ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรสำหรับความเป็นมาเป็นไปของชีวิตในระยะนี้
ทั้งงงระคนดีใจนี่มันคือความจริงหรือ เรื่องดีๆ แบบนี้ก็มีด้วยหรือ
เริ่มทำงานได้เดือนกว่าเจ้านายก็อนุญาตให้ลาพักร้อน 1 เดือน
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เพียงเพราะน้ำตาของฉัน
มันมีความหมายมากขนาดนั้นเชียวหรือเนี่ย...ฮา
ซึ่งจุดเกิดเหตุก็ในขณะที่พักเบรคกาแฟกับเพื่อนร่วมงาน
ก็มีบ้างที่มีการสนทนาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ
เป็นอย่างไร รู้สึกดีไหม ที่ห่างบ้านเกิดเมืองนอนมา...
อิฉันได้ทีเลยพร่ำพรรณาถึงคนทางบ้าน
บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของคนบ้านนอกที่ฉันจากมา พูดไปทั้งน้ำตาคลอเบ้า
พอถึงพรุ่งเช้าวันถัดไป เจ้านายก็เดินเข้ามาถาม
ได้ข่าวว่าอยากกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทยใช่ไหม
ฉันพยักหน้า เออ...แฮ่ะ สงสัยเพื่อนร่วมงานคงไปเล่าให้ฟัง
"ไปสิ...ฉันอนุญาตให้วันหยุดพักร้อน 4 สัปดาห์"
โอ๊ว...เหมือนเสียงระฆังอันไพเราะที่ดังมาจากสรวงสวรรค์
ฉันขอบคุณแล้ว ขอบคุณอีก
เจ้านายบอกว่าเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ เพราะตั้งแต่ได้เรามาร่วมงานด้วย
เขาเห็นได้ชัดว่าประหยัดค่าใช้จ่ายในบริษัทไปได้เยอะทีเดียว
อิฉันเลยได้แต่ยิ้มแก้มปริ รับคำชมนั้นด้วยใจเบิกบาน
ยัง.
ยัง.
ยัง.
เกือบสามเดือนแล้วสินะที่ทำงานที่นี่อย่างมีความสุข ยังมีเรื่องราวดีๆ มาให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อย
กับเรื่องนี้ที่เพิ่งเกิดเเมื่อวันที่9 ธค. ที่ผ่านมา เจ้านายเดินอาดๆ มาหาหน้าตาเคร่งเครียด
"มีเวลาสัก 5 มาทีไหม มีเรื่องจะคุยด้วย" อ๋อ... ค่ะไม่มีปัญหา....
ว่าแล้วเราสองคนก็เดินไปที่ลับตาคนเพื่อการสนทนา
.
.
อีกไม่กี่เดือนหัวหน้ากลุ่มเขาจะลาคลอด
ฉันคิดไว้ว่าอยากให้เธอรับผิดชอบงานส่วนนี้แทนจะได้ไหม?
รับผิดชอบในการใช้รถของบริษัทเพื่อขับรับส่งพนักงาน
ใครป่วย ใครลา มาสาย ช่วยแก้ปัญหาให้ด้วย
ส่วนเงินเดือนฉันเพิ่มให้อีก 3.000 คราวน์สำหรับหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น ตกลงไหม?
และที่สำคัญเก็บเรื่องนี้เป็นความลับห้ามเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง
โดยเฉพาะเรื่องเงินเดือนนะ....
"แล้วฉันจะพยายามทำงานและรับผิดชอบหน้าที่ที่รับมา
ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะบอส ขอบคุณที่ให้โอกาส"
ฉันจำได้ขึ้นใจว่าวันนั้นฉันฉีกยิ้มแป้น รอยยิ้มของฉันเกือบฉีกไปถึงกกหู
ฉันกอดเจ้านายแทนคำขอบคุณ
เจ้านายฉันเป็นปู้จาย...
ใช่เราสองคนชอบกอดกันในที่ทำงานแทนการบอกความรู้สึกดีๆ
นี่ถ้าไม่รู้ว่าเจ้านายของฉันมีแฟนเป็นปู้จายด้วยกันแล้ว
ฉันคิดว่าไม่ฉันก็เขาแหล่ะ ที่มีใจคิดเป็นอื่น.... ฮา
Bookmarks