เห็นผักอีเลิศ เป็นตาแกงอ่อมน้อ
อ้อ บักแข้งอีก แกงเผ็ดเนื้อ ใสบักแข้ง โอ้ยสุดยอด
ทอดปลากุเลาเค้ม ด้วย ยิ่งแซบ
ว่าแล้วน้ำลายชักไหลแล้ว อยากกินแล้วเน๊าะ
เห็นผักอีเลิศ เป็นตาแกงอ่อมน้อ
อ้อ บักแข้งอีก แกงเผ็ดเนื้อ ใสบักแข้ง โอ้ยสุดยอด
ทอดปลากุเลาเค้ม ด้วย ยิ่งแซบ
ว่าแล้วน้ำลายชักไหลแล้ว อยากกินแล้วเน๊าะ
*********************************
อิสระ เสรี เสมอภาค
*********************************
ผักบางอย่างก็ไม่รู้จักจ้า
ฮู้จัก เกือบหมด คับ แต่ว่า บ่คุ้น ผักนี้เลย
บ่รู้ว่ามันคือผักอีหยัง อาจสิเคยเห็นแต่ว่าเอิ้นบ่คือกัน
อันนี่แหม่นดอกมันปลาบ่ครับท่านห้วยสีทน
เพิ่มเติมครับ
ต้นกันเกรา (มันปลา)
มันปลา ภาคกลางเรียกว่า กันเกรา ในภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย อาจเรียกแตกต่างกันไป ภาคอีสานและภาคเหนือ เรียก มันปลา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Fagraea fragrans Roxb.
วงศ์ Loganiacaca
ชื่อสามัญ Anan
ต้นมันปลาเป็นไม้ดอกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่ดอกหอมทนนาน ในข่วง
ปลายฤดูร้อนที่แสนร้อนระอุของดอนแดนอีสานถึงต้นฤดูฝน หรือประมาณปลายเดือนเมษายน ต้นเดือนมิถุนายน พื้นที่ใดเป็นดงมันปลาในช่วงเวลาดังกล่าวจะหอมตลบอบอวน ผสมผสานกับเสียงหึ่งของหมู่ผึ้ง ผีเสื้อต้นฤดูฝนและแมลงต่าง ๆ น่าดูน่าชมยิ่งนัก
ที่เรียกว่า มันปลา ได้รับการเล่าขานสืบต่อกันมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า ไม้มันปลามีเนื้อไม้แข็งและเหนียว สีเหลืองปนขาวคล้ายไม้สัก มีน้ำมันหล่อเลี้ยงเนื้อไม้คล้ายทาด้วยน้ำมันจากปลา ในปลาเป็นไม้ขนากกลางสูง 20-25 เมตร เปลือกสีน้ำตาลเข้มแตกเป็นร่องลึกเนื้อเปลือกนอกเป็นเส้นเล็ก ๆ แข็งผสมกับเนื้อเปลือกสีเหลืองอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามรูปรีกว้างประมาณ 2.5-3.5 ซม. ยาวประมาณ 8-11 ซม. โคนและปลายใบแหลม ใบหนาช่อคล้ายดอกเข็ม กลีบดอก 5 กลีบ เชื่อมกันคล้ายรูปแจกัน บานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 ซม. เกสรตัวผู้ 5 อัน ออกจากกลางดอก ดอกจะทยอยร่วงจนหมดช่อดอกปลายกิ่งเป็นช่อ 15-20 วัน พร้อมกับมีผลเล็ก ๆสีเขียวแทนดอกสีเหลืองที่หลุดร่วงไป ผลแก่จะเป็นสีเขียวคล้ำ สีส้มและแดงเลือดนกเมื่อสุก ส่วนเมล็ดอ่อนไม่มีเปลือกหุ้ม มีอัตราการงอกน้อยมากจึงแพร่พันธุ์ได้ยากมาก เราจึงมักจะไม่ค่อยเห็นป่ามันปลาเป็นกลุ่มล้วนๆ เหมือนกับไม้บางชนิดที่เมล็ดมีอัตราการงอกสูง
