กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4

หัวข้อ: การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

    การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล




    การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล




    แต่ละบุคคลที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครหลีกพ้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ บุคคลรอบข้าง ไม่ว่า จะเป็นบิดามารดา หรือ ญาติพี่น้องเป็นต้น ย่อมสามารถเป็นที่พึ่ง สามารถช่วยเหลือทำกิจต่าง ๆให้แก่เราได้ แต่พอถึงเวลาตายมาถึง บุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะช่วยต้านทานไว้ได้เลย ดังนั้น ในเมื่อทุกคนต้องตายอย่างแน่นอน จึงควรพิจารณาอยู่เสมอว่า ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร? เรื่องตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็นเพียงจิตขณะเดียว ที่เกิดขึ้นทำให้เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก ขณะนี้จิตที่ว่านั้น(จุติจิต)ยังไม่เกิด แต่จะเกิดขึ้นเมื่อใด

    ไม่มีใครทราบได้ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ จึงเป็นขณะที่สำคัญ ดังนั้น การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมกุศลในชีวิตประจำวัน ตามกำลัง ย่อมเป็นสิ่งที่สมควร
    คำว่า พลีกรรม ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ หมายถึง การสละการสละ มี ๒ ประเภท สละเพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์ ๑ สละเพื่อบูชาคุณ ๑การทำพลี ข้อความบางตอนจากปัตตกัมมสูตรมีดังนี้


    ….อีกข้อหนึ่ง อริยสาวกย่อมเป็นผู้ทำพลี ๕ คือ
    ญาติพลี (สงเคราะห์ญาติ)

    อติถิพลี (ต้อนรับแขก)

    ปุพพเปตพลี (ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย)

    ราชพลี(ช่วยราชการ)

    เทวตาพลี (ทำบุญอุทิศให้เทวดา)

    ด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยความหมั่นขยัน ฯลฯ ที่ได้มาโดยธรรม นี้เป็นกรรมที่สมควรข้อที่ ๓ ของอริยสาวกนั้น เป็นการชอบแก่เหตุแล้ว เป็นการสมควรแล้ว เป็นการใช้(โภคทรัพย์) โดยทางที่ควรใช้แล้ว..

    ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ยังไม่พบข้อความกล่าวถึงการกรวดน้ำ แต่มีพูดถึงการ
    อุทิศส่วนบุญให้กับผู้ล่วงลับไปแล้วแต่ไม่มีการหลั่งน้ำตอนที่พระสวด มีผู้อธิบายว่าการหลั่งน้ำเป็นการแสดงถึงการมอบให้ส่วนบุญที่เป็นนามธรรม คือ ธรรมดาเมื่อมีการมอบให้สิ่งของแก่กันต้องมีการยื่นมอบให้ แต่ถ้าเป็นของใหญ่ เช่น ที่ดิน กุฏิวิหารหรือบุญซึ่งมองไม่เห็นก็แสดงการมอบให้โดยการหลั่งน้ำ ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงพระเจ้าพิมพิสารอุทิศส่วนบุญให้ญาติแต่ไม่มีการหลั่งน้ำ เพราะฉะนั้นสำคัญอยู่ที่เจตนาของผู้ให้ถ้าหลั่งน้ำแต่พูดอะไรก็ไม่รู้ ญาติที่ล่วงลับไปแล้วก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเราอุทิศส่วนบุญโดยไม่ใช้น้ำ แต่มีเจตนาให้ และพูดภาษาที่เข้าใจได้ เช่น “ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลายจงมีความสุข” การอุทิศส่วนบุญแบบนี้ ย่อมสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายได้เหมือนกับพระเจ้าพิมพิสารในสมัยครั้งพุทธกาล พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 284

    เปรตพวกนั้น พากันไปยืนที่นอกฝาเรือนเป็นต้น ด้วยหวังว่า วันนี้พวกเราคงได้อะไรกันบ้าง. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำโดยอาการที่เปรตพวกนั้น จะปรากฏแก่พระราชาหมดทุกตน.

    พระราชาถวายน้ำทักษิโณทก ทรงอุทิศว่า ขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา.
    ทันใดนั้นเอง สระโบกขรณีดารดาษด้วยปทุม ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น. เปรตพวกนั้นก็อาบและดื่มในสระโบกขรณีนั้น ระงับความกระวนกระวายความลำบากและหิวกระหายได้แล้ว มีผิวพรรณดุจทอง.

    ลำดับนั้น พระราชาถวายข้าวยาคู ของเคี้ยว ของกินเป็นต้นแล้วทรงอุทิศ. ในทันใดนั้นเอง ข้าวยาคูของเคี้ยวและของกินอันเป็นทิพย์ ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น. เปรตพวกนั้น ก็พากินบริโภคของทิพย์เหล่านั้น มีอินทรีย์เอิบอิ่ม.

    ลำดับนั้น พระราชาถวายผ้าและเสนาสนะเป็นต้น ทรงอุทิศให้เครื่องอลังการต่างๆ มีผ้าทิพย์ ยานทิพย์ ปราสาททิพย์ เครื่องปูลาดและที่นอนเป็นต้น ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น. สมบัติแม้นั้นของเปรตพวกนั้น ปรากฏทุกอย่างโดยประการใด พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงอธิษฐาน (ให้พระราชาทรงเห็น) โดยประการนั้น. พระราชาทรงดีพระทัยยิ่ง. แต่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เสวยเสร็จแล้ว ทรงห้ามภัตตาหารแล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
    ติโรกุฑฺเฑสุ ติฏฺฐนฺติ เป็นต้น เพื่อทรงอนุโมทนาแก่พระเจ้ามคธรัฐ

    การกรวดน้ำ คือ การอุทิศส่วนบุญที่เราทำไปแล้วให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้วเราเป็นคนไทยเราใช้ภาษาไทยก็ได้ ย่อและสั้นที่สุดก้คือ “ข
    อส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลายจงมีความสุขเถิด” แค่นี้ก็ใช้ได้ครับ หรือถ้าต้องการจะยาวกว่าก็มีดังนี้ ”

    ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่ได้ทำแล้วในวันนี้แด่มารดา บิดา และ ผู้มีพระคุณทั้งในปัจจุบันชาติและอดีตอนันตชาติ แก่เทพยดาและอมนุษย์ทั้งหลาย ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศล โดยทั่วถึงกันเทอญ “

    ควรทราบว่าอกุศลธรรมมีหลายระดับ คือ มีกำลังล่วงออกมาทางกาย ทางวาจาทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็มี หรือเพียงกลุ้มรุมจิตไม่ได้ล่วงทางกายวาจาก็มี อกุศลธรรมที่จะมีกำลังเป็นถึงขั้นกรรมบถย่อมมีผลคือวิบากเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนอกุศลธรรมที่ไม่เป็นกรรม ย่อมสะสมสืบต่อไป แต่ไม่มีวิบาก เพราะไม่ใช่กรรม



    จาก ธรรมะไทย



    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 06-09-2009 at 09:09.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ กำลังใจ
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    กระทู้
    1,529
    บล็อก
    1
    ขอบคุณหลายๆ เด้อ ที่นำสิ่งดีดีมาแบ่งปันให้ทราบกัน

  3. #3
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ลาวสวิส
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    กระทู้
    345
    ขอบคุณหลายๆเด้อจ้า.....สาธุ

  4. #4
    สาธุจ้า ขอบคุณจ้าสำหรับกระทู้ดีๆ ติดตามตลอดจ้า

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •