คุณพัฒนาบุคลิกภาพสร้างแรงจูงใจในการหางานหรือยัง

[khonsurin]

คุณพัฒนาบุคลิกภาพสร้างแรงจูงใจในการหางานหรือยัง



บังทอง ตัวอย่างของคนที่บุคลิกภาพไม่ดี


กล่าวถึงขงเบ้งตอนที่แล้ว

การที่ขงเบ้งแจ้งเกิด มาเป็นกุนซือได้นั้น
เพราะได้ บุคคลผู้หนึ่ง ที่ไม่อาจลืมได้ ก็คือ
สุมาเต็กโช
สุมาเต็กโช เป็นทั้งอาจารย์ที่ดี ถ่ายทอดความรู้
แถมยังมีการโปรโมทให้ด้วย เรียกว่าสุดยอดอาจารย์เลยก็ว่าได้

ดังนั้จะเห็นว่า
สุมาเต็กโช จึงเป็นยอดอาจารย์
และเป็นยอดอาจารย์ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมของอาจารย์ 5 ประการ

เพราะอะไรหรือคะ ก็เพราะประกอบด้วยคุณธรรมดังต่อไปนี้

1 ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี


2 สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง


3 สอนศิลปวิทยาให้สิ้นเชิง
- ถ่ายวิชาความรู้จนหมดภูมิ ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรจะสอนแล้ว และไม่กลัวว่าศิษย์จะเก่งกว่า อาจารย์ที่ดี ต้องสอนศิษย์ให้เก่งกว่าตัว ความรู้จะได้พัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ


4 ยกย่องให้ปรากฏในหมุ่เพื่อน
- ในชั้นนี้ สุมาเต็กโชทำยิ่งกว่า ยกย่องให้ปรากฏต่อคนภายนอก โฆษณาหางานให้ลูกศิษย์ไปในตัว ลูกศิษย์เก่งสร้างผลงาน อาจารย์และสถาบันก็พลอยมีชื่อไปด้วย


5 สร้างเครื่องคุ้มกันภัยทุกสารทิศ
- วิชาความรู้นั้นนำไปใช้ทำงานได้จริง สอนให้ศิษย์ปฏิบัติได้จริง นำวิชาไปเลี้ยงชีพทำงานได้ดี

เมื่อศิษย์ทั้งหลาย ได้รับความกรุณาจากอาจารย์ดังนั้น
เราจะต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นการตอบแทนบุญคุณของอาจารย์
ที่กรุณาต่อเรา


สำหรับแนวคิดของข้าพเจ้าก็คือ พึ่งปฏิบัติตอบแทนดังนี้

1 ลุกต้อนรับแสดงความเคารพ
2 เข้าไปหา - อย่าต้องให้ตาม กลัวครูไม่รู้วิชา
3ใฝ่ใจในการเรียน
4 ปรนนิบัติ
5 เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ

แล้วศิษย์เก่ง บังทอง ได้งานจากนี้ได้อย่างไร

ใครที่อ่าน และดู สามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ

นอกจากพลังสมองของขงเบ้ง และกำลังความสามารถของ จิวยี่ แล้ว

ปฏิเสธไม่ได้เลย คนที่มีส่วนร่วมให้ทัพเรือถูกเผา คือ บังทอง



คนอย่างโจโฉ เจอยอดปราชญ์ บังทอง ก็หงายเก๋งได้เหมือนกัน
เพราะอะไรหรือคะ


ก็เพราะกลยุทธของ ยอดปราชญ์ บังทอง

บังทอง สรรเสริญ โจโฉ ว่าเก่งมาก
โจโฉ ก็เลยยิ้มทั้งวัน แบบ ปลื้มเลย
เมื่อได้รับคำชมว่าเข้าหน่อย และก็เลยเป็นถึงขนาดแบบปลื้มลืมตัว


นี่คือคำชมของ บังทอง


" ตั้งขบวนทัพอันหาผู้เสมอมิได้
ถึงมาตร ซุนวู่ จะกลับมีชีวิตมาทำการสงครามด้วยท่านครั้งนี้
ก็ไม่อาจชนะท่านได้ "