ไม้มันปลาเป็นไม้ที่พบได้ในป่าภาคอีสานและภาคเหนือโดยทั่วไป เป็นไม้เนื้อแข็งเนื้อเรียบและละเอียดทนแดดทนฝนและทนน้ำ ชาวบ้านนิยมให้ทำเสารั้วเสาบ้านหรือ เสาเถียงนาเสาต้อน (ที่ดักปลา) หรือการก่อสร้างที่ต้องตากแดดตากฝนหรือฝังลงดิน เพราะไม่มันปลามีน้ำมันหล่อเลี้ยง ปลวกไม่เจาะมอดไม่ไม่กินและผุง่าย นอกจากนั้นชาวอีสานยังถือว่าไม้มันปลาเป็นไม้มงคล จึงนิยมใช้แกะสลักพระพุทธรูปไม้และทำเครื่องรางของขลังอื่น รวมทั้งก่อสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ปัจจุบันมีผู้นิยมนำไม้มันปลาไปแกะสลักพระเครื่องไม้ เมื่อแกเออกมาแล้วจะมีและลายเหมือนงาช้าง ชาวอีสานเชื่อว่าต้นมันปลาเป็นต้นไม้ที่สำคัญ ที่สักกล่าวถึงในพระเวสสันดรชาดก ในงานบุญผะเหวดหรือบุญมหาชาติ จึงนิยมไปเทศน์ผะเหวด และอัญเชิญพระเวสสันดรกลับเมือง ที่ ณ บริเวณป่าที่มีต้นมันปลากำลังออกดอกเต็มต้น หอมตลบอบอวนและถือโดกาสเหน็บดอกมันปลาแห่พระเวสสันดรกลับเข้าเมือง (วัด) แล้วนำดอกมันปลาไปบูชาไว้ที่หอพระพุทธรูปในวัด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพระพุทธรูปไม้มันปลา
ไม้มันปลาเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่ชาวอีสานใกล้จะเหลือไว้ให้ลูกหลาน ได้พบเห็นในวัด ในดอนเจ้าปู่หรือตามหัวไร่ปลายนาแต่ไม่นอยมปลูกในบริเวณ
ต้นกันราหรือต้นมันปลานี้ยังให้ประโยชน์ทางสมุนไพรอีกด้วย โดยในตำรายาโบราณ กล่าวว่า แก่น มีรสมัน เฝื่อน ฝาด ขม บำรุงไขมันร่างกาย บำรุงธาตุเป็นยาอายุวัฒนะแพทย์ชนบทบางจังหวัดใช้ไข้จับสั่น แก้หืด ไอ ริดสีดวง ท้องมาน ลงท้อง มูกเลือด แน่นอก บำรุงม้าม แก้เลือด พิษ และขับลม
ปัจจุบันต้นกันเกราหรือต้นมันปลาเป็นต้นไม้และดอกไม้ประจำจังหวัดนครพนม โดย นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นผู้ริเริ่ม
ไม้มันปลาเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่ชาวอีสานมักจะเหลือไว้ให้ลูกหลานพบเห็นในวัด ในดอนเจ้าปู่หรือตามหัวไร่ปลายนาแต่ไม่นิยมปลูกในปริเวณบ้าน
ขอบคุณ http://www.sawasdeenakhonphanom.com/...owledge&id=122 ครับ
แม่นแล้วคับ อ้าย เขาเอิ้นว่าดอกกันเกรา หรือว่า ดอกมันปลา ภาษาเขมร เรียกว่า ปกาสตราว ที่จำได้เพราะว่า เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุรินทร์ ที่ทำงานเก่าปลูกไว้หน้าสำนักงาน มี 2 ต้น ต้นใหญ่ ออกดอกสุ ปี ครับ หอมหลาย
เพิ่มเติมอีกจักน้อย เวลาดอกร่วงเหมิด สิมีหน่วยเวลาสุกสีแดง ๆ เป็นพวง ๆ แต่บ่รู้ว่ากินได้บ่ เคยลองขบเบิ่ง กะคือสิเป็นแนวกินบ่ได้ เหอๆๆ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ๛หนุ่มบ้านไกล๛; 02-04-2010 at 19:34.
Bookmarks