-
ดูแลตรวจสอบเนื้อหา
ราชวงศ์ชิงตอนต้น
ราชวงศ์ชิงตอนต้น ๑
นับจากปี ค.ศ.1644 หลังอู๋ซันกุ้ย เปิดด่านซันไห่กวนให้กองทัพชิงบุกเข้ายึดครองแผ่นดินจีน จนฮ่องเต้หมิงซือจง ต้องปลงพระชนม์ตนเอง ยังให้ราชวงศ์หมิงอันเป็นราชวงศ์สุดท้ายของชนชาวฮั่นต้องอวสานลง ในปีเดียวกันตัวเอ่อกุ่น แม่ทัพใหญ่ของแมนจูก็ได้ทูลเชิญซุ่นจื้อ ให้เสด็จมาประทับยังบัลลังก์ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิงในกรุงปักกิ่ง
ทว่าในยามนั้น ยังคงมีกองกำลังทหารของต้าหมิง และกองทัพประชาชนที่ต่อต้านแมนจูอยู่ทั่วไป ทำให้ราชสำนักชิง ต้องร่วมมือกับอดีตขุนนางราชวงศ์หมิงที่แปรพักตร์อย่างอู๋ซันกุ้ย เกิ่งจ้งหมิง ซั่งเขอสี่ขงโหย่วเต๋อ ระดมกำลังปราบกองกำลังทางใต้อย่าง ฝูอ๋อง หลู่อ๋อง ถังอ๋อง กุ้ยอ๋อง และกองกำลังต่างๆ ที่เหลืออยู่
ปี ค.ศ.1645 ในขณะที่กองกำลังแมนจูบุกตีเหมือนหยางโจว สื่อเขอฝ่า แม่ทัพรักษาเมืองได้นำทหารจีนเพียงน้อยนิดต้านยันไว้ 7 วัน 7 คืน จนกระทั่งเมืองถูกตีแตก สื่อเขอฝ่าถูกประหาร และตัวเอ่อกุ่น ก็ได้ออกคำสั่งให้ฆ่าล้างเมืองหยางโจว โดยใน "บันทึกสิบวันในหยางโจว" ของ หวังซิ่วฉู่ ผู้โชคดีรอดชีวิต ได้ระบุว่าว่าการเข่นฆ่าล้างเมืองดำเนินไปโดยไม่หยุดตลอด 10 วัน
ในปีเดียวกัน ทหารแมนจูเข้ายึดเมืองนานกิง บุกต่อไปยังซูโจว หังโจว ซงเจียง ฉางโจว จนในที่สุดก็สามารถปราบกลุ่มผู้ต่อต้านได้หมดสิ้น เหลือแต่เพียงกลุ่มของเจิ้งเฉิงกง ที่นำพาผู้ต่อต้านแมนจูไปปักหลักที่เซี่ยเหมิน จินเหมิน จากนั้นได้ขับไล่ชาวเนเธอร์แลนด์ออกจากไต้หวัน ยึดเกาะไต้หวันมาใช้เป็นฐานที่มั่น คอยทำศึกเพื่อจะกอบกู้แผ่นดินหมิงกับราชวงศ์ชิงเป็นเวลายาวนานต่อมาอีกสิบกว่าปี
กระทั่งในปี ค.ศ.1662 หลังจากบิดาและน้องชายหลายคนของเจิ้งเฉิงกงถูกฝ่ายแมนจูประหารชีวิต พันธมิตรและญาติพี่น้องจึงเริ่มไม่เห็นด้วยกับการก่อการ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีหนทางประสบความสำเร็จ สุดท้ายเมื่ออับจนไม่มีทางออก ในที่สุดเจิ้งเฉิงกงก็ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรม จากนั้น เจิ้งจิง บุตรชายของเจิ้งเฉิงกงก็รับหน้าที่ในการนำทัพต่อต้านไป และเมื่อเจิ้งจิงเสียชีวิตในปี ค.ศ.1681 ตำแหน่งดังกล่าวก็ตกมาอยู่กับ เจิ้งเค่อส่วง จนกระทั่งเจิ้งเค่อส่วงได้แพ้ให้กับทหารชิงในปี ค.ศ.1683 กองทัพนี้จึงได้ยอมสวามิภักดิ์ และทำให้ไต้หวันกลับคืนสู่การปกครองของจีนอีกครั้ง
-
ดูแลตรวจสอบเนื้อหา
ราชวงศ์ชิงตอนต้น ๒
ราชวงศ์ชิงตอนต้น ๒
การเข้าสู่แผ่นดินจีนของแมนจู นับเป็นการซ้ำรอยทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งหลังจากสมัยราชวงศ์หยวน ที่ชาวฮั่นถูกปกครองจากชนเผ่าอื่นที่เข้ามายึดครอง จากบทเรียนของราชวงศ์หยวนที่ใช้แต่กองกำลังและความแข็งกร้าว ทำให้ราชวงศ์สามารถสถาปนาอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี กลุ่มผู้ปกครองแมนจูจึงเลือกดำเนินการควบคู่ทั้งพระเดชและพระคุณ
