กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: สถาบันเผยแพร่ศาสนาอิสลาม.ปอเนาะ .

  1. #1
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ญา ทิวาราช
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    กระทู้
    825
    บล็อก
    17

    บ้านมหาโพสต์ สถาบันเผยแพร่ศาสนาอิสลาม.ปอเนาะ .

    ปอเนาะ สถาบันเผยแพร่ศาสนาอิสลาม

    ปอเนาะ เป็น สถาบัน เผยแพร่ ศาสนา อิสลาม ใน ภาคใต้ หลักการ ของ อิสลาม ถือว่า มุสลิม ทุกคน มีหน้าที่ ที่จะต้อง ศึกษา และ เผยแพร่ ศาสนา ของตน ผู้ใด มีความรู้ แต่ไม่ยอม เผยแพร่ ให้แก่ ผู้อื่น ถือว่า เป็นบาป ดังนั้น การเรียน การสอน ศาสนา จึงตกเป็น ภาระ หน้าที่ ของ ผู้นำ ครอบครัว ต้อง จัดให้ บุตรหลาน ของตน ได้รับ การศึกษา วิชา ศาสนา ตั้งแต่ อยู่ใน วัยเยาว์ เริ่ม ตั้งแต่ บ้าน หรือ สำนัก สอน ศาสนา ของ ผู้ทรง คุณวุฒิ ในหมู่บ้าน ไปจนถึง ปอเนาะ สถาบัน การเรียน การสอน ศาสนา ชั้นสูง ซึ่ง เป็นที่ ยอมรับ นับถือ ของ สังคม มุสลิม ในภาคใต้ มาแต่อดีต

    มูฮัมหมัด กาโรส บินเซอ นาวี แห่งรัฐ กลันตัน กล่าวว่า "ระบบ การเรียน ศาสนา ซึ่ง เป็นที่ รู้จัก กันว่า "ปอเนาะ" ที่มี อยู่ใน สถานที่ ต่างๆ ใน มาเลเซีย นับเป็น ระบบ ที่ได้รับ การถ่ายทอด ไปจาก ประเทศไทย ซึ่ง เป็นแหล่ง สอน ศาสนา ที่ ชาวมุสลิม ได้จัดตั้งขึ้น ระบบ การสอน แบบนี้ เลียนแบบ จาก ระบบ พระสงฆ์ ใน พระพุทธ ศาสนา เพราะ เป็น การศึกษา ค้นคว้า หลักศาสนา ที่ พยายาม ปลีกตัว ออกห่าง จาก สังคม อัน สับสน ข้อนี้ สามารถ พูดได้ อย่าง เต็มปาก ว่า ระบบ การสอน แบบ ปอเนาะ ไม่เคย ปรากฏ ขึ้น เลย ใน ประเทศ กลุ่มมุสลิม แน่นอน ที่สุด มลายู ได้รับ อิทธิพล ไปจาก เมืองไทย" (ปัตตานี) (ดู อิทธิพล วัฒนธรรม ไทย ต่อ ชาติ มลายู ของ หะสัน หมัดหมาน วารสาร รูสมิแล ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๓ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๑๗)

    สถาบัน ปอเนาะ ที่กล่าวนี้ บุคคล ผู้ทรง คุณวุฒิ ทาง ศาสนา อิสลาม เป็นผู้ สร้างขึ้น และ ตั้งตน เป็น เกจิ อาจารย์ เรียกว่า โต๊ะครู ทำการ อบรม สั่งสอน เผยแพร่ ศาสนา โดย มิได้รับ ค่าตอบแทน เพียงเพื่อ ผลบุญ ในปรภพ และ เกียรตินิยม จากการ ยอมรับ ของ สังคม มุสลิม

    นักศึกษา ที่มาจาก ท้องถิ่น ห่างไกล จะต้อง มาปลูก กระท่อม หลังเล็กๆ (เรียกว่า ปอเนาะ) เป็นที่พัก อาศัย อยู่เป็น กลุ่มๆ ใน บริเวณ บ้าน ของ โต๊ะครู และ จัดหา เครื่องบริโภค อุปโภค มาใช้สอยเอง สถานที่เรียน ใช้ บาไล หรือ บ้านโต๊ะครู เป็นที่สอน ต่อมา เมื่อมี ผู้เรียน มากขึ้น จึง สร้าง เป็น อาคารเรียน เอกเทศ ถาวร ขึ้นมา ซึ่ง ขึ้นอยู่กับ ฐานะ เศรษฐกิจ ของ สังคม ที่ ปอเนาะ ตั้งอยู่

