จิบน้ำชา บรรเลงพิณ
เสียงพิณก้อง ทำนอง ของพิณจีน
ฟังพิณผิน จีบน้ำชา ถ้วยน้อยน้อย
ฟังพิณเพลง บรรเลง เสียงแผ่วคอย
น้ำชาน้อย ค่อยจิบ เลิศอุรา
ถ้วยน้ำชา อุ่นอุ่น ครุ่นคะนึง
เพลงดีดซึ้ง ค่อยค่อย เสพหรรษา
รสพิณพร้อย น้ำชาพลอย เลิศโอชา
สุขใดหนา จะเท่า สุขในใจ
คนดีดพิณ บรรจง ก้มหน้าซึ้ง
ครุ่นคะนึง เพลงคลอ เสียงใสใส
มองดูคน จิบน้ำชา ยิ้มที่ให้
พิณปลอบใจ เคล้าคลอ ด้วยพิณใจ
ซึ้งแสนซึ้ง รำพึง ถึงคนดีด
ยามแนบชิด เพลงประสานคลายหมองไหม้
พิณเพลงกล่อม ทิ้งระทม ให้หมดไป
สุขฤทัย เอื้อไมตรี มีให้กัน
ไม่ต้องมี แสงสี ยามเงียบเหงา
ละความเศร้า ห่มเพลง หฤหรรษ์
ทุกข์ผ่อนคลาย ดนตรีคล้าย กล่อมชีวัน
ต่างสุขสันต์ เสียงพิณคลอ หยอกล้อใจ
เสียงพิณก้อง ทำนอง ของพิณจีน
ฟังเพลงพิณ จีบน้ำชา ถ้วยน้อยใส
เสียงพิณก้อง กล่อมให้ ระเริงใจ
ทุกข์สุขคล้าย ดนตรี มีขึ้นลง
ชีวิตคน มองคล้าย เสียงพิณก้อง
มองดูไป ชีวิต มีโลภหลง
เสียงพิณแผ่ว แว่วค่อย คล้ายจบลง
เราก็คง มีน้ำใจ คล้ายเสียงพิณ
………………………………………………..
รู้จักกับพิณจีน
กู่ฉิน กับ กู่เจิง
คุณน้า : หนูเล่นดนตรีจีนหรอจ๊ะ คุณน้าช๊อบชอบ หนูเล่นเครื่องอะไรนะจ๊ะ
ข้าน้อย: กู่ฉินครับ
คุณน้า : ใช่มั้ยจ๊ะ ตัวใหญ่ๆเนาะ สายเยอะๆ เสียงเพร๊าเพราะ ที่ฟ้าหญิงองค์เล็กเล่นใช่มั้ยจ๊ะ ทรงบรรเลงได้ไพเราะมากเลย
ข้าน้อย: เอ่อ... คุณน้าครับ นั่นกู่เจิงครับ
คุณน้า : อ้าวหรอจ๊ะ มันต่างกันยังหรอจ๊ะ คุณน้าเห็นรูปร่างคล้ายๆกัน คุณน้าแยกไม่ออก
…………………………………………
จากบทสนทนาข้างต้นนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
เพราะว่ากู่ฉินนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยเท่าไรนัก
(ที่จริงคนจีนก็ยังไม่แน่ใจว่าอะไรคือกู่ฉินกู่เจิง)
ส่วนใหญ่จะรู้จักกู่เจิงกันมากและในละครจีนกำลังภายใน
ส่วนใหญ่เราจะเห็นกู่เจิงกันมากกว่า
(หรือบางทีภาพในละครเป็นกู่ฉิน แต่เปิดเสียงกู่เจิงก็มี)
อีกทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ทรงพระปรีชาสามารถทรงกู่เจิง และได้ทรงร่วมบรรเลงกับวงดนตรี
ออกสู่สายตาสาธารณชนหลายต่อหลายครั้ง
จึงทำให้ในสายตาของคนไทยถ้าพูดถึงพิณจีน ยาวๆ มีสายเยอะๆ
ก็คงนึกถึงกู่เจิงเป็นอย่างแรก
ใครรู้แล้วว่าตัวไหนคือกู่ฉิน ตัวไหนคือกู่เจิง?