โดยก่อนที่จะสามารถยึดครองแผ่นดินจีนได้ กองทัพของชิงได้ให้ความสำคัญกับขุนนางหรือแม่ทัพชาวฮั่น และให้การดูแลขุนนางที่เข้ามาสวามิภักดิ์อย่างดี อีกทั้งยกย่องสรรเสริญขุนนางหมิงที่มีความจงรักภักดียอมเสียสละชีวิต แม้ว่าการเสียสละนั้นจะเป็นการพลีชีพเพื่อราชวงศ์หมิงก็ตาม อีกทั้งภายหลังเมื่อบุกยึดราชธานีปักกิ่งได้ ทางแมนจูได้จัดพระราชพิธีศพและสร้างสุสานให้กับหมิงซือจงฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิงกับพระมเหสี และยังมีการจัดให้มีการให้มีการสอบเพื่อเฟ้นหาบัณฑิตเข้ารับราชการ และลดภาษีตามท้องที่ต่างๆให้ด้วย
ทว่าเพื่อควบคุมให้ชาวฮั่นยอมสยบอยู่ในอาณัติอำนาจปกครองใหม่ จึงมีการใช้ความเด็ดขาด และเหี้ยมโหดต่อกลุ่มคนที่ขัดขืน อย่างเหตุการณ์ล้างเมืองสิบวันที่หยางโจว คำสั่งห้ามการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะคำสั่งที่ให้ชาวฮั่นทั่วประเทศโกนผมครึ่งหัวไว้ผมเปียตามแบบชาวแมนจู ด้วยคำประกาศที่ว่า "มีหัวไม่มีผม (ให้โกนหัวไว้เปีย) มีผมไม่มีหัว" ที่ทำให้ชาวฮั่นต้องหลั่งเลือดสังเวยชีวิตไปเป็นหลายแสนคน
-
ดูแลตรวจสอบเนื้อหา
ราชวงศ์ชิงตอนต้น ๓
ราชวงศ์ชิงตอนต้น ๓
ยุคต้นราชวงศ์ - ปราบสามเจ้าศักดินา
ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ชิง อ้ายซินเจี๋ยว์หลอ ฝูหลิน หรือฮ่องเต้ซุ่นจื้อ ซึ่งเป็นพระโอรสคนที่ 9 ของหวงไท่จี๋ หลังจากที่หวงไท่จี๋สวรรคต ภายใต้การผลักดันจากเซี่ยวจวงเหวินฮองเฮา ทำให้ฝูหลินได้ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนมายุเพียง 6 พรรษา และเซี่ยวจวงก็เลื่อนศักดิ์ขึ้นมาเป็นไทเฮา โดยมีตัวเอ่อกุ่นที่มีศักดิ์เป็นพระปิตุลาเป็นผู้สำเร็จราชการ และมีเจิ้งชินหวัง คอยให้การช่วยเหลือ ตั่วเอ่อกุ่นได้พยายามยึดกุมอำนาจปกครองอันแท้จริงเอาไว้ อีกทั้งยังตั้งตนเองเป็นพระราชบิดา ควบคุมกองทัพกองธงไว้ถึง 3 กองธง ในขณะที่ฮ่องเต้ปกครองอยู่เพียง 2 กองธง
กระทั่งปี ค.ศ.1650 เมื่อตัวเอ่อกุ่นเสียชีวิตลง ซุ่นจื้อที่เริ่มหลุดจากการเป็นหุ่นเชิด ได้ประกาศราชโองการยกเลิกตำแหน่ง บรรดาศักดิ์ และริบทรัพย์ทั้งหมดของตัวเอ่อกุ่นเป็นการลงโทษในข้อหาใช้อำนาจบาตรใหญ่ในขณะที่มีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นยังลือกันว่ามีการขุดศพของตัวเอ่อกุ่นขึ้นมาทำการตีด้วยไม้และโบยด้วยแส้อีกด้วย
เจิ้งเฉิงกง ผู้นำกองกำลังต่อต้านราชวงศ์ชิงนานนับสิบปี