    วิชาที่สอนได้แก่

    - วิชาฝึกหัดอ่านคัมภีร์อัล-กุรอาน ให้ถูกต้องและเข้าใจในความหมาย
    - วิชา เตาฮิต ว่าด้วยเอกภาพของอัลเลาะฮ์ และคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ และพระนาบี
    - วิชาฟิกฮี ว่าด้วยข้อควรและไม่ควรปฏิบัติของมุสลิมและวิธีปฏิบัติศาสนกิจ
    - วิชาภาษาอาหรับและภาษามลายู
    - วิชาว่าด้วยจริยธรรมอิสลามและวิชากฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัว - มรดกและอื่นๆ

    ปัตตานี เป็นแหล่ง กำเนิด ปอเนาะ เป็นศูนย์ การ เผยแพร่ ศาสนา อิสลาม ที่สำคัญยิ่ง ของประเทศไทย มี นักศึกษา จาก จังหวัด ต่างๆ ทั้ง ภาคกลาง และ ภาคใต้ เข้ามา ศึกษา และ นำเอา ระบบ การเรียน การสอน ไปใช้ ในจังหวัด ของตน จนแพร่หลาย

    ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ รัฐบาล ได้เข้ามา ช่วยเหลือ ส่งเสริม การเรียน การสอน และ เผยแพร่ ศาสนา อิสลาม ในปอเนาะ ให้ได้ผล ดียิ่งขึ้น ด้วยการ มอบหมาย ให้ศูนย์ พัฒนา การศึกษา เขตการศึกษา ๒ จังหวัดยะลา เป็นผู้ ดำเนินการ ปรับปรุง วิธีสอน การเรียน ของ นักศึกษา ให้มี ประสิทธิภาพ สูงขึ้น

    ขั้นแรก ได้จัด ประชุม สัมมนา โต๊ะครู วาง "ระเบียบ กระทรวง ศึกษาธิการ ว่าด้วย การ ปรับปรุง ส่งเสริม ปอเนาะ ในภาค ศึกษา ๒ พ.ศ.๒๕๐๔" ขึ้นมาใช้

    วัตถุ ประสงค์ ของ ระเบียบการนี้ คือ ให้ปอเนาะ มีหลักสูตร การเรียน การสอน มีชั้นเรียน และ มีการ ประเมินผล การเรียน ในชั้น ตัวประโยค โดย กระทรวง ศึกษาธิการ ให้การ อุดหนุน แก่ ปอเนาะ ทางด้าน การเงิน วัสดุ อุปกรณ์ การศึกษา และ ส่ง วิทยาการ เข้าไป ช่วยเหลือ

    ขั้นที่ ๒ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๘ - พ.ศ.๒๕๑๒ รัฐบาล ก็ได้ ดำเนินการ แปรสภาพ ปอเนาะ ที่ปรับปรุง ดีแล้ว ขึ้นเป็น โรงเรียน สอนศาสนา อิสลาม ตาม พระราช บัญญัติ โรงเรียนราษฎร์ ปอเนาะใด โต๊ะครู เจ้าของ โรงเรียน มีความ สมัครใจ แปรสภาพ ปอเนาะ เป็น โรงเรียน ราษฎร์ ก็จะ ได้รับ การช่วยเหลือ สนับ สนุน ทั้งทาง การเงิน อุปกรณ์ การเรียน การสอน และครู ช่วยสอน และ ยังได้รับ พระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าของ ปอเนาะ และ โรงเรียน ราษฎร์ สอนศาสนา ที่มี ผลงาน ดีเด่น เข้าเฝ้า รับพระราชทาน รางวัล ประจำปี อีกด้วย

