เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ กรมขุนเสนาพิทักษ์ หรือเรียกติดปากว่าเจ้าฟ้ากุ้ง เจ้าฟ้าองค์หนึ่งของอยุธยา พระองค์มีพระปรีชา สามารถหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร การช่างและโดยเฉพาะด้านวรรณกรรม จัดได้ว่าพระองค์ท่านทรงเป็นคีตกวีที่ยิ่งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่ง


พระองค์ประสูติ เมื่อ พ.ศ.๒๒๔๘ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระซึ่งเป็นพระปิตุลา (ลุง) ของพระองค์ ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จ พระบรมโกศหรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ กับกรมหลวงอภัยนุชิต พระมเหสีใหญ่ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรมีพระอนุชาต่างพระมารดา อีก ๒ พระองค์คือ พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าเอกทัศ(พระเจ้าเอกทัศ) และพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าดอกเดื่อ (ขุนหลวงหาวัด)



ลุศักราช ๑๑๐๓ ปีระกา ตรีศก พ.ศ. ๒๒๘๔ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ได้เข้าพระราชพิธีอุปราชาภิเศกเถลิงถวัลยราชสถิติ ที่พระมหาอุปราช เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าหญิงอินทสุดาวดี ก่อนหน้านี้เเคยจะถูกสำเร็จโทษ
เนื่องจากไปทำร้ายเจ้าฟ้านเรนทร์ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ พระโอรสองค์โตในพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เนื่องจากแกรงว่าจะเป็นศัตรูในการสืบราชสมบัติ ซึ่งกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เป็นที่โปรดปรานรักใคร่ของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในขณะดำรงค์ตำแหน่งอุปราช
ต่อมาเจ้าฟ้านเรนทร์ ทรงออกผนวจมอบราชสมบัติให้เจ้าฟ้าอภัย ทำให้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ไม่พอพระทัย และเกิดการแย่งชิงราชสมบัติ
เจ้าฟ้ากุ้งฟ้าเคยเป็นคู่รักกับหม่อมเจ้าสังวาลย์ แต่ต่อมากลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ซึงเป็นผู้สั่งประหารบิดาของหม่อม เจ้าสังวาลย์ ส่วนเจ้าฟ้าเทพผู้เป็นแม่กลับกลายเป็นชายาของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เจ้าฟ้ากุ้ง ภายหลังเจ้าฟ้ากุ้งก็ลักลอบไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้านิ่มหรือเจ้าฟ้าสังวาลย์ อ จึงเกิดเป็นกาพย์กลอน เรื่องกากี และบทสังวาส

ในตอนหลังทรงติดโรคผู้ชายคือสิฟิริส เมื่อโรคลุกลามไปยังเส้นประสาททำให้เดินตัวงอ หมดคุณสมบัติการสืบทอดราชสมบัติ จึงเป็นที่มาของคำว่าเจ้าฟ้ากุ้ง และก็ถูกพระราชบิดาสำเร็จโทษโดยการโบยพร้อมเจ้าฟ้าสังวาลย์ ข้อหาลักลอบคบชู้ แล้วนำพระศพไปฝังที่วัดไชยวัฒนาราม

ผลงานด้านวรรณกรรมที่พระองค์พระนิพนธ์ไว้เป็นสมบัติของชาติไทยหลายเรื่องด้วยกัน พระองค์ท่านทรงชำนาญ ในการประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลง งานพระนิพนธ์เท่าที่ทราบมีดังนี้
๑. กาพย์เห่เรือ
๒. บมเห่เรื่องกากี ๓ ตอน
๓. บทเห่สังวาสและเห่ครวญอย่างละบท
๔. กาพย์ห่อโคลงนิราศธานโศก
๕. กาพย์ห่อโครงนิราศธารทองแดง
๖. ลิลิตนันโทปนันทสูตรคำหลวงทรงนิพนธ์ พ.ศ. ๒๒๗๙ ขณะทรงผนวช
๗. ลิลิตพระมาลัยคำหลวงทรงนิพนธ์ พ.ศ. ๒๒๘๐ ขณะทรงผนวช
๘. เพลงยาวบางบท
เอวอ่อนชอ้อนองค์ โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์
หาไหนไม่เทียมทัน ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก
ขาวสุดพุดจีบจีน เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์
ทั้งวังเขาชังนัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว

ตอนหนึ่งของกาพย์แห่ควาญ

สุบรรณแผลงเดชล้ำ ...... บินบน
กางปีกบังสุริยน ............ มืดฟ้า
ร่อนลงสู่ไพชยนต์ ......... ปรางค์มาส
เข้านั่งแอบนุชเคล้า ....... แนบเนื้อนวลสมร

