ข่าวดีสำหรับผู้ประกันตน
ผู้ประกันตนเฮ ครม.ไฟเขียว คุ้มครองคู่สมรส-บุตร
ครม.ไฟเขียวขยายความคุ้มครองประกันสังคมแก่คู่สมรสและบุตรของผู้ประกันตน ดำเนินการตามนโยบายสังคมและคุณภาพชีวิตด้านแรงงานของรัฐบาล โดยจะปฏิรูประบบประกันสังคมให้มีความเข้มแข็งมั่นคง...นายวัชระ กรรณิการ์
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบการขยายความคุ้มครองประกันสังคมแก่คู่สมรสและบุตรของ ผู้ประกันต้น และให้ขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายจากเดิม 90 วัน เป็น 120 วัน โดยกระทรวงแรงงานเสนอว่า เนื่องจากการขยายความคุ้มครองประกันสังคมแก่คู่สมรสและบุตรของผู้ประกันตน เป็นการดำเนินการตามนโยบายสังคมและคุณภาพชีวิตด้านแรงงานของรัฐบาล โดยจะปฏิรูประบบประกันสังคมให้มีความเข้มแข็งมั่นคง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การขยายความคุ้มครองดังกล่าวเป็นการออกเงินสบทบโดยรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคม ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรสและบุตรของผู้ประกันตน เมื่อปี 2551 ดังนี้ จำนวนคู่สมรส ข้อมูลจากกรมการปกครอง 2.88 ล้านคนจำนวนบุตรรับเงินสงเคราะห์บุตร อายุ 0-6 ปี จำนวน 1.30 ล้านคน
บุตรอายุมากกว่า 6 ปี 1.70 ล้านคน รวมจำนวนคู่สมรสและบุตร จำนวน 5.88 ล้านคน ขณะเดียวกันได้ประมาณการค่าใช้จ่ายปี 2552 สำหรับสิทธิประโยชน์ทดแทนแก่คู่สมรสและบุตรผู้ประกันตน รวมเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 2,452 บาทต่อต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด 14,416 ล้านบาท แบ่งเป็น การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีตาย ทุพพลภาพ และเงินทดแทนการขายรายได้กรณีเจ็บป่วย ยกเว้นกรณีคลอดบุตรและค่าบริการทางการแพทย์กรณีเจ็บป่วย เฉลี่ยคนละ 192 บาทต่อคนต่อปี รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจ่ายประโยชน์ทดแทน 1,127 ล้านบาท ค่าบริการทางการแพทย์กรณีทั่วไป ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 2,046 บาทต่อคนต่อปี รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 12,030 ล้านบาท ค่าบริการทางการแพทย์กรณีพิเศษ 214 บาทต่อคนต่อปี รวมค่าใช้จ่าย 1,259 ล้านบาท นายวัชระ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานะเงินกองทุนประกันสังคม 4 กรณี คือกรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย มีเงินสะสมตั้งแต่ปี 2534- 2551 ประมาณ 88,000 ล้านบาท ซึ่งแนวโน้มการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2552 คาดว่าจะมีรายจ่ายประมาณ 31,110 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการจ่ายสำหรับประโยชน์ทดแทนให้แก่คู่สมรสและบุตรของผู้ประกันตน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเกิน 2,202 บาทต่อคนปี ซึ่งเป็นเงินเหมาจ่ายให้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และแม้จะปรับค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสูงกว่าเล็กน้อย ดังนั้นหากมีการขยายความคุ้มครองประกันสังคมแก่คู่สมรสและบุตรของผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมก็ต้องได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล และเพื่อให้เกิดความรอบคอบในเรื่องดังกล่าว จึงได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาสิทธิ์ประโยชน์ดังกล่าว โดยให้มีผู้แทนฝ่ายลูกจ้างเป็นประธานอนุกรรมการ.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