มะเร็งปากมดลูกมะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย และพบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่ป้องกันได้ แพทย์สามารถตรวจหา “ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก” ได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งวิธีการที่ใช้ตรวจหาระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูกเรียกว่า การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) โดยการ เก็บเอาเซลเยื่อบุบริเวณปากมดลูกไปตรวจหาเซลมะเร็ง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
1. การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย (ต่ำกว่า 20 ปี) และมีคู่นอนหลายคน
2. มีการอักเสบของปากมดลูกเนื่องจากการติดเชื้อ Human Papilloma Virus เริม หูดหงอนไก่
3. สตรีที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
4. สตรีที่มีภูมิต้านทานต่ำ
5. ขาดสารอาหาร เช่น โฟเลท วิตามินเอ วิตามินซี
อาการ
ระยะเริ่มต้นจะไม่ปรากฎอาการใดๆ แต่สามารถตรวจพบมะเร็งปากมดลูกได้จากการตรวจ แปปสเมียร์ (Pap Smear) ระยะลุกลาม จะมีอาการตกขาว มีกลิ่น มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือตกขาว ลักษณะคล้ายน้ำคาวปลา ถ้าเป็นมากอาจถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีอาการผิดปกติของระบบขับถ่ายอุจจาระได้นอกจากนี้ มะเร็งอาจกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ ปอด ตับ และกระดูก เป็นต้น
การรักษา
ถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะแรกๆ การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี แต่ถ้าเป็นระยะที่มะเร็งลุกลามมากแล้ว จะใช้รังสีรักษาโดยการฉายแสงร่วมกับการใส่แร่หรือการผสมผสานระหว่างการผ่าตัด รังสีรักษา และการให้ยาเคมีบำบัด
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลายคู่นอน
- หลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัย
- เมื่อมีอาการตกขาวผิดปกติ หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ควรรีบไปพบแพทย์
- สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคน ควรได้รับการตรวจ Pap Smear เพื่อค้นหามะเร็ง
ปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง
นพ.มนัส สุรทานต์นนท์ สูติ-นรีแพทย์ รพ.วิภาวดี
Bookmarks