สุบรรณสำแดงฤทธิ์ ...... ให้มืดมิดปิดอำพร
ร่อนลงตรงบัญชร ......... จรสู่น้องแก้วกากี
กล่าวรสพจนาตถ์ .......... สายสุดสวาทเจริญศรี
ผินหน้ามาพาที ............ พี่คือชายชาญสกา
ประสงค์จำนงรัก .......... จึงลอบลักเข้ามาหา
หวังเชิญแก้วกานดา ...... ไปสู่ฟ้าพิมานจันทร์
เสวยรมย์สมบัติพี่ .......... ในฉิมพลีเกษมสันต์
แล้วจะพาเจ้าจรจรัล ....... เที่ยวชมชั้นพระเมรุธร
พี่จะชี้ชมทรายแก้ว ........ งามพรายแพร้วเชิงสิงขร
แม่น้ำสีทันดร ................ สิงขรกั้นเป็นกรรกง
จะพาชมพิทยาธร .......... ฝูงกินนรแลเหมหงส์
เหล่าสัตว์ตระกูลวงศ์ ...... อยู่ในดงเขาสัตภัณฑ์
จะได้ชมนารีผล ............. งามสกนธ์ดังแสร้งสรรค์
อยู่ยอดเขาอัศกรรณ ........ ฝูงคนธรรพ์มาเชยชม
จะพาไปไกรลาส ............. เฝ้าเบื้องบาทพระสยม
ดูเทพมาบังคม ............... จับระบำรำผาลา
เทพบุตรตีวงซ้าย ............ สาวสวรรค์ย้ายมาฝ่ายขวา
แทรกเปลี่ยนเวียนไปมา ... กรคว้าไขว่พัลวัน
อย่าอาลัยมนุษย์เลย ......... ไปชมเชยพิมานสวรรค์
ว่าพลางทางติดพัน .......... ผันจุมพิตชิดชมนาง ๚

กากีกรป้องปัด ................. กรครุฑ
ไยจึงมายื้อยุด ................. เหนี่ยวน้อง
ไม่เกรงพระปิ่นมกุฏ ........ จอมราช เลยนา
มาอาจออกคำพร้อง ......... ล่อเลี้ยวเจรจา ฯ

กากีกรป้องปัด ................. ต้องสัมผัสด้วยปักษา
เสียวซ่านดาลกรีฑา .......... มานะใจให้อัปมาน
ตอบรสพจน์วาที .............. ต้องเจ้านี้โอหังการ
ไม่เกรงพระภูบาล .............ทั้งไภยพาลในอบาย
ถึงเป็นชายชาญสกา ......... ไม่เจตนาอย่างพักหมาย
ฝ่ายเจ้าก็เลิศชาย .............. สายสุริย์วงศ์พงศ์เทวัญ
เสวยทิพย์พิมานทอง ........ ฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์
ไม่ควรมาผูกพัน .............. จะพากันตกนรกานต์
ซึ่งว่าจะพาชม ................. บรมสุขสนุกสนาน
ขอบรสพจมาน ................ ไม่ควรการอย่าเจรจา
ครุฑฟังสายสุดสวาท ....... ปรามาสกนิษฐา
เจ้าดวงทิพย์มณฑา .......... วาจาจัดสารพัดงอน
พี่ประมาทอาจหาญนัก ...... เพราะจงรักเจ้าสายสมร
เท่าฟ้าแผ่นดินดอน ........... ห่อนกลัวเวรเพราะหวังใจ
ขอฝากไมตรีจิต ................ กว่าชีวิตจะตักไษย
ว่าพลางทางคว้าไขว่ ........ สัพยอกเย้าหยอกนาง ฯ

กางกรอุ้มโอบแก้ว ............. กากี
ปีกกระพือพาศรี ............... สู่งิ้ว
ฉวยฉาบคาบนาคี ............. เป็นเหยื่อ
หางกระหวัดรัดหิ้ว .......... สู่ไม้รังเรียง ฯ

กางกรอุ้มโอบแก้ว ............ เจ้างามแพร้วสบสรรพางค์
ปีกปกอกเอวนาง .............. พลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล
ฉวบฉาบคาบนาคา .......... เป็นภักษาพาผกผัน
หางกระหวัดรึงรัดพัน ..... ดั้นเมฆามาสิมพลี
ดลสถานพิมานมาศ .......... เกลียวกลมสวาทนาฎกากี
เหิมหวลยวลกามี ............. ปรีดาแนบแอบอิงองค์
เริงรื่นชื่นเชยปราง .......... พลางคลึงเคล้าเต้าบุษบง
กอดเกื้อเนื้อนวลหง .......... ปลงสวาทชมสมเสพย์สมร
กากีแน่งน้อยนาฎ ............. อภิวาทประนมกร
ก้มเกล้ากล่าวชอ้อน .......... ซอนซบหน้าตาเมียงมัน
ปักษีกรีฑาชม .................. ภิรมย์เปรมเกษมสันต์
กลมเกลียวเกี่ยวกรพัน ...... ผันยั่วเย้าเคล้าคลึงชม
สองสุขสองสังวาส .......... แสนสุดสวาทสองสู่สม
สองสนิทนิทรารมณ์ ........ กลมเกลียวชู้สู่สมสอง
แย้มยิ้มพริ้มพรักตรา ....... สาภิรมย์สมจิตปอง
แสนสนุกสุขสมพอง ........ ในห้องแก้วแพรวพรรณราย
ลมพัดกลัดเมฆเกลื่อน ...... ฟ้าลั่นเลื่อนแลบแสงพราย
วลาหกตกโปรยปราย ...... สายสินธุ์นองท้องธารา
เหราร่าเริงรื่น ................ ว่ายเคล้าคลื่นหื่นหรรษา
สองสมกลมกรีฑา ............ เปนผาสุขทุกนิรันดร์ฯ