ถ้าบอกว่าตัวแรกคือกู่เจิง ถูกต้องนะคะ
เรามาพูดถึงรายละเอียดความแตกต่างในส่วนต่างๆกันเลยดีกว่า
เริ่มที่ขนาด มองปร๊าดเดียวรู้เลย
กู่เจิงมีความยาวประมาณ 160 กว่าเซ็นติเมตรค่ะ
ส่วนกู่ฉินนั้นยาวเพียง 120 เซ็นติเมตร
ต่อมาเรื่องของจำนวนสายค่ะ
กู่เจิงมีสายมากถึง 21 สาย แต่
กู่ฉินมีเพียง 7 สายเท่านั้นค่ะ
และสุดท้ายสิ่งที่กู่เจิงมีแต่กู่ฉินไม่มี
และสิ่งที่กู่ฉินมีและกู่เจิงไม่มี
ลองสังเกตุดูที่รูปกู่เจิงนะค่ะ จะเห็นเป็น
บล้อคไม้ 21 อัน (หรือเรียกว่า หย่อง) ค้ำสายทุกสาย เรียงกันลงมาอย่างสวยงาม
ส่วนกู่ฉินนั้นจะเป็นสายเปล่าๆ รั้งจากหัวไปท้ายสุดเลย ไม่มีอะไรค้ำค่ะ
ต่อมาลองดูที่รูปกู่ฉินค่ะ จะเห็นว่าด้านบนสายหนึ่ง(สายนอกสุด)
จะมีจุดขาวๆ เรียงกันไปถึง 13 จุดโดยปกติมักทำจากเปลือกหอยหรือโลหะค่ะ
......................................
กู่ฉินและระบำตุนหวง
บรรเลงนำโดย อ. หลี่เสียงถิง
[yflash]http://www.youtube.com/v/q7zO3LZOpdQ&hl=en&fs=1[/yflash]
เป็นการแสดงในชื่อ ระบำตุนหวง
เนื่องในโอกาศวันตรุษจีนปี 2009 ค่ะ
ตุนหวงเป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นถ้ำที่รักษาวัตถุโบราณสมัยราชวงศ์ถังไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
ศิลปะในถ้ำตุนหวงจะให้ความรู้สึกแบบเป็นอาหรับนิดๆ
เพราะว่าสมัยนั้นจีนได้รับอิทธิพลจากเปอร์เซียค่อนข้างมาก
ดังนั้นถ้าสังเกตุภาพวาดสมัยนั้นจะเห็นว่าผู้หญิงจะแต่งตัวเซ็กซี่มาก
ซีทรู โชวน์เนื้อหนัง เป็นเพราะว่าสมัยถังจีนเปิดกว้างมาก
ผู้หญิงมีฐานะทางสังคมพอๆกับผู้ชายเลยทีเดียว
หาคู่อิสระ ขี่ม้า ไปไหนมาไหนได้อย่างไม่มีปัญหา
.........................................................
กู่ฉินกับเพลง 醉鱼唱晚 (ประมงเมายามเย็น) สำเนียงใต้หวัน
[yflash]http://www.youtube.com/v/nS8TJc3jZS4&hl=en&fs=1[/yflash]
...........................................................
กู่ฉินกับกู่ฉินสมัยราชวงศ์ถังในเพลง 梅花三弄 (ดอกเหมยสามท่อน)
บรรเลงโดยศาสตราจารย์หลี่เสียงถิง
[yflash]http://www.youtube.com/v/Nzx3oegftwM&hl=en&fs=1[/yflash]
.............................................................
...........................................................
ขอบขอบคุณ
bloggang.com/viewdiary.php?
Bookmarks