นกกระจอกเทศ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร Animalia
ไฟลัม Chordata
ชั้น Aves
อันดับ Struthioniformes
วงศ์ Struthionidae Vigors, 1825
สกุล Struthio Linnaeus, 1758
สปีชีส์ S. camelus
ข้อมูลทั่ว ไป
ชื่อวิทยาศาสตร์ Struthio camelus Carolus Linnaeus, 1758
สถานะการอนุรักษ์ Status iucn3.1 LC th.svg
สถานะ : ความเสี่ยงต่ำ (lc)
นกกระจอกเทศ (Ostrich)
จัดอยู่ในประเภทสัตว์มีกระดูกสันหลัง
นกกระจอกเทศ จัดว่าเป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกขนาดโตเต็มที่สูงประมาณ 2 – 2.5 เมตร น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่จะหนักประมาณ 160 กิโลกรัม มีอายุยืนได้ถึง 65 – 75 ปี ตัวผู้มีขนาดโตกว่าตัวเมีย ตัวผู้เมื่อโตเต็มวัยขนตามลำตัวจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำ ส่วนขนปีกและขนหางจะเป็นสีขาวสวยงามมาก
สำหรับตัวเมียจะมีขนตามตัวสีน้ำตาลเทาอ่อน ปากมีลักษณะแบนและกว้างมาก ดวงตากลมโต หัวเล็ก ศีรษะล้าน มีขนอ่อนบางสีเทา น้ำตาลอ่อนคล้ายสีครีมหรือผลมะอึก คอยาวและมีขนอ่อนเช่นเดียวกับหัว ปีกเล็กไม่สมตัว ขนที่ปีกยาวพอสมควรแต่ก็ไม่ใช่ขนสำหรับการบิน ซึ่งขนปีกมีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น ขาและโคนขาเป็นขาเกลี้ยง ๆ ไม่มีขน
ลักษณะเท้าของนกกระจอกเทศจะพบว่ามีนิ้วเท้าข้างละ 2 นิ้ว ใต้นิ้วเป็นเนื้ออ่อน ๆ ปลายนิ้วทู่ ๆ ใหญ่ ๆ นิ้วทั้งสองจัดเป็นนิ้วกลางและนิ้วนางเท่านั้น นิ้วที่ใหญ่มากคือนิ้วกลาง ซึ่งเป็นธรรมชาติของสัตว์โลกอย่างหนึ่งคือ สัตว์ที่ไม่ใช้ความเร็วของฝีเท้าจะมีนิ้วครบชุดมือ – เท้าข้างละ 5 นิ้ว หากสัตว์นั้นต้องการความเร็วของฝีเท้าเพื่อวิ่งหนีศัตรู ธรรมชาติก็จะวิวัฒนาการให้นิ้วหายไปทีละนิ้วสองนิ้วจนเหลือแต่เพียงนิ้ว เดียว เช่นเท้าของม้า มีเพียงนิ้วเดียวที่เรียกว่ากีบเท้าม้า
คุณสมบัติของนกกระจอกเทศ
นกกระจอกเทศ จะถึงวัยหนุ่มสาวที่จะผสมพันธุ์ได้เมื่อตัวเมียอายุ 2 ปี ตัวผู้อายุ 2-3 ปี และจะออกไข่ประมาณ 40-120 ฟอง/ปี ถ้าพ่อ-แม่พันธุ์ มีความสมบูรณ์แข็งแรง การจัดการที่ดีจะสามารถให้ผลผลิตได้นานถึง 30-40 ปี และอายุยืนยาว 60-70 ปี
ลักษณะการวิ่งของนกกระจอกเทศ
เมื่อออกวิ่งจะยืดหัวกับคอไปข้างหน้า ปีกที่ใช้ประโยชน์ในการบินจะกางออกเล็กน้อยเพื่อการทรงตัว ปกตินกกระจอกเทศจะเป็นสัตว์อารมณ์ดี นิสัยไม่ดุร้ายมีความสนใจในสิ่งแปลกใหม่ ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ค่อนข้างที่จะเป็นสัตว์ที่ตื่นตกใจง่าย เมื่อมีเสียงดังจะตกใจวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ถ้ามีอะไรขวางจะชนทันที จึงเป็นอันตรายสำหรับนกเอง แต่ถ้าคุ้นเคยก็จะเข้ามาหา ชอบใช้ปากจิกสิ่งแปลกใหม่และวัสดุสะท้อนแสง
ดังนั้น คนที่เลี้ยงนกกระจอกเทศหรือเข้าไปดูนกกระจอกเทศไม่ควรใส่แหวน ตุ้มหู และเครื่องประดับอื่น ๆ ที่เป็นพวกโลหะ เพชร พลอย และอื่น ๆ ที่สะท้อนแสง นกกระจอกเทศจะชอบอยู่กันอย่างเงียบ ๆ ไม่ค่อยชอบส่งเสียง ไม่ร้องหนวกหู
