ไข้หวัดใหญ่ 2009 กับหญิงตั้งครรภ์
นับตั้งแต่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อเดือนเมษายนศกนี้ เป็นต้นมา แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ที่เป็นโรคจะไม่ได้แตกต่างไปจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล หรือในประเทศไทยอาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้มีการระบาดที่รวดเร็วและกว้างขวาง จึงก่อให้เกิดความกังวลขึ้นในหมู่ประชาชนมิใช่น้อย
ที่ผ่านมาแม้จะมีการพูดถึงหญิงตั้งครรภ์ว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสำหรับโรคนี้ แต่ก็ไม่ได้มีการให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนว่าถ้าเป็นแล้วกินยาโอเซลทามิเวียร์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อการค้าว่า ทามิฟลู) ได้หรือไม่ เด็กในครรภ์จะมีผลอย่างไรบ้าง
ในฐานะของสูตินรีแพทย์ที่เคยอยู่โรงเรียนแพทย์มาก่อน ได้ลองค้นหาข้อมูลรวมทั้งข้อคิดเห็นส่วนตัวมาเล่าสู่กันฟัง
หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการแรกเริ่มจะเหมือนกับไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อาจมีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือคลื่นไส้ อาเจียน แต่เมื่อใดก็ตามที่ไข้สูง อาการเป็นมาก กินยาแล้วยังไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะบางรายอาการอาจรุนแรงในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีการจัดหญิงตั้งครรภ์ให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงเมื่อเป็นโรคนี้
ถ้าถามว่าความเสี่ยงสูงอย่างไร คงเทียบได้กับความเสี่ยงในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปแล้วเป็นโรคนี้
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ควรได้รับยารักษาโรคเร็ว ถ้ามีอาการที่น่าสงสัย เช่น ไข้สูง ปวดตามตัว ไอมาก มีน้ำมูก ร่วมกับมีประวัติเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ หรือตรวจคัดกรองแล้วให้ผลเป็นบวก ควรเริ่มการรักษาทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอผลการตรวจยืนยัน ซึ่งใช้เวลาหลายวัน มักแนะนำให้ยารักษาภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
ยาที่ให้ได้แก่ โอเซลทามิเวียร์ รับประทานเป็นเวลา 5 วัน การได้ยาเร็วมักได้ผลดี เพราะหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้มีบางรายเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น โรคปอดบวม
หลายคนอาจมีความกังวลว่า ยาโอเซลทามิเวียร์จะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์หรือไม่ จากการที่มีการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ผ่านๆ มา ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ายามนี้จะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์
แม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะมีอัตราการแท้ง และการคลอดก่อนกำหนดสูงกว่าคนทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเป็นจากอาการของโรค เพราะการมีไข้สูงมากจะมีผลทำให้แห้ง หรือก่อให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ หากมีไข้สูงควรรับประทานยาพาราเซตามอล หรืออะเซตามิโนเฟน ไม่ควรรับประทานแอสไพริน
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการสร้างอวัยวะต่างๆ ของทารก การจะรับประทานยาใดๆ คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ แพทย์มักจะชั่งน้ำหนักดูระหว่างความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรค กับผลเสียที่อาจเกิดจากยา
เมื่อใดที่เห็นว่าความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์จากโรคมีสูง แพทย์ก็จะให้ยาทันที
ดังนั้นการจะให้ยาหรือไม่จึงต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป แต่ถ้าอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และมีอาการน่าสงสัยมากดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรจะได้ยาโอเซลทามิเวียร์เลย โดยไม่ต้องรอผลการตรวจยืนยันเชื้อ
เมื่อหญิงตั้งครรภ์ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มาแล้ว สามารถถ่ายทอดติดไปถึงลูกในครรภ์หรือไม่
แม้จะยังไม่มีข้อมูลมากพอ แต่ในทางทฤษฎีเมื่อผู้ใดติดเชื้อ จะมีช่วงหนึ่งที่ไวรัสเข้าไปในกระแสโลหิต แม้จะเพียงจำนวนน้อยและจะหายไปในเวลาอันสั้น ถ้าบังเอิญเด็กคลอดในตอนนั้น เด็กอาจได้รับเชื้อมาได้ แต่ถ้าอาการของหญิงตั้งครรภ์ดีขึ้นแล้วเด็กที่คลอดก็ไม่ควรจะติดเชื้อมาด้วย
การให้นมแม่หลังคลอด เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จึงยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อผ่านทางน้ำนมได้หรือไม่ แต่จากรายงานต่างๆ เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แทบไม่พบเชื้อไวรัสเหล่านั้นในกระแสโลหิต จึงไม่น่าจะมีเชื้อออกมาทางน้ำนม และการที่คุณแม่ได้ยาต้านไวรัสก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการให้นมลูก
จึงแนะนำว่าเด็กควรได้รับนมแม่หากขณะที่คลอดคุณแม่ยังไม่แน่ว่าหายจากโรคหรือยัง ให้ใช้วิธีบีบน้ำนมใส่ขวด แล้วให้บุคคลอื่นเป็นคนป้อนนม ถ้าคุณแม่มีอาการคล้ายเป็นหวัด แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยในขณะดูแลลูกหรือให้นมลูก
ข้อแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทั่วไปเพื่อไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้แก่ เมื่อไปจับต้องสิ่งของนอกบ้าน ต้องล้างมือทุกครั้งด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือ เมื่อออกจากบ้านไปในที่ชุมนุมชนใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
หากมีบุคคลในครอบครัวเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ต้องแยกออกไปทันที หรือถ้าใครในบ้านเป็นหวัดให้ใส่หน้ากากอนามัยไว้
สำหรับการฉีดวัดซีนป้องกันโรคในหญิงตั้งครรภ์ แม้ว่าจะมีวัดซีนหลายอย่างที่มีหลักฐานชัดเจนว่าปลอดภัย เช่น วัคซีนป้องกันบาดทะยัก แต่สำหรับวัดซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีข่าวว่ากำลังจะนำออกมาใช้ เนื่องจากหลักฐานความปลอดภัยยังไม่ชัดเจน
จึงไม่แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีดในขณะนี้
ข้อมูลจาก นพ.สมบูรณ์ คุณาธิคม ?? หนังสือพิมพ์มติชน
ประจำวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11465 หน้า6
Bookmarks