    ปัจจัย สำคัญ ปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ ศาสนา อิสลาม เจริญ รุ่งเรือง แผ่ขยาย ไปทั่ว ภูมิภาค นี้ เห็นจะ ไม่มี สิ่งใด นอกเหนือ ไปจาก ความมี น้ำพระทัย กว้าง ของ พระมหากษัตริย์ ไทย ทุกยุค ทุกสมัย นอกจาก ให้ เสรีภาพ แก่ประชาชน เลือกนับถือ ศาสนา ได้โดย เสรีแล้ว ยังทรง รับเป็น องค์อุปถัมภ์ แก่ศาสนา ทุกศาสนา ดังจะเห็น ได้จาก คำกล่าว ของ ลาลูแบร์ เอก อัครราช ทูต ฝรั่งเศส ที่กล่าวถึง พิธี แห่เจ้าเซน พิธีกรรม ศาสนา อิสลาม นิกาย ชีไอท์ ที่ ชาวเปอร์เซีย ซึ่งเข้ามา พำนัก อาศัย อยู่ใน กรุงศรีอยุธยา จัดขึ้น เพื่อระลึกถึง อิมาน ฮูเซ็น ในเดือน มุฮะรัม ทุกๆ รอบปีว่า

    "เป็น พิธีการหนึ่ง ที่อยู่ ในความ อุปถัมภ์ ของ สมเด็จ พระนารายณ์ มหาราช"

    โดยเฉพาะ พระบาท สมเด็จ พระเจ้า อยู่หัว ภูมิพล อดุลยเดชฯ นั้น ทรงให้ ความ สนพระทัย เป็นพิเศษ ต่อชาว มุสลิม และ ศาสนา อิสลาม ทุกปี จะเสด็จ พระราชดำเนิน มาประทับ ณ พระตำหนัก ทักษิณ ราชนิเวศน์ เพื่อ เยี่ยมเยียน ชาวไทย มุสลิม ภาคใต้ ทรงคิดค้น โครงการ หมู่บ้าน ปศุสัตว์ เกษตร พัฒนาดิน น้ำ เพื่อช่วย ราษฎร ให้มี ที่ทำกิน ส่งครู มาช่วย ฝึกอบรม วิชาชีพ และ ทรง สละ พระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ จัดพิมพ์ พระคัมภีร์ อัลกุรอาน พระราชทาน แก่ชาว มุสลิม สำหรับ ใช้ศึกษา ค้นคว้า เสด็จ ร่วม กิจกรรม ในงาน วันสำคัญ ทางศาสนา อิสลาม พระราชทาน ที่ดิน และ พระราชทาน ทรัพย์ เพื่อสร้าง มัสยิดฯ

    พระราช กรณียกิจ ดังกล่าวมานี้ ย่อมชี้ ให้เห็นว่า สถาบัน พระมหากษัตริย์ เป็นพลัง สำคัญ ในการ ส่งเสริม เผยแพร่ ศาสนา อิสลาม พลังหนึ่ง จาก อดีต ตราบเท่า ถึง ปัจจุบัน


    ที่มา.....http://www.geocities.com/bluesing200...kasuka/t09.htm

  2. #2
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430
    รากศัพท์ของคำว่า "ปอเนาะ" มาจากภาษาอาหรับว่า PONDOK อ่านว่าปนโด๊ะบ้าง พอนดอกบ้าง แปลว่า กระท่อม ที่พัก ซึ่งความหมายในปัจจุบันคือ สำนักศึกษาเล่าเรียนวิชาการศาสนาอิสลาม ซึ่งหมายถึงทั้งที่พักและที่เรียน

    สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ ฉบับทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) สงขลา ฉบับ พ.ศ.๒๕๒๙ เล่ม ๗ ระบุความเป็นมาว่า เชื่อกันว่าปอเนาะเกิดขึ้นในประเทศอียิปต์ แล้วแพร่มาสู่เอเชียที่ประเทศมาเลเซียก่อน ต่อมาจึงแพร่เข้าสู่เส้นทางใต้ของประเทศไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเริ่มที่ปัตตานีเป็นแห่งแรก แล้วขยายไปสู่ท้องถิ่นที่มีชาวไทยมุสลิมทั้งในภาคใต้และภาคกลาง

