สานฝันจากทุ่งกุลาสู่บทกวี
สานฝันจากทุ่งกุลาสู่บทกวี
แดนทุ่งทอง มองเหม่อ สุดสายตา
หัวใจพา โบกโบย โรยคิดถึง
บทกวี ซาบซึ้ง ยังตราตรึง
ดังประหนึ่ง มนต์รัก ขับลำนำ
หัวใจรา ล้าแรง อ่อนลงบ้าง
เสียงขับขาน ยังก้อง กระซิบด่ำ
ให้แวะเวียน เขียนบท แห่งลำนำ
ถ้อยรำพัน เป็นเพื่อน ยามเหงาใจ
อ่อนล้าแรง โรยล้า ราโรยอ่อน
แต่บทกลอน ออดอ้อน ไม่สิ้นสาย
ดังดนตรี กวีคล้อง กล่อมฤทัย
ดุจเส้นสาย งานศิลป์ สานสายใย
เสียงดนตรี กล่อมเกล่า ด้วยบทเพลง
บทบรรเลง เร่งร้อน ระบำฝัน
บทออดอ้อน บทรัก บทรำพัน
บทโศกนั้น คล้องใจ ได้บรรเทา
ลมกระหน่ำ สู่ใจ ดังลมทุ่ง
ที่พัดมุ่ง หมุนม้วน โหมความเศร้า
ไฟในทุ่ง ลามเลีย ยากบรรเทา
บทเพลงเศร้า คละเคล้า กลิ่นน้ำตา
บทเพลงหวาน บรรเลง ยามอ่อนล้า
ฤทัยรา แรงอ่อน สะท้อนหวาน
ร่ายบทอ้อน รอรัก เพ้อจำนรรจ์
ในความฝัน มีเธอ เป็นคู่ใจ
บทเพลงโกรธ ตระหง่าน เข้าห้ำหั่น
ดูผลุนผัน พิโรธ โกรธยิ่งใหญ่
ไฟกองฟอน ฟาดฟัน ชีวาวาย
แต่ก็คลาย กล่อมใจ ด้วยลำนำ
ด้วยกวี มีมนต์ ดลใจฝัน
ผูกสัมพันธ์ สานฝัน ละครพร่ำ
จากแดนท่ง กุลา เพ้อรำพัน
จึงสานฝัน จากทุ่ง สู่ลานใจ
Bookmarks