การเลี้ยงต่อ
ต่อเป็นแมลงดุร้าย เลี้ยงง่าย หากเข้าใจธรรมชาติ
ตัวต่อเป็นแมลงที่ดุร้าย ความจำดี ดมกลิ่นได้ไกล มีพิษรุนแรง หากโดนต่อยมาก ๆ มีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าหากเข้าใจธรรมชาติวิถีชีวิตของตัวต่อ ก็จะทำให้เลี้ยงง่าย อยู่ด้วยกันกับมนุษย์โดยไม่มีอันตราย จึงมีปราชญ์ชาวบ้านของกิ่งอำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม อาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านมาจัดการความรู้เลี้ยงต่อเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้อย่างงดงาม
การเลี้ยงต่อภูมิปัญญาชาวบ้านเขาทำกันอย่างไร
1. การหาตัวต่อหรือแม่ต่อ
กลุ่มผู้เลี้ยงต่อชาวกิ่งอำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม เริ่มเลี้ยงต่อในขั้นแรกโดยการหาตัวต่อหรือแม่ต่อในช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงการเริ่มต้นฤดูฝน แมลงต่าง ๆ ก็จะฟักออกจากไข่เริ่มวงจรชีวิตใหม่เช่นเดียวกับตั๊กแตนซึ่งเป็นอาหารของตัวต่อ กลุ่มผู้เลี้ยงต่อจะออกหาตัวต่อบริเวณที่มีน้ำ มีดอกไม้ใบหญ้า มีตั๊กแตนตามไร่นาและสระน้ำในบริเวณใกล้เคียงหมู่บ้าน ซึ่งแม่ต่อจะออกมาหาตั๊กแตน ตัวหนอน ไปเป็นอาหารเลี้ยงลูก ในการหาตัวต่อกลุ่มผู้เลี้ยงต่อจะออกหานเป็นทีม ๆ ละ 3 - 5 คน
2. การล่อและการตามตัวต่อ
เมื่อเห็นตัวต่อออกมาหาอาหารบริเวณทุ่งนา ทุ่งหญ้า สระน้ำ ก็จะทำการล่อตัวต่อทันที วิธีการล่อก็จะใช้ตั๊กแตนเล็กเสียบไม้ยื่นให้ตัวต่อทันที หากไม่มีตั๊กแตนอาจจะใช้ปลาแห้ง เศษเนื้อแทนก็ได้ เมื่อเจอเหยื่อตัวต่อก็จะคาบเหยื่อบินไปยังรังทันที เมื่อต่อบินไปก็จะเริ่มสังเกตทิศทางว่าบินไปทางใด บินสูงหรือบินต่ำ เมื่อวางจุดทีมงานในการสังเกต แล้วรอแม่ต่ออยู่ที่เดิม พร้อมทั้งจับเวลาว่าแม่ต่อจะกลับมาที่เดิมใช้เวลาเท่าไหร่ หากแม่ต่อกลับมาภายใน 3 นาที แสดงว่ารังต่อจะอยู่ไม่ไกลเกิน 500 เมตร (เวลาบินของต่อประมาณ 150 - 200 เมตรต่อนาที)
เมื่อแม่ตัวกลับมารอบ 2 จะใช้เหยื่อล่อเหมือนเดิม จะใช้เชือกด้ายเล็ก ๆ เบา ๆ ผูกกระดาษสีติดไว้ ใช้เชือกยาวประมาณ 5 ซ.ม. ต่อจะคาบเหยื่อบินไปรังแล้วก็จะบอกทีมงานว่าต่อบินไปแล้ว ทีมงานที่วางเป็นระยะ 2 - 3 คน ก็จะสังเกตเห็นกระดาษสีและตัวต่อว่าบินไปลงตรงจุดใด จะล่อเหยื่ออยู่เช่นนี้ไม่เกิน 3 - 4 ครั้ง ก็จะเจอรังต่อทันที
3. วิธีการหารังต่อ
เมื่อทราบจุดหมายบริเวณที่แม่ต่อบินลง ก็จะเริ่มค้นหารังต่อ ณ บริเวณนั้น เทคนิคการค้นหารังต่ออีกอย่างก็คือการสังเกตดู ถ้าหากแม่ต่อบินต่ำแสดงว่ารังต่อจะอยู่บริเวณต้นไม้สูง ถ้าหากแม่ต่อบินสูงแสดงว่ารังต่อจะอยู่ต่ำ ซึ่งเป็นทางหลอกทิศทางของศัตรู เดินวนหารังต่อไม่นานก็จะเจอรังต่อ เมื่อเจอรังต่อแล้วก็จะทำเครื่องหมายไว้ เช่น ผูกผ้าสีไว้ หรือทำเครื่องหมายไว้บริเวณต้นไม้ เมื่อคนอื่นมาเจอก็จะเข้าใจกันว่ามีคนเจอแล้ว
4. การนำรังต่อมาเลี้ยง
พอตกเย็นถึงเวลากลางคืน แม่ต่อเข้ารังหมดแล้ว ก็เตรียมอุปกรณ์ เช่น สำลี เลื่อย มีดพร้า กรรไกรตัดแต่งกิ่ง ถุงพลาสติกพร้อมไฟฉาย หรือไฟแบตเตอรี่ แล้วเดินเข้าไปใกล้บริเวณรังต่อส่งหารูต่อว่าอยู่ด้านใด เมื่อเจอแล้วใช้สำลีอุดรู ใช้ถุงพลาสติกครอบไว้ แล้วตัดไม้ นำรังต่อกลับมาเลี้ยงหรือผูกไว้บริเวณท้ายสวนหลังบ้านหรือหัวไร่ปลายนา แล้วถึงสำลีที่อุดปากรูไว้ออก ต่อก็จะทำรังอยู่ที่นั่นต่อไป