หลังจากนั้น เพื่อให้อำนาจกลับคืนสู่ฮ่องเต้อย่างแท้จริง ซุ่นจื้อยังได้ทำการปลดองค์ชายและเชื้อพระวงศ์หลายคนที่เคยดูแลหน้าที่ในกระทรวงต่างๆ อีกทั้งเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างชนชาติ จึงทรงมีรับสั่งให้มีการหยุดการเวนคืนที่ดินจากประชาชน ผ่อนปรนกฎหมายคนหลบหนี ผลักดันวัฒนธรรมชาวฮั่น ซึ่งการยกย่องวัฒนธรรมของชาวฮั่นกับความคิดในการปฏิรูปเพื่อให้แมนจูกับชาวฮั่นสามารถอยู่ร่วมกันของซุ่นจื้อ ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับขุนนางใหญ่จำนวนไม่น้อย
ความผิดหวังในทางการเมือง ได้ทำให้ซุ่นจื้อ หันมาทุ่มเทให้กับความรักให้กับพระสนมต่งเอ้อ โดยเล่าขานกันว่า พระสนมต่งเอ้อเดิมเป็นน้องสะใภ้ของซุ่นจื้อ เป็นภรรยาของป๋อมู่ป๋อกั่วเอ่อ แต่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับซุ่นจื้อมาก หลังป๋อกั่วเอ่อเสียชีวิตในปีซุ่นจื้อที่ 13 ฮ่องเต้ซุ่นจื้อจึงได้แต่งตั้งนางให้เป็นพระสนมของตน หลังจากเป็นสนมของซุ่นจื้อได้หนึ่งปี พระสนมต่งเอ้อก็ได้ให้กำเนิดพระโอรส ซึ่งเดิมจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาท ทว่าพระโอรสพระองค์นี้กลับเสียชีวิตไปเมื่ออายุได้เพียง 3 เดือน ทำให้พระสนมต่งเอ้อบตรอมใจจนสิ้นพระชนม์ และได้รับการอวยยศตามหลังจากเซี่ยวจวงฮองไทเฮา ให้เป็นเซี่ยวเสี้ยนฮองเฮา
ฮ่องเต้ซุ่นจื้อครองราชย์ถึงปีที่ 18 (ค.ศ.1661) ก็สวรรคตไปด้วยพระชนมายุเพียง 24 พรรษา ทว่าการสวรรคตของพระองค์กลับเป็นปริศนาถูกกล่าวขานไว้หลายรูปแบบ โดยบ้างระบุว่าพระองค์เสียพระทัยกับการสูญเสียพระสนมและพระโอรส ทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับความกระทบกระเทือน และสิ้นพระชนม์ด้วยโรคฝีดาษ (ไข้ทรพิษ)
ในขณะที่บันทึกของชาวบ้านกลับระบุว่า พระองค์ทรงมีความฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า สุดท้ายเมื่อสูญเสียพระสนมอันเป็นที่รัก จึงได้ออกผนวช ณ เขาอู่ไถ ส่วนนักประวัติศาสตร์บางคนก็ได้ระบุว่า พระองค์ถูกระเบิดสวรรคตในขณะที่ทรงนำกำลังจะไปปราบกองกำลังของเจิ้งเฉิงกงที่ไต้หวัน
หลังซุ่นจื้อเสด็จสวรรคต โอรสองค์ที่สามนามอ้ายซินเจี๋ยว์หลอ เสวียนเยี่ย ที่มีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา ก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้คังซีตามพระพินัยกรรมของซุ่นจื้อ ได้สั่งให้สี่ขุนนางใหญ่ช่วยบริหารราชกิจ หนึ่งในนั้นมีขุนนางนามเอ้าไป้ ที่กุมอำนาจทางการทหาร และมักใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการเล่นงานขุนนางอื่นที่ไม่เห็นด้วยกันตน
นอกจากนั้น นับตั้งแต่ทหารต้าชิงเข้าด่านเป็นต้นมา ก็ได้ทำการเวนคืนยึดครองที่ดินของเกษตรกรจำนวนมากเพื่อแบ่งสรรให้กับผู้สูงศักดิ์จากแปดกองธง หลังเอ้าไป้ได้ครองอำนาจ มิเพียงแต่ทำการกวาดต้อนที่ดินมาเป็นของตน ยังใช้อำนาจบีบบังคับแลกเปลี่ยนที่ดินของตนกับที่ดินดีๆหลายแปลง และประหารชีวิตขุนนางที่ต่อต้านตนเอง
-
-
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks