ข้ามภพผ่าน..ด่านพันหาว
ตอน ๕ มิตรภาพ

ว่านแสงจันทร์ต้นนั้น...............เปิดภพ
นำเพื่อนมาประสบ.....................ต่างหน้า
ทั้งสองดั่งเคยพบ.....................กันก่อน...หน้านี้
ฤาเป็นลิขิตฟ้า.........................สั่งให้...มาเจอ

...คนอยู่กับดอกไม้..................ก็ทำให้กลิ่นกายหอม
ของเหม็นแมงวันตอม................คลุกด้วยย่อมพาตัวหมอง
...สวนดอกไม้ยามเช้า...............หมอกคลุกเคล้าน่าชวนมอง
กรุ่นกลิ่นประทินผ่อง.................แสงสีทองสาดส่องสวน
...งดงามในยามยล..................หอมระคนกลิ่นลำดวน
จันทร์กะพ้อก็อบอวล................นวลชบาจำปาไพร
...ซ่อนกลิ่นกับพุดซ้อน..............ล่อภมรให้หลงใหล
ผึ้งต่อล้อกลีบใบ......................ผีเสื้อไพรบินไหว้วอน
...ดูไปให้หวั่นจิต....................ขาดคู่ชิดเคียงสมร
บุษบาคู่ภมร...........................เราจะซ้อนคู่กับใคร
...รำพึงใจเพราะวัยหนุ่ม............ให้ร้อนรุ่มถึงทรวงใน
หนาวเหน็บหรือเจ็บไข้...............รักษาหายได้ด้วยยา
...หนาวใจใยหนาวนัก...............ใยไร้รักเคียงอุรา
หนาวใจนี้หนักหนา...................ถึงห่มผ้ายังหนาหนาว

...เลยผ่านนานปีมา...................สรรพวิชากระจ่างราว
ดั่งมุกสุกใสขาว........................ดั่งจันทร์พราวในคราวเพ็ญ
...เชี่ยวชาญชำนาญแล้ว..............ล้วนคล่องแคล่วทุกอย่างเป็น
ทุกอย่างทดลองเห็น..................เว้นแต่ดอกออกสี่ทิศ
...เพราะแม่ท่านห้ามไว้...............ปล่อยเป็นไปตามลิขิต
เร่งรัดอาจทำผิด.......................ไม่สัมฤทธิ์ดั่งว่ามา

...เย็นย่ำค่ำคืนเพ็ญ....................อากาศเย็นน้ำค้างหนา
หอมชายสบายอุรา.....................ชมจันทราบุปผาพราย
...ร่ำร่ำจันทร์ทำเร้น....................จันทร์ช่างเด่นคืนเพ็ญฉาย
เรืองรองผ่องอำไพ.....................ทำให้ใคร่หมายปองจันทร์
...บุปผาคราต้องแสง...................ก็สวยแรงแข่งประชัน
บุปผาเพ้อละเมอฝัน....................อยากจูบจันทร์นั้นสักครา
...”ไร้ภมร”อุดรทิศ.....................เอาผ้าปิดเร้นจันทรา
“ไร้คู่ชิด”นั่นหนา.......................ยังเอกาอยู่ท้ายไร่
...”ไฝอินทร์”ทักษิณทิศ...............ดำสนิทลัอจันทร์ฉาย
ดอกนั้นบานพร่างพราย.................น้ำหยดไหลปรายสู่ดิน
...ชมด้าน”ว่านแสงจันทร์”.............ช่างเฉิดฉันท์น่ายลยิล
แดงปลั่งทั้งต้นสิ้น.......................ระรัวดิ้นละเลงไหว
...มองไปในเงาสลัว....................ตระคลุ่มมัวนั่นอะไร
จึงเข้าดูใกล้ใกล้........................นั่นคนตายหรือใครหลับ
...คนนอนนั้นเป็นชาย..................เขย่ากายไม่ตอบรับ
ร่างกายไม่ขยับ.........................ประกอบกับไม่หายใจ
...เลือดกายก็ไหลนอง.................อย่างนี้ต้องเป็นคนตาย
ดูไปให้สงสัย............................เป็นไฉนมาตายที่นี่
...พิจารณารูปกาย......................คงไม่ใช่คนแถวนี้
หน้าตาคมสันต์ดี........................ดูไม่มีที่บ้านเรา
...จำต้องเอาขึ้นบ้าน...................ให้แม่นั้นช่วยดูเขา
จะฝังหรือจะเผา.........................ให้แม่เราตัดสินใจ

