จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)




ฝ่ายอักษะ คนที่สอง ที่อยากแนะนำให้รู้จัก
หลังจากที่นำเสนอ อดอฟ ฮิตเลอร์ ไปแล้วค่ะ



จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)



มารู้จักกับ จอมพลเออร์ วิน รอมเมล เป็นทั้งนักรบ นักวางแผน และนักยุทธศาสตร์ที่มีความสามารถสูง อย่างชนิดที่เรียกว่า หาตัวจับยากคนหนึ่งของโลกทีเดียว

เขาเคยเป็นเป็นผู้บัญชาการกองทัพแอฟริกา (Afrika Korps) ซึ่งเป็นสมรภูมิที่สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับสมญาว่า "จิ้งจอกทะเลทราย" (Desert Fox)


จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)



ประวัติของ จอมพลเออร์ วิน รอมเมล

เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel) เกิดเมื่อ 15 พ.ย. 1891 ที่เมือง Heidenheim ในเยอรมัน

แรกๆเขาต้องการจะเรียนวิศวกรรม แต่พ่อของเขาไม่ยอม

และในปี 1910 เขาก็เข้าสู่กองทัพบกเยอรมัน จนเมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเปิดฉากขึ้น รอมเมลก็อยู่ในชั้นยศ และออกสู่สมรภูมิด้านตะวันตก จนได้รับเหรียญกางเขนเหล็กในเดือน ม.ค. 1915


ในปี 1917 รอมเมลเข้าสู่สมรภูมิกับอิตาลี เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เยอรมันเป็นศัตรูกับอิตาลี โดยการนำทหารของเขาโจมตี Monte Matajur จนกระทั่งได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยเอก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แสดงความกล้าหาญ โดยการนำทหารข้ามแม่น้ำ Piave เพื่อเข้ายึด ป้อมของทหารอิตาลี ที่ Lognaroni ไว้ได้


สงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลงในปี 1918 รอมเมลยังคงอยู่ในกองทัพเยอรมัน

จนกระทั่ง ปี 1929 เขาได้รับ การแต่งตั้ง ให้เป็นครูสอนวิชาทหารราบที่ Dresden

ในเดือน ต.ค. 1935 เขาได้รับการเลื่อนยศเป็นพันโท สอนวิชาทหารราบที่สถาบันสงคราม Potsdam

ในปี 1937 ด้วยความเป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยม คำสอนและแนวคิดของเขาเกี่ยวกับ ยุทธวิธีทหารราบ ได้รับการตีพิมพ์ ในปี 1937 หนังสือเล่มนี้เป็นที่สนใจของ อดอฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมันมากมาย

ฮิตเลอร์อ่านหนังสือดังกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่า เนื่องจากมีความประทับใจ ในแนวความคิดของ รอมเมลมาก จนในที่สุด ฮิตเลอร์ ก็เลยแต่งตั้งเขาให้เป็นฝ่ายเสนาธิการประจำกองบัญชาการ ของฮิตเลอร์ในออสเตรีย เชคโกสโลวะเกีย และโปแลนด์ในปีต่อมา


จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)



ในปี 1940 รอมเมลได้รับมอบหมาย ให้เป็นผู้บัญชาการ กองพลแพนเซอร์ที่ 7 (the 7th Panzer Division) ยศ พลตรี (Major General) รุกเข้าไปในฝรั่งเศส รอมเมลได้แสดงให้เห็นถึง ความสามารถอันโดดเด่น ด้วยการนำ กองพลยานเกราะของเขาเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว เจาะทะลวงแนวตั้งรับของฝรั่งเศสเร็วกว่าและไกลกว่า หน่วยใดๆในประวัติศาสตร์ สงครามเลยทีเดียว

ดังจะเห็นว่า ใน 21 พ.ค. 1940 ทหารของรอมเมลรุกไปถึงเมือง Arras และต้องพบกับการตอบโต้ของทหารยานเกราะอังกฤษ ที่มีรถถังมาทิลด้า 16 คัน ทหารเยอรมันใช้ปืนใหญ่ขนาด 88 มม. ต่อสู้กับทหารอังกฤษ เป็นการต่อสู้อย่างดุเดือดครั้งแรกๆ ระหว่างทหารเยอรมันกับอังกฤษ แต่ทหารของรอมเมล ก็สามารถเอาชนะได้ ท่ามกลางความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย


จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)



รอมเมลรุกต่อไปจนถึงชายแดนสเปน สงครามครั้งนี้ สร้างชื่อให้รอมเมลเป็นอย่างมาก


รอมเมลขณะออกตรวจแนวหน้าของกองทัพแอฟริกา กล้องส่องทางไกล และแว่นตากันฝุ่น ดูจะถูกหลอมรวมไปกับบุคคลิกที่โดดเด่นของเขา กล่าวกันว่า รอมเมลจะนอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนทหารของเขา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษมากกว่ากัน นี่เป็นเหตุหนึ่งที่รอมเมลสามารถครองใจผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้อย่างถาวร


จากผลงานในฝรั่งเศส รอมเมลสร้างชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และได้รับการเลื่อนยศ ให้เป็นพลตรี

ในช่วงนี้เอง อิตาลี ภายใต้การนำของ เบนิโต มุสโสลินี (Benito Mussolini) ที่กำลังประสบกับ ปัญหาในแอฟริกาเหนือ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเยอรมัน ในฐานะประเทศฝ่ายอักษะด้วยกัน (Axis) ให้ส่งกำลังไปช่วย ฮิตเลอร์ตัดสินใจ ส่งกองทัพน้อยแอฟริกา (Afrika Korps) ไปช่วย โดยมีรอมเมลเป็นผู้บัญชาการ


เมื่อรอมเมลไปถึงแอฟริกา สถานการณ์ของอิตาลีกำลังย่ำแย่ อังกฤษเป็นฝ่ายมีชัยทุกหน ทุกแห่ง รอมเมลต้องทำการปรับยุทธวิธีใหม่และตอบโต้ กองทัพที่ 8 ของอังกฤษ จนล่าถอยออกไปจากลิเบีย ได้สำเร็จ

ความสำเร็จของรอมเมลในแอฟริกา ส่งให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่ว ไม่เฉพาะฝ่ายเยอรมันด้วยกันเอง แต่ยังรวมถึงฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งเป็นศัตรูของเขาด้วย เขาได้รับการตั้งฉายาว่า จิ้งจอกทะเลทราย (Desert Fox)


อย่างไรก็ตาม ความขาดแคลนยุทโธปกรณ์ของ Afrika Korps เป็นสิ่งที่ทำให้ หน่วยทหารที่เพียบพร้อมไปด้วยวินัย และความกล้าหาญ ตลอดจนประสบการณ์ ต้องเริ่มประสบกับความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะการยุทธที่ เอล อลาเมน ที่รอมเมลพ่ายแพ้ให้แก่ นายพลมอนทโกเมอรี่ ของอังกฤษ รวมถึงการยกพลขึ้นบกของสหรัฐอเมริกาที่มอรอคโค และอัลจีเรีย ที่มาพร้อมกับอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายมหาศาล รอมเมลและ Afrika Korps ก็ต้องล่าถอยไปจากตูนิเซีย


จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)


ในช่วงต้นปี 1944 นาซีเยอรมันพ่ายแพ้ในทุกแนวรบ ทหารรัสเซียที่มีจำนวนมากมาย หลั่งไหลมาทางด้านตะวันออก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ตอบโต้เยอรมันจนกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ ชัยชนะของอาณาจักรไรซ์ที่สาม ของฮิตเลอร์มีแต่รอวันล่มสลาย นายทหารกลุ่มหนึ่ง จึงวางแผนที่จะลอบสังหารฮิตเลอร์ และได้เข้าปรึกษากับรอมเมล


รอมเมลปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกระบวนการโค่นล้มฮิตเลอร์ ด้วยวิธีการลอบสังหาร แต่เห็นว่าควรนำตัวฮิตเลอร์ขึ้นศาลมากกว่า


ในช่วงนี้ รอมเมลเข้ารับหน้าที่ผู้บัญชาการกองทัพกลุ่ม บี ในฝรั่งเศส ดูแลการสร้างกำแพงแอตแลนติค (Atlantic Wall) เพื่อป้องกันยุโรปที่เยอรมันยึดครอง จากการบุกของฝ่ายสัมพันธมิตร บนแนวคิด ป้อมปราการยุโรป (Europe Fortess)


