โคลนมนุษย์กับการล้างและถ่ายโอนข้อมูลสมอง
เราเคยถามตัวเองว่า ถ้าสามารถโคลนนิ่งมนุษย์ได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับร่างโคลนบ้าง
และร่างโคลนจะได้รับการถ่ายโอนข้อมูล(ความจำ)จากร่างต้นแบบได้หรือไม่
ก็เลยหาทางตอบคำถามของตัวเองขึ้นมา พบว่า
จะไม่มีการถ่ายโอนข้อมูล(ความจำ)จากร่างต้นแบบมายังร่างโคลน
ซึ่งร่างโคลนก็จะเป็นเพียงอีกร่างหนึ่งที่สร้างจากแบบสร้าง(DNA)เดียวกันกับร่างต้นแบบ
แต่ในDNAจะไม่มีข้อมูลความทรงจำบันทึกไว้ค่ะ จะมีก็แต่ข้อมูลสำหรับสร้างเนื้อเยื่อ
ตัวโคลบก็พัฒนาไม่ต่างกับทารก คือ
- เริ่มต้นจากเซลล์เพียงหนึ่งเดียว
- จากนั้นจึงมีการแบ่งเซลล์พัฒนาไปเป็นอวัยวะต่างๆ และเติบโตขึ้นเป็นตัวอ่อน
- จากตัวอ่อนก็กลายเป็นทารกสมบูรณ์และครบกำหนดคลอด
- จากนั้นจึงค่อยมีพัฒนาการทางสมองตามวัยเหมือนเด็กปรกติ มีการเรียนรู้และความจำเป็นของตัวเองแต่พื้นฐานทางสติปัญญา,นิสัยใจคอ และ สรีระจะมีพื้นฐานทางพันธุ์กรรมแบบเดียวกับร่างต้นแบบ
- สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูอาจทำให้มีพัฒนาการทั้งทางกายและทางสมอง
ต่างไปจากต้นแบบได้บ้าง
(เหมือนฝาแฝดแท้ที่พอโตขึ้นก็จะมีความแตกต่างจากอีกคนหนึ่งชัดเจนขึ้น)
สรุปแล้วก็คือ
ร่างโคลนแบบที่โคลนออกมาแล้ว
มีคุณสมบัติทางด้านการเรียนรู้,ความจำและพัฒนาการทั้งทางกายและทางสมอง
เหมือนร่างต้นแบบทันทีที่โคลนเสร็จ แบบในหนังบางเรื่องนั้นไม่เป็นความจริงเลย
ร่างโคลนก็จะเป็นเพียงฝาแฝดแท้ของร่างต้นแบบเท่านั้น เพียงแต่เป็นฝาแฝดต่างวัยกัน
และทางพันธุกรรมร่างโคลนต้องถือเป็นลูกของพ่อแม่ของร่างต้นแบบด้วย
ชีวิตจิตใจของมนุษย์ ก็คือกระบวนการทำงานส่วนหนึ่งของสมองหรือระบบประสาทนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นจิตสำนึก หรือจิตใต้สำนึก หรือจิตไร้สำนึก รวมทั้งความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ร้อน หนาว เจ็บปวด เศร้า เหงา สุข ทุกข์ การจดจำเรื่องราวทั้งหมด จำว่าใครคือพ่อแม่ พี่น้อง ความรัก ความชังทั้งปวง และเหตุผลต่างๆ ทุกอย่างรวมกันอยู่ในกระบวนการของสมองทั้งสิ้น
ดังนั้นการถ่ายโอนข้อมูลในสมอง
สรุปได้ว่าเป็นการย้ายร่าง
ทันทีที่เราถ่ายโอนข้อมูลสมองเสร็จ เราจะจำได้ว่า เรามาจากร่างกายหนึ่ง มาสู่อีกร่างกายหนึ่ง และถ้าสมมติว่าเรามีข้อมูลสมองเหมือนกันอยู่ใน 2 ร่าง เราทั้ง 2 ร่างจะมีอดีตที่เหมือนกัน แต่จะแยกจากกันเมื่อมีข้อมูลใหม่เพิ่มเข้ามาในอนาคต แต่มีโอกาสคล้ายๆ กัน เปรียบเสมือนฝาแฝดที่เกิดมามีร่างกายและสมองคล้ายกัน อุปนิสัยคล้ายกัน ผ่านประสบการณ์ในช่วงเวลาเดียวกัน สิ่งแวดล้อมคล้ายๆ กัน ส่งผลให้ชอบคล้ายๆ กัน เกลียดคล้ายๆ กัน ดังนั้นในอนาคตต่อๆ ไปจึงมีโอกาสผ่านประสบการณ์คล้ายกันเรื่อยไป จึงเป็นคนที่ "คล้ายๆ กัน" ตลอดไปเท่านั้นเอง
Bookmarks