เห็นไหมคะ ประโยคนี้ จะไม่ทำให้โจโฉ ปลื้มได้อย่างไรกัน


โจโฉยอมรับนับถือในปัญญาของบังทองเสมอหนึ่งเป็นอาจารย์



ไตร่ถามในการสงคราม

บังทองตอบได้ไม่ขัดข้องแม้แต่ประการเดียว

เสียตรงที่ทหารโจโฉเป็นชาวดอน ไม่สันทัดทางน้ำ

เมื่อบังทอง เสนอกลห่วงโซ่ สัมพันธ์ ตรึงเรือให้นิ่ง

โจโฉจึงเห็นจริง เรือรบทั้งปวงแน่นิ่งทหารไม่เมาคลื่น
ทั้งม้าและคนเดินรบพุ่งด้วยกันถนัด



สุดท้าย วอดวาย เพราะ ขงเบ้ง เรียกลม จิวยี่ ใช้ไฟเผา

ด้วยบังทองวางกลตรึงเรือโฉ ให้เป็นเป้านิ่งทำลายล้าง


นี่คือเขาละ
หงษ์ดรุณ บังทอง
ผู้ที่ยังมิได้สังกัดก๊กไหน
แต่ก็สร้างผลงานชิ้นสำคัญ


แล้วทำไมบังทองถึงได้งาน ยากที่สุด ช้าที่สุดละ


แรกเริ่มเดิมที บังทอง สมัครใจจะเข้าด้วยกับซุนกวน
แต่ซุนกวน เห็นว่า ลักษณะของบังทอง

ไม่เจริญหู เจริญตา พูดจาไม่หวานหู จึงไม่ศรัทธา

เห็นคิ้วใหญ่ จมูกโด่ง หน้าดำ หนวดสั้น
รูปนั้นวิปริตนัก น้ำใจจึงไม่ยินดี


จึงแจ้งว่า เชิญท่านออกไปก่อนเถิด
เมื่อมีราชการข้างหน้าค่อยไปจึงเชิญท่านมาคิดอ่าน

( ปฎิเสธ แบบนิ่มๆ ตอนสมัครงานใหม่ๆ
บางทีหลายท่านก็เคยเจอบ่อยๆ )



มี โลซก กุนซืน คนซื่อของซุนกวน ที่เป็นห่วง
กลัว บังทอง เข้าด้วย โจโฉ

จึงแนะนำให้ บังทองไปหาเล่าปี่
แล้วเขียนหนังสือรับรองคุณภาพให้อีกต่างหากเลยละค่ะ

ก่อนหน้านี้ ก็ได้หนังสือรับรองคุณภาพจาก ขงเบ้ง

กลายเป็นว่า

บิ๊กเนมถึงสองคน จากสองก๊ก
รับรองการันตี คุณภาพ บังทอง ได้เป็นอย่างดี


ตอนบังทองไปหาเล่าปี่
แรกๆ เล่าปี่ ก็ดีใจ เพราะเคยได้ยินชื่อลือชามานานแล้ว
ได้เจอตัวเสียทีแต่พอเจอตัวจริง
ผงะเลยละค่ะ เพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่า
เห็นรูปวิปริตน้ำใจไม่สู้ยินดี จึงแกล้งว่า


"ท่านมาแต่ไกล เราก็มิได้มีธุระสิ่งใด เมืองเกงจิ๋ว นี้สงบราบคาบอยู่
แต่เมืองเอี๋ยงยังไม่มีเจ้าเมือง เชิญท่านไปอยู่ก่อนเถิด"

บังทองคิดเล่าปี่ดูถูกไม่นับถือ
จะแสดงภูมิรู้ให้เห็นก็เสียเปล่า

จดหมายรับรอง 2 ฉบับ ของขงเบ้ง และโลซก
ก็ไม่ยอมให้ดูซะอย่างนั้นเอง ใจเด็ดอยู่นาน
โชคดีที่ บังทองไม่ไปอยู่กับ อยู่กับ โจโฉ
ไม่งั้นสามก๊ก จะมีการเกมพลิกทันที



ในเรื่องนี้ ก็ต้อง ขอยกย่องโจโฉนะเจ้าคะที่มองคนออก
เพราะมองเห็นเพชร เป็น เพชร
มองปราชญ์ เป็น ปราชญ์
มองทะลุผ้าขี้ริ้วที่ห่อทอง
ที่มีอยู่ในตัวตนของ บังทอง


ทั้งๆที่โจโฉนับถือ บังทองเหมือนอาจารย์
แม้รูปชั่วตัวดำ ก็ไม่รังเกียจ เหมือน ซุนกวน และ เล่าปี่



นี่ถ้าบังทอง สุจริตใจ กับ โจโฉ
สามก๊กเกมเปลี่ยนทันที
อย่างน้อย โจโฉก็คงไม่แตกทัพยับเยิน