เทคนิคหรือข้อควรระวัง
1) เวลาฝนตกจะไปเอารังต่อไม่ได้เพราะเวลาฝนตก แม่ต่อจะออกข้างนอกรัง และรังจะเปียกทำให้แม่ต่อกัดรังทะลุออกมาได้ขณะที่ใช้ถุงพลาสติกคลุม
2) ขณะเข้าไปอุดรูรังต่อและขณะตัดกิ่งไม้อย่าให้กระเทือนรังต่ออย่างรุนแรงเพราะจะทำให้รังแตก
3) ขนาดรังที่นำมาเลี้ยงควรมีขนาดเท่าลูกตะกร้อหรือลูกฟุตบอล หากรังเล็กกว่านี้อาจจะทำให้ต่อไปสร้างรังใหม่
4) การเลือกทำเลที่ไว้รังต่อจะต้องเหมาะสมไกลจากบริเวณเด็กเล่น ไกลจากที่คนจะรบกวน เพราะต่อจะโมโหง่าย ดุร้าย สามารถต่อยได้หลายครั้ง
บริเวณที่นำรังต่อมาเลี้ยงต้องไม่มีมดแดง มดดำ มดคัน ถ้ามีบทต้องใช้ผ้าเศษชุบน้ำมันมัดไว้บริเวณโคน เพื่อป้องกันมด หลังจากนั้น ต่อก็จะออกหาอาหารกินเองตามธรรมชาติ อาหารของต่อ ได้แก่ ปลา ตัวหนอน ตั๊กแตน แมงมุม เนื้อสัตว์อื่น ๆ ฯลฯ ระยะทางหรือรัศมีการออกหาอาหาร โดยเฉลี่ยประมาณ 5 กิโลเมตร ต่อจะเป็นแมลงที่หาอาหารธรรมชาติได้เก่งมาก จมูกไว บินเร็ว แบ่งหน้าที่กันชัดเจน เช่น แผนกหาอาหารและน้ำ แผนกสร้างรัง และรักษารัง แผนกเลี้ยงลูก
ลูกต่อจะมี 3 ประเภท ได้แก่
1. ตัวหนอน
2. ตัวนาง
3. ตัวแก่
พอนำมาเลี้ยงไว้ 4 - 5 เดือน รังต่อจะใหญ่ขึ้น มีลูกต่อเต็มรัง ก็จะเริ่มเก็บรังต่อขาย ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 4 - 6 เดือน ส่วนใหญ่จะขายในช่วงเดือน สิงหาคม - ตุลาคม จะมีคนมารับซื้อเป็นรัง รังละ 400 - 600 บาท ตามขนาดของรัง หากขายเป็นลูกต่อ กิโลกรัมละ 300 - 400 บาท
5. การเก็บรังต่อขาย (จูดต่อ)
เมื่อรังต่อได้ขนาดพอเหมาะเท่าลูกฟุตบอลขนาดใหญ่ขึ้นไป ก็จะเริ่มเก็บรังต่อขาย หรือชาวบ้านเรียกว่า "จูดต่อ" โดยใช้ฟางมัดให้แน่น 2 มัด แล้วจุดบริเวณรูต่อ เผารังต่อให้แม่ต่อตายประมาณ 70% ก็ตัดรังออกมาจำหน่ายหรือนำมาประกอบอาหาร โดยเฉลี่ย 1 รัง จะได้น้ำหนักประมาณ 2 - 3 กิโลกรัม
อาหารที่นิยมปรุงได้แก่ นึ่ง ก้อย แก้งส้ม ผักใสไข่ หมก คั่ว แกงอ่อม ฯลฯ
การจูดต่อ จะทำทั้งเวลากลางวันและกลางคืน หากมีการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าก็จะจูดเวลากลางคืน หากลูกค้าไปซื้อกลางวันก็จะจูดกลางวันฤดูแล้งต่อหายไปไหน
เมื่อถึงฤดูแล้งตัวต่อก็จะจำศีล แยกย้ายกันไปหาทำเลที่เหมาะสม มีอาหารสะสมไว้เพียงพอ เป็นสถานที่ปลอดภัย เช่น อาศัยอยู่ตามโพรงต้นไม้ บริเวณกอไผ่ ตามรูใต้ดิน พอถึงต้นฤดูฝนก็จะออกมาสร้างรังขยายเผ่าพันธุ์ หมุนเวียนตามวงจรชีวิตต่อไป
หากท่านใดสนใจอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากเลี้ยงต่อเสริมรายได้ สามารถติดต่อได้ที่ นายขันตี วันนาพอก ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงต่อ หมู่ 3 ตำบลดอนชาด กิ่งอำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม หรือติดต่อคุณวิชาญ ซาตัน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6ว สำนักงานเกษตรกิ่งอำเภอวังยาง กิ่งอำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงต่อด้วยตนเองในพื้นที่หนึ่งตำบลหนึ่งฟาร์ม โทรศัพท์ 08-6236-8903 , 0-4257-7037 ในปี 2549 นายสินสมุทร โนนมี เกษตรอำเภอกิ่งอำเภอวังยาง ได้จัดทำทะเบียนผู้เลี้ยงต่อทั้งอำเภอมี 15 กลุ่ม มีสมาชิกประมาณ 80 ครัวเรือน สนใจขอเชิญเลยครับทวี มาสขาว
นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 7ว
จังหวัดนครพนม
Bookmarks