แต่เยอรมันก็ไม่สามารถหยุดยั้งการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีในวัน ดีเดย์ได้ ตามยุทธการ Overlord ของฝ่ายพันธมิตร มาถึงตอนนี้ รอมเมลแนะนำฮิตเลอร์ว่า สงครามมาถึงจุดวกกลับแล้ว ฮิตเลอร์ควรหาทางยุติสงครามเสีย


กลางปี 1944 แผนการสังหารฮิตเลอร์ล้มเหลว ในวันที่ 14 ต.ค. 1944 นายพลเยอรมันสองคน เข้าพบรอมเมล พร้อมยื่นข้อเสนอจากฮิตเลอรให้รอมเมล ในฐานที่มีส่วนรู้เห็นในแผนสังหารฮิตเลอร์ มีทางเลือกสองทาง คือ ฆ่าตัวตาย พร้อมการจัดงานศพอย่างมีเกียรติ ครอบครัวจะได้รับการยกเว้นโทษ หรือเลือกที่จะขึ้นศาลทหารในข้อหากบฎ

รอมเมลเลือกการปลิดชีวิตตัวเองด้วยไซยาไนท์ ฮิตเลอร์จัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ โดยมีการออกข่าวว่า รอมเมลถูกเครื่องบินขับไล่พันธมิตรยิงขณะออกตรวจแนวหน้า จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิอย่างวีรบุรุษของประเทศในเวลาต่อมา


จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)



จอมพลเออร์วิน รอมเมล คือ นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของศตวรรษนี้อย่างแท้จริง เขาจะปรากฏกายอยู่ในแนวหน้า เคียงข้างกับกำลังพลของเขาอยู่เสมอ การตัดสินใจของเขา เต็มไปด้วยเหตุผล เด็ดขาด และเฉียบแหลม เขาเป็นตัวอย่างของผู้นำทางทหารรุ่นใหม่ เกียรติประวัติและความสามารถของเขาจะถูกจดจำไปอีกตราบนานเท่านาน


รอมเมลในเครื่องแต่งกายชุดจอมพล ของกองทัพเยอรมัน พร้อมด้วยคธาประจำตำแหน่ง ที่คอมีเหรียญกางเขนเหล็กชั้นอัศวิน ประดับใบโอ็ค ดาบและเพชร (Knight Cross with Oakleaves, Swords and Diamonds) ซึ่งเป็นเหรียญตรากางเขนเหล็กชั้นรองสูงสุด จากเหรียญกางเขนเหล็กชั้นอัศวินประดับใบโอ็คทองคำ ดาบและเพชร (Knight Cross with gold oakleaves, Swords and Diamonds) นอกจากนี้ที่กระเป๋าด้านขวาของภาพ หรือด้านซ้ายของเขา ยังติดเหรียญกางเขนเหล็กชั้นที่ 1 อีกหนึ่งเหรียญ (the 1st Class Iron Cross)


เหรียญตราทรงกลมและทรงรีที่อยู่บริเวณกระเป๋าเสื้อของรอมเมลเป็นเหรียญที่น่าสนใจไม่น้อย เหรียญทรงกลมที่อยู่ต่ำที่สุด เกือบติดกับสายเข็มขัด เป็นเหรียญสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ (Wound Badge) เป็นรูปหมวกเหล็ก ล้อมรอบด้วยใบโอ็ค เหรียญนี้มี 3 ระดับ คือชั้นที่ 1 เป็นโลหะรมดำ ชั้นที่ 2 เป็นโลหะสีเงิน และชั้นสูงสุด เป็นโลหะชุบทอง ส่วนเหรียญรูปทรงรีที่อยู่เหนือขึ้นไป ค่อนไปที่เอวเป็น เหรียญสำหรับผู้ที่เข้าทำการสู้รบด้วยรถถัง (Tank battle badge) เหรียญเป็นรูปรถถัง มีนกอินทรีอยู่บนรถถัง ผู้ที่ได้รับเหรียญนี้ต้องผ่านการสู้รบโดยรถถังมาก่อน มีหลายระดับ เริ่มตั้งแต่ สู้รบ 3 ครั้ง 25 ครั้ง 50 ครั้ง และ 75 ครั้ง ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับเหรียญนี้มักจะอยู่หน่วยยานเกราะ Panzer


นี่แหละน้อ สิ่งตอบแทนความดีและความเสียสละ ทั้งหมดที่ได้รับ ... เป็นเช่นนี้เอง ...เอวัง...



จอมพล เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)