[SIZE="3"]มันเป็นเรื่องจากชีวิตจริงของเมษาเองแหล่ะค่ะ อยากจะเล่าสู่เพื่อนๆในบ้านมหาฟังเพื่อแบ่งปันประสบการณ์กัน และอ่านสนุกๆนะคะ อย่าซีเรียส ใครไม่อยากอ่านก็ผ่านไปนะคะไม่ว่ากัน อิอิ
เมษามีจักรยานคู่ชีพอยู่หนึ่งคันค่ะ เป็นคู่ทุกข์ คู่ยากเลยก็ว่าได้ เพราะเมษาจะต้องใช้ขี่เพื่อไปต่อรถเมล์เพื่อไปทำงานค่ะ สาเหตุเพราะบ้านอยู่ไกลค่ะ รถเมล์ก็ไม่มีผ่านบ้านเลยในสมัยนั้น เพราะบางบัวทองค่อนข้างกันดารสมัยก่อนนะ แล้วเมษาก็ทำงานไกลถึงหนามบินดอนเมือง และเข้างานเป็นกะอีกตะหาก มี 3กะ ค่ะ เปลี่ยนทุกๆ 1 เดือน จากบ้านไปอู่รถเมล์ก็ประมาณ กิโลกว่าๆแหล่ะค่ะ ในอู่รถเมล์แถวๆนั้นจะมีหมู่บ้านอยู่ด้วย วินมอเตอร์ไซด์
และที่สำหรับจอดรถจักรยาน เวลาหน้าฝนเมษาก็ค่อนข้างลำบากที่จะต้องขี่จักรยานออกไปต่อรถเมล์หน่ะ มือขวาถือร่ม มือซ้ายก็จับแฮนรถ บางทีก็คิดน้อยใจในวาสนาตัวเอง บางทีก็ร้องให้ไปด้วยปั่นจักรยานไปด้วย มันช่างทุกข์เสียเหลือเกิน(สำหรับสาวโสด)เพื่อนๆที่ทำงานเก่าจะรู้ค่ะ อิอิ
เมื่อพ่อมาเยี่ยม และถึงเวลากลับชัยภูมิ เมษาเข้ากะเช้าพอดี ซึ่งเวลาเข้างานก็ประมาณ 6.30 น.ถึง 14.30น เมษาต้องตื่นตั้งแต่ ตี 4 และออกจากบ้านตี 4.30 ประมาณนี้ พ่อก็ต้องตื่นเช้าด้วยเพื่อไปพร้อมกัน เมษาถามพ่อว่า "พ่อ พ่อปั่นจักรยานเป็นมั๊ย พ่อบอกว่า บ่เป็นดอกอีหล่า"ถ้างั้นก็ต้องเมษาสินะที่จะต้องเป็นคนปั่น พ่อก็นั่งซ้อนท้ายไปด้วยกันจนถึงอู่รถเมล์แหล่ะ โห เหนื่อยนะ หนักด้วย ใส่กระโปรงอีกตะหาก ไปถึงอู่รถ ก็เอาจักรยานไป
จอดใว้ในที่ๆเค้าทำใว้ให้จอด พร้อมล๊อคอย่างดี พ่อก็นั่งรถเมล์สาย 134 ไปสุดสายแล้วต่อรถทัวน์ไปชัยภูมิ เราก็ลงก่อนพ่อที่วัดเสมียนนารี เพื่อต่อรถไปดอนเมือง ใจก็ห่วงพ่อนะว่าจะลงถูกรึเปล่านะ หารถทัวน์ถูกมั๊ยหนอ
วันนี้เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านเหมือนปกติทุกวัน เพราะบ้านไกล พอรถมาถึงอู่สุดสาย ก็รีบลงรถตรงดิ่งไปหาจักรยานคู่ชีพของเราทันที แต่ว่าหาไม่เจอ มันไปใหนเนี่ย จอดใว้ตรงนี้นะ (ใจเริ่มไม่ดี)เดินดูรอบๆทุกๆคัน มันก็ไม่มี สงสัยว่าคงจะหายแล้วหล่ะ แค่นั้นแหล่ะ ความเศร้าใจ ตกใจ เสียใจ ความวิตกกังวลต่างๆนาๆมาประดังกันเข้า แต่มันไม่มีน้ำตาจะใหลออกมาเลยง่ะ นี่หรือที่เค้าเรียกว่าน้ำตาตกในหน่ะ ฉันเพิ่งเจอกับตัว เคยได้ยินแต่คนอื่นพูด มันเป็นอย่างงี้นี่เอง
เดินคอตกไปหาพี่ๆที่วินมอเตอร์ไซด์ เล่าให้เค้าฟัง เค้าก็บอกว่า"น้อง ที่นี่รถหายเป็นประจำแหล่ะ บางทีมีรถกระบะมาจอด แล้วลงไปยกรถจักรยานขึ้นไป คนเห็นก็คิดว่าเป็นเจ้าของรถเอง " จะทำไงดีหล่ะเราทีนี้ รถไม่มีจะไปทำงานได้ไง พรุ่งนี้ก็ต้องไปแต่เช้า แล้วจะออกจากหมู่บ้านมาอู่รถได้ไง เดินเหรอ ตี 4 ครึ่งนี่นะ ตัดสินใจค่ะ จ้างพี่มอเตอร์ไซด์ไปหาซื้อรถใหม่ที่ตลาดบางบัวทอง สรุปได้มาคันใหม่ค่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นคงไม่ได้ไปทำงานแน่ๆ รถคันใหม่อยู่ด้วยนานพอสมควรค่ะ ไม่หาย ปีต่อมาเลยตัดสินใจซื้อรถยนต์ค่ะ เพื่อความสะดวกในการไปทำงาน เพราะเราทำงานเป็นกะ บางทีก็กลับดึกๆดื่นๆ คนเดียวอันตรายค่ะกลัว
แล้วเพื่อนๆ พี่ๆในบ้านมหาหล่ะคะ เคยน้ำตาตกในกันมั๊ย ?[/SIZE]
Bookmarks