นายเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน)
นายเปลื้อง ฉายรัศมี เป็น นักดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีความสามารถพิเศษสามารถเล่นและถ่ายทอดการเล่น ดนตรีพื้นบ้านอีสานได้เกือบทุกชนิด ทั้ง พิณ แคน ซอ โปงลางและอื่นๆ โดยเฉพาะ "โปงลาง" นั้น สามารถเล่นและถ่ายทอดการเล่นได้เป็นพิเศษ และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นผู้ศึกษา ค้นคว้า ปรับปรุงและพัฒนาโปงลางมาตลอดระยะเวลา 40 ปี จนทำให้ "เกราะลอ" ซึ่งเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ตีไล่นก กา ตามไร่ ตามนา พัฒนามาเป็น "โปงลาง" ที่มีสภาพเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงไพเราะ กังวาน และให้ความรู้สึกของความเป็นพื้นบ้านอีสานอย่างแท้จริงเป็นที่นิยมกันแพร่ หลายและยอมรับกันว่า "โปงลาง" เป็น เครื่องดนตรีเอกลักษณ์ของภาคอีสานเคียงคู่กับ "แคน" ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้ว จึงสมควรยกย่องและเชิดชู นายเปลื้อง ฉายรัศมี ไว้ในฐานะเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) อย่างแท้จริง
ประวัติ
นายเปลื้อง ฉายรัศมี เป็นบุตรของ นายคง นางนาง ฉายรัศมี
เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2475 ที่บ้านเลขที่ 7 บ้านนา ตำบลม่วงนา อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
การ ศึกษา จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านนา ถิ่นกำเนิด
ปัจจุบัน พักอยู่บ้านเลขที่ 157 หมู่ 13 ตำบลเหนือ บ้านโพนทอง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และทำงานอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์
นายเปลื้อง ฉายรัศมี แต่งงานครั้งสุดท้าย พ.ศ 2519 กับนางยุพิน ฉายรัศมี ซึ่งมีอาชีพทำนา มีบุตรชาย 2 คน และหญิง 1 คน
เมื่ออายุ 27 ปี นายเปลื้อง ฉายรัศมี ได้เข้าทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว อยู่ที่โครงการเขื่อนลำปาว (พ.ศ. 2502 - 2510)
ต่อมา พ.ศ. 2516 ได้สอบบรรจุเป็นลูกจ้างประจำ อยู่ในสำนักงานป่าไม้จังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึง พ.ศ. 2519 จึงได้ลาออก
ต่อมาปี พ.ศ. 2520 ได้เข้าทำงานที่ชลประทานจังหวัดอุบลราชธานี
ต่อมาปี พ.ศ. 2521 ได้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดนครพนม ถึงปี พ.ศ. 2524 ได้ย้ายมาทำงานที่อ่างเก็บน้ำห้วยมโน บ้านนา อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
ในด้านผลงานนั้น นายเปลื้อง ฉายรัศมี เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรีพื้นบ้านอีสาน สามารถเล่นและสอนถ่ายทอดได้ทั้ง พิณ แคน ซอ โปงลาง และเครื่องดนตรีอื่นแทบทุกชนิดในภาคอีสาน โดยเฉพาะโปงลางนั้น มีความสามารถเล่นได้ดีเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะเป็นผู้ที่วิวัฒนาการดนตรีชนิดนี้ขึ้นมา
ครูเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ
เสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 2 ธันวาคม 2550 ครูเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ ผู้คิดค้นเครื่องดนตรีโปงลางเสียชีวิตแล้ว
หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรง พยาบาลกาฬสินธุ์
ครูเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2550
ด้วย อาการปวดท้องอย่างรุนแรงเนื่องจากเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และมีปัญหาที่ตับ รวมถึงมีอาการปอดอักเสบเข้าแทรก
ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ก็ได้ทำการ รักษาอย่างสุดความสามารถ แต่ในที่สุดครูเปลื้อง ฉายรัศมี ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ
สำหรับประวัติของครูเปลื้อง ฉายรัศมี เป็นศิลปินพื้นบ้านของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความสามารถเล่นเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน
ได้แทบทุกชนิด และยังเป็นผู้ที่ศึกษาค้นคว้า และพัฒนาปรับปรุงเครื่องดนตรีโปงลางมากว่า 40 ปี จนทำให้ "เกราะลอ"
ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ไล่ตีนก,กาตามไร่ นาได้พัฒนามาเป็น "โปงลาง" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงไพเราะ กังวาน
และ ให้ความรู้สึกเป็นดนตรีพื้นบ้านอีสานอย่างแท้จริง เป็นที่นิยมแพร่หลายควบคู่ไปกับ "แคน" ที่มีอยู่ก่อนแล้ว
จนทำให้ครู เปลื้อง ฉายรัศมี ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย) สาขาย่อย ดนตรีพื้นบ้าน ปี 2529
ระบำฉิ่งเป็นชุดการแสดงที่ได้ประดิษฐ์ ขึ้นโดยครูลมุล ยมะคุปต์นำออกให้ชาวต่างชาติชมเมื่อปีพ.ศ.2500ตามทำนองเพลงของหลวงประดิษฐ์ ไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง)ณ.บ้านศิลปบรรเลง ต.บ้านบาตร ต่อมาพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคล ได้ทรงเห็นการแสดงชุดหนึ่งของชาวธิเบต ซึ่งใช้"ฉิ่ง"ประกอบท่ารำพระองค์จึงได้มาปรึกษากับครูมนตรี ตราโมทและครูลมุล ยมะคุปต์ให้คิดประดิษฐ์ท่วงทำนองเพลงและท่ารำเพื่อแสดงในงาน"นาฏลีลา น้อมเกล้า"ณ.โรงละครแห่งชาติซึ่งเป็นการเฉลิมวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวเถลิงถวัลยราชสมบัติ ปีที่36ครูลมุลจึงได้ร่วมมือกับครูเฉลย ศุขะวณิช คิดประดิษฐืท่าระบำฉิ่งจนสำเร็จเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2525แสดงโดยนักเรียนของวิทยาลัยนาฏศิลปจำนวน 8 คนในการแสดงครั้งนั้นได้ใช้ฉิ่งธิเบตซึงพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภานุ พันธ์ยุคล ได้ประทานมาประกอบการแสดง
ต่อมาวิทยาลัยนาฏศิลปได้ปรับปรุงการ แสดงของระบำฉิ่งขึ้นใหม่เพื่อแสดงในงานดนตรีไทยมัธยมศึกษาครั้งที่8ณ.สังคีต ศาลาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2525โดยคงท่ารำตามรูปแบบเดิมไว้และดัดแปลงเครื่องแต่งกายแบบพันทางธิเบต มาเป็นแบบสตรีสูงศักดิ์ในราชสำนักไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ได้นำเอาฉิ่งไทยซึ่งมีเสียงกังหวานแหลมใสมาใช้แทนฉิ่งธิเบต
เป็นระบำโบราณคดีชุดที่ 3ซึ่งครูมนตรี ตราโมท ผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทยและศิลปินแห่งชาติเป็นผู้แต่งทำนองเพลงจากสำเนียงเขมร คุณครู ลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทยและคุณครู เฉลย ศุขะวณิช ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทยและศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำโดยจินตนาการจากประติมากรรมและภาพสลักที่ปรากฏบนทับ หลังและหน้าบันของปราสาทหินพิมายและปราสาทหินพนมรุ้ง อันเป็นศิลปะขอมระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-13 ด้วยเหตุนี้กระบวนท่ารำ ดนตรี รวมทั้งเครื่องแต่งกายจึงมีลีลา สำเนียงและแบบอย่างที่เป็นเขมร
[WMA]http://charyen.com/download.php?id=761ed3782e158a89a597162ed16b0166[/WMA]
Bookmarks