...หอมเอ๋ยหอมลูกรัก.................แม่นี้จักบอกเจ้าไว้
ลูกอาจช่วยเขาได้......................จุดธูปไหว้ขอ”ไฝอินทร์”
...ถ้าหากท่านเมตตา..................ทั้งวาสนายังไม่สิ้น
อาจฟื้นคืนชีวิน.........................มาเดินดินได้ดั่งเดิม

...แต่งองค์อย่างทรงศีล..............พร้อมสายสิญจน์กระแจะเจิม
ขันห้าดอกไม้เพิ่ม.....................เอามาเสริมจนครบครัน
...ปักเสาสายสิญจน์รอบ..............หอมน้อมนอบอภิวันท์
ตั้งจิตอธิษฐาน.........................ขอบนบานท่านไฝอินทร์
...โปรดเถิดจงเมตตา.................กรุณาคนบุญสิ้น
ขอน้ำต่อชีวิน..........................กินให้ฟื้นคืนชีวา
...จบคำอธิษฐาน......................น้ำดำนั้นกลับใสกว่า
หยดรินรองเอามา.....................ช่วยชีวาคนที่ตาย
...หยอดปากเพียงสามหยด.........กลับดำหมดทั้งร่างกาย
ดำแปรเป็นขาวใหม่...................กลับฟื้นได้ให้อัศจรรย์
...โป๊ะยารักษาแผล...................หอมดูแลไม่เดียดฉันท์
สามคืนกับสี่วัน........................เขาคนนั้นจึงหายดี
...ฟื้นมาก็ว่าไป.......................ฉันอยู่ไหนแล้วใครนี่
หอมเห็นไม่เข้าที.....................จึงรีบปรี่เรียกแม่มา
...ยายก็พอพูดได้....................ฝรั่งนายสอนให้จา
แต่ครั้งยังเดียงสา.....................จึงสนทนาว่าถามความ
...ที่นี่บ้านสี่ต้น........................เมืองศรีชลกรุงสยาม
รัตนโกสินทร์ลือนาม.................รัชกาลที่สามวงศ์จักรี
...ท่านมาจากแห่งใด................ถึงมาตายในสวนนี้
หอมนั้นเขาคนดี......................ชุบชีวีท่านฟื้นมา
...ฟราวเวอรี่ตลึงงัน..................นี่ตัวฉันเป็นไรหว่า
จำได้ตกหน้าผา.......................แล้วใยมาโผล่แถวนี้
...ครุ่นคิดประมวลความ..............จึงเล่าตามที่จำมี
เล่าไปอย่างถ้วนถี่.....................ให้ยายนี้ได้เข้าใจ

...สรุปตามความนั้น...................”ว่านแสงจันทร์”นั้นแม่นหมาย
เปิดประตูสู่ภพไกล....................ให้คนได้มาเจอกัน
...อีกสิบสองราตรี.....................ในคืนที่มีเพ็ญจันทร์
ลองวิธีเดิมนั้น...........................ท่านอาจผันกลับบ้านได้

...ฟราวเวอรี่ชื่นชม....................เมื่อได้ดมกลิ่นดอกไม้
อบอวลทั้งสวนไป.....................นี่หอมนายช่างโชคดี
...พูดพรางบ้างชมสวน...............ดมกลิ่นอวลมวลมาลี
พรางเล่าเรื่องเก่ามี....................ให้หอมนี้ได้รับฟัง
...หอมนายยิ้มพรายตอบ............ที่ฝรั่งชอบพูดความหลัง
เข้าใจที่ได้ฟัง.........................ภาษาฝรั่งแม่เคยสั่งสอน

......................จบตอน ๕..............................

จ้ำ# คนรักของดอกไม้
๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

[MUSIC]http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=1&songID=V2AD7BB7PAD[/MUSIC]