    ระบบของปอเนาะในหลายประเทศ เช่น ปากีสถาน อินเดีย แอฟริกา แต่เรียกชื่อต่างกัน เช่น ปากีสถานเรียกว่า "บาดือรอซะ" เป็นชื่อที่เป็นทางการแปลว่า ที่เรียน ส่วนปอเนาะเป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการ

    "ปอเนาะ" ถือเป็นการศึกษาเพื่อชุมชนแบบพึ่งตนเอง เกิดที่ปัตตานีเมื่อ ๒๐๐ ปีมาแล้ว โดยปอเนาะแรกคือ บืดนังดายอ ใกล้ๆ ต.สะนอ อ.ยะรัง ปอเนาะซีเดะ อยู่ที่บ้านซีเดะ ต.กรือเซะ อ.เมือง จังหวัดปัตตานี

    หลักสูตรดั้งเดิมประกอบด้วย วิชาภาษามลายูและภาษาอาหรับ วิชาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม วิชาฟิกฮ์ เป็นนิติศาสตร์อิสลาม เรียนกว้างๆ มีการเจาะลึกในระดับมหาวิทยาลัย และวิชาย่อยอื่นๆ อีกมากที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของมุสลิมตั้งแต่เช้า-เย็น เป็นจริยาวัตรของมุสลิม วิชาตะเซาอุฟ เป็นหลักการพัฒนาจิตใจ

    ระดับของนักเรียน นักเรียนแบ่งเป็น ๓ ระดับ หรือเรียกว่า รุ่นอิบตีดาอี เป็นรุ่นเริ่มเรียน รุ่นมูตาวัซซิต เริ่มอ่าน เขียน แปลได้ รุ่นอาลี เป็นครูพี่เลี้ยงได้ แต่ละวิชาจะมีหนังสือเรียนตามรุ่น รุ่นอิบตีดาอี เรียนเล่มเล็ก รุ่นมูตาวัซซิต เรียนเล่มกลาง และรุ่นอาลีเรียนเล่มใหญ่

    ช่วงระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน ปอเนาะมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการ โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) เขตการศึกษา ๒ ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศระเบียบกระทรวงฯ ว่าด้วยการปรับปรุงส่งเสริมปอเนาะ ออกมาเมื่อปี ๒๕๐๔ สาระสำคัญคือ ให้ปอเนาะยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนต่อทางราชการ

    ต่อมาในปี ๒๕๐๘ รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีให้ปอเนาะที่ขึ้นทะเบียนแล้ว แปรสภาพเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ให้ปรับปรุงการเรียนการสอนให้ได้มาตรฐาน ให้มีหลักสูตรการสอน มีชั้นเรียน โต๊ะ เก้าอี้ กระดานดำ มีระยะจบการศึกษาที่แน่นอน และให้เปิดสอนวิชาสามัญด้วย

    ทางราชการจะช่วยเหลือส่งเสริมโดยการให้เงินอุดหนุน ส่งครูไปช่วยสอนวิชาสามัญ และผ่อนปรนในเรื่องคุณสมบัติบางประการของเจ้าของ ผู้จัดการ ครูใหญ่ และครูผู้สอน โดยไม่ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ.๒๔๙๗ อย่างเคร่งครัด

    ปี ๒๕๑๐ คณะรัฐมนตรีมีมติให้เริ่งรัดปอเนาะที่ขึ้นทะเบียนแล้วทั้งหมด ให้มาขอแปรสภาพจากปอเนาะเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ มิถุนายน ๒๕๑๔ ไม่เช่นนั้นให้ถือว่าปอเนาะนั้นล้มเลิกไป และหลังจากนั้นห้ามก่อตั้งปอเนาะขึ้นมาอีก หากจะตั้งต้องเปิดสอนในรูปแบบของโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามเท่านั้น