พอบังทอง ได้มาอยู่เมือง เอี๋ยง
ก็เหมือนกับว่า คนที่ ความสามารถ ระดับผู้บริหาร

มาให้ทำงานเสมียน


บังทองจึงแกล้งกินเหล้า ไม่เอางาน

เล่าปี่รู้ข่าว ส่งเตียวฮุย ซุนเขียน ไปสอบสวน

บังทอง จึงได้แสดงความสามารถให้เห็น

ว่าความ เขียนสำนวน ได้เรียบร้อยรวดเร็ว

จนกระทั่ง คนหยาบอย่างเตียวฮุย ยอมรับนับถือ

บังทอง จึงเอาหนังสือที่ โลกซก ให้มาแก่เล่าปี่นั้น
ออกให้ซุนเขียนอ่านให้เตียวฮุยฟัง



เท่ห์จังเลยนะคะ สุดยอดความเท่ห์เลย
เอาความสามารถมาอวด
ไม่ต้องเอาหนังสือรับรองของคนอื่นมาอวด

จึงจะแน่จริงสมเป็นนักปราชญ์

เตียวฮุย สงสัย ทำไม เจอเล่าปี่ ไม่เอาให้ดู


"ครั้งจะให้ดูหนังสือนั้นก็เหมือนข้าพเจ้า
แกล้งขอหนังสือมาเป็นนายหน้า
ให้ผู้อื่นช่วยสรรเสริญ ข้าพเจ้าจึงมิให้ดู"


แต่ถ้าแสดงความสามารถให้เห็น


หนังสือที่ โลซก รับรองเขียนไว้ว่า

" บังทอ งคนนี้ ได้ร่ำเรียนความรู้วิชาการเป็นอันมาก
แล้วมีสติปัญญาควรที่จะเป็นที่ปรึกษาท่านได้
แม้จะดูแต่ลักษณะรูปร่างภายนอกก็เห็นว่าไม่สม
ที่จะมีความรู้วิชาการดี ข้าพเจ้าเสียดายบังทอง
กลัวบังทองจะไปอยู่ด้วยผู้อื่น
ข้าพเจ้าจึงมีหนังสือให้บังทองมาหาท่าน"


ดูซินะคะ จะเห็นว่าคนเก่งย่อมนับถือคนเก่ง
นี่ถ้าบังทองไม่ยิ่งเกินไป
ก็อาจได้งานแต่แรกแล้ว


แต่ก็อย่างว่า ตอนนั้นเล่าปี่ ยังไม่ศรัทธา
ถ้าไม่โชว์เชาว์ปัญญาให้ดู ก็อาจยังไม่เชื่อ
เหมือน ชีซี ( แต่ แฮ่ ๆ...ชีซี หน้าตาดีกว่า...อะน่ะ)



กว่าบังทองจะได้เป็นกุนซือ เล่าปี่
ต้องออกแรงเหนื่อกว่าคนอื่น

ก็เป็นตัวอย่างได้ อย่างดี ที่ว่า
มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา บุคลิกก็สำคัญ


เปรียบเหมือนสินค้า คนซื้อ คนจ้าง
ย่อมต้องเลือกแพ็คเก็จดูดีก่อน
ดีต่อดี ค่อยดูประเด็นอื่นอีกที


น้อยคนนัก จะเหมือนโจโฉ
มองทะลุผ้าขี้ริ้วเห็นเนื้อทอง ซ่อนอยู่ภายใน


บุคคลิกดีแล้ว จึงต้อง พรีเซ็น ดีด้วย
จึงจะสำเร็จได้งานไปทำ ดูตัวอย่าง



ชีซี เดินร้องรำทำเพลง เข้าไปหาแบบชิวๆ แล้วก็ได้งานกลับมา

ขงเบ้ง นอนอยู่กับดีๆ งานก็เข้า เล่าปี่ต้องตามง้อถึง 3 หน
จึงได้แสดงวิสัยทัศน์ วิเคราะห์บ้านเมือง วางนโยบายให้

แต่ บังทอง เข้าไปหาเป็นแบบทางการ
แม้จะมีผลงานความสามารถ ตอนเผาทัพเรือโจโฉ
แต่กลับได้งานที่หลังเพื่อน 2 คน
ก็เป็นข้อคิดได้อย่างดี


________________________________________

มีคลื่นซัดลมคลุ้มคลั่ง
พายุกระหน่ำซัดเหหัน
เหมือนอุปสรรคที่กระหน่ำซ้ำซัด
หากหนีหันคือคนที่แพ้ตลอดกาล

....khonsurin……