาพไม่ส่งก็น่าเกลียด วิ่งไม่ไหวก็วิ่งออกมาไม่เป็นไร
    ดิฉันมองหน้าพ่อเหมือนจะบอกพ่อให้บอกครูไม่ให้วิ่งแต่พ่อของดิฉันเป็นเลือดนักสู้ท่านก็เลยบอกดิฉันว่า
    พ่อ: ไม่เป็นไรลูกลงแข่งไปเลยไม่ต้องกลัวเดี๋ยวพ่อจะคอยยืนเป็นกำลังในให้ข้างๆสนามนี่แหล่ะ

    ดิฉันมีเวลาเหลือในการเตรียมตัวเพียง 15 นาทีเท่านั้น ระหว่างที่รอการแข่งอยู่นั้นแม่ก็ได้พาเพื่อนบ้านซึ่งได้ตามหาพ่อให้มาพบที่สนามวิงแข่งขัน
    เพื่อนบ้าน: พี่สิงห์พ่อผู้ใหญ่ให้มาตามบอกว่าวันนี้เราจะออกขายของกันให้พี่กลับไปเก็บของเราจะออกเดินทางประมาณบ่ายสามโมง
    พ่อ: วันนี้พี่คงไปไม่ได้หรอกเพราะว่าพี่ต้องอยู่ดูลูกพี่แข่งขันกีฬา ทำไมไม่ไปตามทิดสีล่ะ
    เพื่อนบ้าน: ไปตามแล้วเขาไม่อยู่บ้านสงสัยจะไปไร่
    พ่อ: ถ้าอยางนั้นก็ไปบอกพ่อผู้ใหญ่นะว่าเสร็จการแข่งวิ่งของลูกแล้วจะไปก็ประมาณสี่โมงเย็นนั่นแหล่ะ
    แม่: แต่แม่ว่าพ่อไม่ต้องไปขายของหรอกงวดนี้ เพราะข้าวที่นาเรามันเหลืองอร่ามหมดแล้วนะ ถ้าหากว่าพ่อไปนะแม่คนเดียวคงจะเก็บเกี่ยวไม่ทันข้าวก็จะร่วงทิ้งหมด
    พ่อกับแม่ก็พูดคุยกันอยูjอย่างนั้นดูเหมือนว่าแม่จะโกรธพ่อที่ห้ามไม่ฟัง
    พ่อ: เอาเถอะๆ ครั้งนี้พ่อขอไปเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกันนะแม่ ต่อไปนี้พ่อจะไม่ออกไปขายของไกลๆอีกแล้วเพราะว่าพ่อคิดถึงลูกๆเวลาเห็นผลหมากรากไม้ที่ลูกๆชอบกิน

    ระหว่างที่พ่อกับแม่คุยกันอยู่นั้น ดิฉันก็ได้เวลาไปเข้าลู่แข่งขันพอดี พ่อก็เดินมาตบหัวของดิฉันเบาๆแล้วบอกว่า สู้เขานะลูก ดิฉันก็ได้เข้าลู่ประจำที่ ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้นดิฉันก็ได้ยินแต่เสียงของพ่อซึ่งร้องตะโกนว่า อย่าพึ่งวิ่งเร็วนะลูกเก็บแรงไว้ก่อน เอาไว้เร่งตอนใกล้ๆเข้าเส้นชัย ดิฉันวิ่งไปเรื่อยๆจนเหลืออีกสองรอบสุดท้ายนึกในใจว่าไม่ไหวแล้วต้องวิงออกแล้วล่ะ แต่พอมองไปเห็นหน้าพ่อซึ่งยืนอยู่ข้างสนามด้วยสายตาที่เชื่อมั่นว่าลูกฉันทำได้ ทันทีนั้นความคิดที่จะวิ่งออกจากสนามก็หายไปโดยทันที
    ดิฉันกัดฟันวิ่งจนถึงรอบสุดท้ายถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้รับรางวัลใดๆในครั้งนั้นเลยก็ตาม พ่อซึ่งคอยยืนส่งเสียงเชียร์ตั้งแต่ต้นจนจบ รีบวิ่งเข้าไปทำหน้าที่แทนครูผู้หญิงที่คอยรอรับตัวนักวิ่งทันที ซึ่งใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นอ้อมกอดสุดท้ายและคำพูดสุดท้ายที่พ่อคุยกับดิฉัน

    พ่อ: เก่งมากเลยลูก ไม่เป็นไรๆลูก พ่ออยู่นี่แล้ว ยกมือขึ้นสูงๆ อย่าพึ่งเดิน หายใจลึกๆ หนูไม่ต้องเสียใจนะลูกที่ไม่ได้เข้าเส้นชัยก่อนใคร ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ได้ชัยชะนะ ไม่ได้เป็นที่หนี่ง แต่หนูก็เป็นคนเก่งของพ่ออยู่เสมอ

    นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ดิฉันได้คุยกับพ่อและพ่อได้กอดดิฉันไว้ในอก ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนเลยว่าพ่อจะจากเราไปโดยไม่มีวันกลับมาอีกเลย.....

    ตอนนี้ต้องขอเบรคก่อนนะคะ เพราะถึงเวลาต้องเตรียมอาหารเย็นให้สามีก่อน เดี๋ยวกลับมาต่อกันว่า ทำไมพ่อจากเราไปตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ทำไมพ่อถึงไม่ได้กลับมาหาพวกเราอีกเลย ติดตามกันหลังอาหารเย็นนะคะ

    โค้ด:
    ขอบคุณที่มาครับ
    http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H8027762/H8027762.html
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย security182; 10-07-2009 at 11:46.

  4. #4
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ลาวสวิส
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    กระทู้
    345
    ขอบคุณหลายๆเด้อจ้า โฮ้..อ่านแล้วกะซึ้งคัก...

  5. #5
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ security182
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    ที่อยู่
    ประเทศไทย
    กระทู้
    140
    คลิกเข้าไปอ่านในกระทู้ต้นฉบับเด้อครับ
    ตามนั้นละครับ เป็นเรื่องราวที่น่าตีพิมพ์พู้นละครับ

    กตัญญู และต่อสู้มากๆ ผู้หญิงคนนี้
    ทั้งใจบุญ ครับพี่น้อง

  6. #6
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ แจ่มใสยิ้มสวย
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    ที่อยู่
    USA
    กระทู้
    961
    บล็อก
    18
    อ่านแล้ว ทุกตอนเหมือนกัน

    มองในแง่ของงานประพันธ์ ก็เป็นงานเขียน ที่ดีค่ะ
    มองในแง่ของการดำเนินชีวิต เป็นบทเรียนให้หลายคนได้ศึกษา
    หากจะบอกว่า ลำบากมากคงไม่หรอก เพราะ มีเด็ก อิสาน ยุคนั้น ทำงานยิ่งกว่านี้ อีก ไม่ได้มีไร่นา เช่นครอบครัวนี้ ด้วยซ้ำ
    แต่ก็นั่นแหละ ก็แล้ว แต่การมอง การคิด ของแต่ละ คน ว่าสิ่งที่ตัวเองสัมผัส นั้น เหนื่อยหนัก หรือสบายๆ ตามหน้าที่

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •