เมื่อวานตอนแลงๆผมได้นั่งเบิ่งเกมส์การแข่งขันฟุตบอล ถ้วย ก ซึ่งเป็นแมต์แชมป์ชนแชมป์ ระหว่าง ทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ ไทยแลนพรีเมียร์ลีก กับ ทีม การท่าเรือ แชมป์ถ้วยเอฟเอคัพ ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่ากระแสฟุตบอลอาชีพกำลังมาแรง มื้อนี้สนามศุภัชลาศัยจึงเต็มไปด้วยแฟนบอลของทั้งสองฝ่ายที่เข้ามาเชียร์ทีมฮักของเจ้าของ

ตามเกมส์แล้วนั้น กะเป็นไปอย่างสูสีผลัดกันรุกรับตลอด จนจบเคิ่งแรก ยังทำอีหยังกันบ่ได้ มาเคิ่งหลัง นาทีที่ 67 เมืองทองฯ ได้ลูกฟรีคิกฝั่งขวา ปิยะชาติ ถามะพันธ์ เปิดโด่งมาเสาสอง โคเน โมฮัมเหม็ด พุ่งเข้าชาร์จบอลตุงตาข่ายเป็นประตูให้ เมืองทอง นำ 1-0 และต่อมานาที 81 ปิยะชาติ ถามะพันธ์ เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาโด่งมาหน้าประตู ดักโน เซียก้า โขกในระยะเผาขนทำประตูที่สองให้เมืองทองฯออกนำ 2-0 ท่ามกลางการประท้วงของนักเตะท่าเรือที่มองเห็นว่าเป็นลูกแฮนด์บอล

หลังจากนั้นเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อกองเชียร์ท่าเรือไม่พอใจขว้างขวดน้ำลงมาในสนาม และจุดพลุไฟขว้างตามลงมา แถมยังมีการจุดประทัดขึ้นฟ้าเสียงดั่งสนาม จนเกมต้องยุติลงกลางคัน และแล้วเหตุการณ์กะบานปลายเมื่อกองเชียร์การท่าเรือพังฮั้วกันระหว่างกองเชียร์ออกไปรุมทำร้ายกองเชียร์ของเมืองทองที่แล่นหนี ตอนนี้สถานีโทรทัศน์ได้ตัดภาพเข้าข่าวทันทีครับ

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ สมาคมฟุตบอลต้องมาทบทวนถึงบทลงโทษของกองเชียร์และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหละหลวมอย่างคัก สารวัตรทหาร ได้แต่แนมเบิ่งผู้ที่ถึกทำร้ายต่อหน้าต่อตา
ตราบใดที่ กีฬา ยังบ่ฮู้คำว่า น้ำใจนักกีฬา รู้ แพ้ รู้ชนะ รู้ อภัย คงจะยากที่จะเฮ็ดให้วงการกีฬาเจริญต่อไปในอนาคต


ฟุตบอลถ้วย ก เมืองทองกับท่าเรือ ที่นักกีฬาและกองเชียร์บ่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

ภาพจาก :โพสทูเดย์

เดอะดอนส์ รายงาน