นกกระจอกเทศนั้นถึงแม้ว่าจะมีมันสมองเล็กแต่ก็มี ความสามารถในการจดจำบางสิ่งบางอย่างได้เป็นอย่างดีมีความสามารถในการจำผู้ เลี้ยงดูได้เป็นอย่างดี จำสถานที่พักอาศัยที่ปลอดภัยได้ และถ้าตกใจหรือถูกรังแกทำร้ายจากสัตว์ชนิดใด นกกระจอกเทศจะจดจำ เมื่อจวนตัวหรือโกรธจะต่อสู้ป้องกันตัวด้วยการเตะไปข้างหน้าพร้อมทั้งจิก ศัตรูที่รังแก
ธรรมชาติได้สร้างให้นกกระจอกเทศมีสีที่พรางตัว เป็นอย่างดีในทุ่งหญ้าแถบทะเลทราย และคอที่ยาวจึงสามารถมองเห็นศัตรูที่จะมาทำร้ายได้ในระยะไกล ๆ นกจะยืดหดคอและหัวขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลาเพื่อเป็นการตรวจสอบระแวดระวังภัย
โดยทั่วไปแล้วนกกระจอกเทศชอบที่จะอาศัยอยู่ในสภาพ พื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน มีความชื้นต่ำ ในเวลากลางวันที่แดดร้อนจะหลบเข้าตามร่มเงาของต้นไม้ ดังนั้นการเลี้ยงนกกระจอกเทศจะให้ประสบความสำเร็จควรจะเลี้ยงในพื้นที่ที่มี อากาศอบอุ่น ไม่มีฝนตกชุกมากนัก ความชื้นต่ำ ซึ่งในประเทศไทยพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาค กลางตอนล่างเป็นต้น
พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมได้แก่ ภาคใต้และภาคตะวันออก ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณฝนชุกและความชื้นสูง พายุลมฝนและบางครั้งมีฝนตกติดต่อกันหลายวันอากาศชื้น มีลมหนาวเย็น อาจทำให้นกกระจอกเทศเจ็บป่วยได้
ภูมิอากาศที่เป็นอันตรายที่สุดสำหรับนกกระจอกเทศ คือ ลมพายุฝน ฝนที่ตกพรำ ๆ และมีอากาศหนาว ลูกเห็บ ซึ่งในต่างประเทศที่เลี้ยงนกกระจอกเทศจึงมีคอกพักที่ปิดมิดชิดให้ความอบอุ่น แก่นกกระจอกเทศ
นกกระจอกเทศเมื่อมีอายุประมาณ 10 – 14 เดือนน้ำหนักประมาณ 90 – 110 กิโลกรัม เป็นวัยที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุด แต่ต้นทุนการผลิตต่ำสุด เมื่อนกกระจอกเทศอายุมากขึ้น อัตราการเปลี่ยนอาหารให้เป็นเนื้อก็จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าต้องกินมากแต่ได้เนื้อน้อย ต้นทุนในการผลิตก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย
ผลผลิตจากนกกระจอกเทศ
นกกระจอกเทศที่ส่งเข้าโรงงานแปรรูปจะอยู่ในช่วงอายุ 12-14 เดือน ซึ่งจะมีน้ำหนักประมาณ 85-110 กิโลกรัม/ตัว ผลผลิตที่สำคัญ คือ
1. หนัง ประมาณตัวละ 1.2-1.4 ตารางเมตร ซึ่งหนังของนกกระจอกเทศมีคุณภาพดีและราคาสูงมาก แพงกว่าหนังจระเข้ นิยมนำไปทำรองเท้าบู๊ต กระเป๋า เข็มขัด เสื้อแจ๊คเก็ต ส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
2. เนื้อ มีสีแดงและรสชาดคล้ายเนื้อวัว แต่นุ่มเหมือนเนื้อไก่ ไขมันและโคเลสเตอรอลต่ำกว่าเนื้อวัวมาก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และผู้ไม่นิยมรับประทานเนื้อวัว
[CENTER]
3. ขน สามารถตัดได้ทุก ๆ 8 เดือน ประมาณ 1.5-2 กก./ตัว นำไปใช้ทำเครื่องประดับ ตบแต่งเสื้อผ้า ดอกไม้ประดิษฐ์ และที่สำคัญ คือ ใช้ทำไม้ปัดฝุ่น ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องอิเล็คทรอนิกส์ที่บอบบาง
4. เปลือกไข่ขนาดประมาณไข่ไก่ 24 ฟอง หนาประมาณ 2-.3 มม. สีครีมนวล นิยมนำไปแกะสลักหรือวาดลายบนเปลือกไข่ ขายเป็นของประดับ หรือของที่ระลึก
5. ไขมัน ใช้ในทางอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์และยา เนื่องจากมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณ และไม่มีในสัตว์ทั่วไป
Bookmarks