DHA/ARA ในนมผสม อันตรายที่พึงระวัง
28 มกราคม 2551

รายงานระบุว่า DHA/ARA ไม่ปลอดภัย

จากคำร้องทุกข์หลายกรณีที่ส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) พบว่า ส่วนผสมที่พบแพร่หลายในนมผสมมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการท้องร่วง, ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง, และอาการชักในเด็กทารก

ได้มีการเปิดเผยผลการรายงานที่น่าตกใจเกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของทารกจากกรดไขมันที่พบในนมผสม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสถาบันคอร์นิวโคเปีย (Cornucopia Institute) องค์กรเฝ้าระวังและตรวจตราการทำงานของบริษัทในสหรัฐอเมริกา แสดงหลักฐานเกี่ยวกับกรดไขมัน DHA และ ARA ซึ่งถูกเติมลงในนมผสมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

รายงานอ้างหลักฐานจากข้อเรียกร้องซึ่งคอร์นิวโคเปียยื่นต่อเอฟดีเอโดยอ้างสิทธิตามกฏหมายว่าด้วยเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสาร (Freedom of Information Act) ให้เปิดเผยรายงาน 98 ฉบับเกี่ยวกับคำร้องทุกข์ที่บรรดาพ่อแม่และแพทย์ได้ยื่นต่อเอฟดีเอ รายงานเหล่านี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับอุบัติการณ์ต่างๆ ซึ่งทารกได้รับผลกระทบในทางลบจากนมผสมที่มี DHA/ARA อุบัติการณ์ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายงานเหล่านี้ มีตั้งแต่การที่ทารกเกิดอาเจียรและท้องร่วง โดยอาการเหล่านี้หายไปหลังจากทารกเปลี่ยนไปกินนมผสมที่ไม่มี DHA/ARA ไปจนถึง กรณีที่ทารกต้องเข้ารับการรักษาในแผนกไอซียู (หน่วยอภิบาลผู้ป่วยหนัก) เพราะขาดน้ำอย่างรุนแรงและมีอาการชัก

รายงานยังระบุต่อไปอีกว่า เอฟดีเอไม่เคยเชื่อมั่นในความปลอดภัยของการเติม DHA/ARA เลย ในการวิเคราะห์เบื้องต้นเกี่ยวกับสารเติมแต่งเหล่านี้ เอฟดีเอระบุว่าผลการศึกษาที่ได้ไม่สามารถตัดสินสถานะของความปลอดภัยได้ ฝ่ายบริหารของเอฟดีเอยังได้ตั้งข้อสังเกตต่อไปด้วยว่า มีงานวิจัยบางชิ้นรายงานว่ามีการเสียชีวิตโดยไม่คาดคิดในกลุ่มทารกที่กินนมผสมที่มี DHA/ARA และทั้งๆ ที่ยังมีข้อจำกัดเหล่านี้ เอฟดีเอก็ยังไม่ยอมระงับการอนุมัติการใช้สารเติมแต่งนี้

อินแฟ็คท์แคนาดา (INFACT Canada) ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้ DHA และ ARA ในนมผสมมานานแล้ว (DHA และ ARA มีชื่อเรียกในโฆษณาว่า กรดไขมัน โอเมกา 3 และ โอเมกา 6 ด้วย) ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาบริษัทนมผสมรายใหญ่ทุกบริษัทได้เติมกรดไขมันลงในผลิตภัณฑ์ของตนเอง และอวดอ้างว่ามันมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองและสายตา อย่างไรก็ตามผลการทดลองส่วนใหญ่แสดงว่าสารเติมแต่งเหล่านี้ส่งผลกระทบน้อยมากต่อพัฒนาการของทารก แต่เพราะ DHA และ ARA เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในนมแม่ บริษัทนมผสมจึงวางแผนการตลาดและโฆษณาว่า นมผสมที่เติม DHA/ARA “ใกล้เคียงกับนมแม่มากกว่า”

มาร์เท็ค ไบโอไซแอนซ์ คอร์ปอเรชั่น (Martek Biosciences Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย DHA/ARA ให้กับบริษัทผลิตนมผสมเกือบทุกบริษัท ออกมายอมรับว่า จุดประสงค์ของสารเติมแต่งเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อส่งเสริมพัฒนาการที่มีสุขภาพของทารก แต่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดและโฆษณา ในเอกสารที่บริษัททำขึ้นเพื่อกระตุ้นการลงทุน มาร์เท็คระบุว่า

“ในปัจจุบันนมผสมสำหรับทารกกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งสินค้าทุกยี่ห้อแทบจะเหมือนกันทุกประการ และนักการตลาดกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในการสร้างความแตกต่างให้กับยี่ห้อของตน ถึงแม้ (DHA/ARA) จะไม่มีประโยชน์ แต่เราเชื่อว่ามันก็ยังจะถูกนำไปเติมในนมผสมอย่างแพร่หลาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดและทำให้บริษัทเหล่านั้นสามารถโฆษณาได้ ว่านมผสมของบริษัทตัวเอง “ใกล้เคียงกับนมแม่มากที่สุด”

ในขณะที่ DHA และ ARA มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในน้ำนมแม่ แต่ความเชื่อที่ว่า กรดไขมันที่ผลิตโดยมาร์เท็คทำให้นมผสมมีคุณสมบัติใกล้เคียงนมแม่ เป็นเรื่องไร้สาระ มาร์เท็คผลิต DHA และ ARA จากเอ็นไซม์ของสาหร่ายและเชื้อรา และมีการใช้สารระเหยเฮ็กเซน (มีคุณสมบัติเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อสมอง) ในขบวนการผลิต การเติมสารสังเคราะห์เหล่านี้ลงในนมผสมไม่สามารถทำให้นมสังเคราะห์สำหรับทารกมีคุณลักษณะเหมือนกับนมแม่ได้ เพราะนมแม่ประกอบด้วยเซลล์สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างซับซ้อน และเป็นทั้งแหล่งสารอาหารและภูมิคุ้มกันเชื้อโรคที่ดีที่สุดของทารก

นมผสมชนิดธรรมดาก็ทำให้ทารกมีความเสี่ยงต่ออันตรายด้านสุขภาพอนามัยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ทารกกำลังจะได้รับอันตรายจากผลของการใช้เครื่องมือทางการตลาดอีก มันเป็นความผิดอย่างไม่น่าให้อภัยที่บริษัทผู้ผลิตจะคำนึงถึงผลกำไรมากกว่าสุขภาพอนามัยของทารก เมื่อได้เห็นหลักฐานและความจริงจากรายงานเหล่านี้แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ลูกกินนมผสมที่มี DHA/ARA สินค้าเหล่านี้ควรถูกเรียกคืนและห้ามวางขายในตลาด จนกว่าจะได้รับการประเมินความปลอดภัยจากองค์กรอิสระที่เชื่อถือได้เสียก่อน

ทารกไม่ควรจะต้องเจ็บป่วย เพียงเพราะว่าบริษัทผลิตนมผสมต้องการเพิ่มตัวเลขยอดขายให้บริษัทของตนเอง


http://www.breastfeedingthai.com/นมแ...วัง.html