สถานะของตนเอง ตัวเราเองจะรู้ดีกว่าคนอื่น ไม่ว่าสถานะทางกายหรือทางใจ รวมไปถึงสถานะทางสังคม เป็นสิ่งที่เราเองจะต้องกลับมามองตัวเองหรือประเมินตัวเอง ว่าเราอยู่ในสถานะหรือฐานะใด หรือชนชั้นใดในสังคม
ผมนับว่าผมโชคดีที่ภรรยาผมไม่เคยเอาสถานะหรือฐานะทางครอบครัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพื่อให้เกิดความทะเยอทะยานอยาก การมีอยู่มีกินมีใช้ไม่เจ็บไม่ไข้ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐสูงสุดแล้วของการดำรงอยู่ของชีวิต
หากเราไม่รู้สถานะของตัวเอง ไปทะเยอทะยานอยาก เห็นเขามีก็อยากจะมี เห็นเขาได้ก็อยากจะได้ เราก็จะวิ่งไขว่คว้าหาไม่รู้จักจบจักสิ้น
มีหลายคนที่มาเสนอขายรถยนต์ให้ผม เพราะบอกว่าส่งงวดไม่ไหว มีหลายคนที่จะเอาตู้เย็น เครื่องซักผ้า มาขายให้ผมเพราะจะเอาเงินไปใช้อย่างอื่น แต่ผมก็ไม่เอา เพราะจะต้องบริหารสถานะการเงินให้อยู่ครบเดือน
หลายคนเลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว เลี้ยงปลา เลี้ยงนก ฯลฯ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ผมไม่ชอบอะไรที่จะมาเป็นบ่วงของชีวิตให้เกิดความกังวล เช่น เอ๊ะ..เราไม่อยู่บ้านใครจะให้อาหารสุนัข และแมวเราน้อ ๆ ๆ .... อ้าว..ถ้าไฟดับปลาในตู้ปลาเราคงตายแน่ ๆ เลย โอ๊ะ ๆ วันนี้เราต้องนำรถไปเข้าศูนย์ ฯลฯ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนประหยัด ประเภทหนังควายตากแห้งเรียกพี่คงไม่ใช่เช่นนั้น แต่ถ้าหากเรามีกำลังเพียงพอ เราก็ควรที่จะหาสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อบำรุงชีวิตของเราให้มันมีชีวา มีความสะดวกสบายบ้าง
แต่ถ้าไม่มีกำลังเพียงพอ อย่าพยายามแสวงหา ประเภทเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง เพราะแทนที่จะมีความสุข แต่กลับมีความทุกข์เข้ามาแทนที่
การประเมินสถานะของตนเองทางสังคม เช่น ที่ทำงานเราอยู่ในสถานะเจ้านาย ลูกน้อง อยู่บ้านเรามีลูก เราอยู่สถานะเป็นพ่อแม่ อยู่กับพ่อแม่เรามีสถานะเป็นลูก ฯลฯ ก็จงทำหน้าที่และสำนึกในบทบาทหน้าที่เหล่านั้น
เพราะโลกนี้คือละคร สถานะและบทบาทยังจะต้องดำเนินต่อไปตราบชีวิตจะหาไม่ และทุกครั้ง จงระลึกอยู่เสมอว่า "อย่าลืมประเมินสถานะ หรือฐานะ ของตัวเองเสมอ ว่าเราอยู่ในสถานะ หรือฐานะ อะไร" ก็ควรอยู่ในจุด ๆ นั้นให้ดี และหากเรามีความพยายาม มีพรแสวง หรือโชควาสนาอำนวยก็ค่อยเลื่อนสถานะหรือฐานะของเราให้สูงขึ้น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต
Bookmarks