    ถึงปี ๒๕๑๔ มีปอเนาะจำนวนมากถึง ๔๒๖ แห่ง มายื่นความจำนงขอแปรสภาพกับทางการ แต่บางแห่งที่เคยขึ้นทะเบียนด้วยความจำยอม เนื่องจากถูกบีบจากทางการ ถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ไม่ยอมแปรสภาพ อีกบางส่วนยอมแปรสภาพจากปอเนาะไปสู่ระบบโรงเรียน แต่สอนเฉพาะวิชาศาสนาเท่านั้น ตามหลักสูตรและแผนการสอนที่โรงเรียนปอเนาะแห่งนั้นๆ กำหนดขึ้นเอง และนอกจากนี้ยังมีปอเนาะแห่งใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา

    การศึกษาของมุสลิมจึงแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ คือ "ปอเนาะ" อันเป็นรูปแบบการศึกษาดั้งเดิมของท้องถิ่นกับการศึกษาในระบบ "โรงเรียน" ที่เรียกกันติดปากว่า โรงเรียนปอเนาะ ซึ่งมีการแบ่งชั้นเรียน มีชุดเครื่องแบบ มีโต๊ะเก้าอี้นั่งเรียน มีการนับชั้น และกำหนดระยะจบการศึกษา และโรงเรียนปอเนาะยังแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ สอนทั้งวิชาสามัญและศาสนา กับสอนเฉพาะวิชาศาสนาเพียงอย่างเดียว

    ในปี ๒๕๒๖ ชื่อโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลามถูกรัฐบาลเปลี่ยนเป็น โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เพื่อสอดคล้องตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๒๕ และออกระเบียบการให้เงินอุดหนุนแก่โรงเรียนเอกชนฯ ที่สอนวิชาสามัญควบคู่วิชาศาสนาอิสลาม ฉบับแก้ไขครั้งล่าสุดออกมาเมื่อ ๒๕๔๕ ให้เงินอุดหนุนแก่โรงเรียนที่ได้มาตรฐานตามมาตรา ๑๕ (๑) ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ส่วนโรงเรียนที่อยู่ในระยะเตรียมความพร้อม และโรงเรียนที่เพิ่งจดทะเบียนหลังวันออกระเบียบให้เงินอุดหนุน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับโรงเรียนที่สอนเฉพาะวิชาศาสนา จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เงื่อนไขนี้สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้แก่ปอเนาะหลายแห่ง

    ตามสถิติจากการสำรวจล่าสุดของ สช. มีโรงเรียนปดเนาะกว่า ๕๕๐ โรง แบ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอย่างเดียว ๓๐๐ โรง และที่เปิดสอนทั้งวิชาสามัญและศาสนาประมาณกว่า ๒๐๐ โรง โดยไม่นับรวมปอเนาะที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน

    ปอเนาะที่ผ่านการแปรสภาพเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ได้รับการพัฒนามาเป็นลำดับ กระทั่งปัจจุบัน การบริหารและการดำเนินกิจการของโรงเรียนเป็นไปอย่างมีระบบ บุคลากรได้รับการพัฒนาอบรม อาคารสถานที่มั่นคงถาวร

    ในด้านหลักสูตร ได้นำเอาหลักสูตรสามัญศึกษาของโรงเรียนมัธยมต้น และมัธยมปลายมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ

    ส่วนหลักสูตรศาสนาอิสลามได้แบ่งชั้นเรียนเป็น ๑๐ ชั้นปี ได้แก่ หลักสูตรอิสลามศึกษาตอนต้น - ฮิบติดาอียะฮฺ ปีที่ ๑-๔ หลักสูตรอิสลามศึกษาตอนกลาง - มุตาวัซซีเตาะฮฺ ปีที่ ๕-๗ และหลักสูตรอิสลามศึกษาตอนปลาย - ซานาวียะฮฺ ปีที่ ๘-๑๐ มาตรฐานของโรงเรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียน ทำให้โรงเรียนปอเนาะได้รับความสนใจมาก..


    --------------------------------------------------------------------------------

    ขอขอบคุณ : http://www.skyd.org/html/life-social/PONDOK.html
    หมายเหตุ : เรียบเรียงจากนิตรยสารสารคดี ฉบับที่ ๒๒๓ เดือนกันยายน ๒๕๔๖
    "ความจริง ความงาม ความดี ที่ปอเนาะ" โดยวีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง เรื่อง
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พล พระยาแล; 08-10-2009 at 14:52.

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •