อีสาน = ความจน + แห้งแล้ง ฉันไม่ทราบว่าใครเป็น
คนบัญญัติสมการนี้ขึ้นมา ฉันไม่เคยคิดว่าบ้านฉันแห้งแล้ง อาจจะเพราะฉันไม่เคยอยู่บ้าน
นาน ๆ กระมัง สมัยยังเด็กฉันไม่เคยเห็นที่นี่แห้งแล้ง หลังสงกรานต์ไม่กี่วันฝนตกลงมาห่า
ใหญ่ หลังจากที่สนุกสนานกันเต็มที่กับเทศกาลสงกรานต์แล้ว ชาวบ้านได้เวลาเตรียมตัว
ทำนา หว่านกล้า ไถดะ เตรียมแปลงนา ปลูกทุกอย่างประดามี ทั้งมะม่วง ลำไย แตง ถั่ว
ฝักยาว ตามแต่ใครจะหาเมล็ดมาปลูกได้ ใบหน้าทุกคนผ่องใส เหมือนน้ำฝนได้ขับไล่
ความหม่นหมองจากจิตใจ นั่นเป็นความทรงเมื่อฉันยังเด็ก
แต่ปีนี้ 2553 ที่บ้านฉันฝนเพิ่งจะตกมาไม่กี่ครั้ง ฝนพอจะทำให้
มีอาหารจากธรรมชาติได้เลี้ยงพวกเรา แต่ฝนไม่พอที่จะหว่านกล้า ไม่พอแม้แต่จะทำให้
ผืนดินชุ่มน้ำพอที่จะไถดะได้ แม่ฉันแย่กว่าใคร ฝนตกครั้งแรกแกรีบปลูกแตงไทย ถั่ว
ฝักยาว แมงลัก พริก มะละกอ มะม่วง ลำไย ทุกอย่าง ตามที่กำลังทรัพย์ของฉันจะหา
เมล็ดพันธุ์ และต้นกล้าให้แกได้ แต่เวลานี้ฝนไม่ตก เราจึงต้องมีงานเพิ่มขึ้นคือ ตักน้ำจาก
สระน้ำเพื่อมารดต้นไม้เหล่านี้ ส่วนเรื่องหว่านกล้า เตรียมแปลงนาไม่ต้องกล่าวถึง ไกลเกิน
กว่าที่บ้านเราจะฝัน คนเฒ่าคนแก่บอกว่าปีนี้แปด 2 หนแล้งเป็นธรรมดา ครั้งที่ฉันอยู่เมือง
ใหญ่ฉันโทรศัพท์คุยกับแม่ แม่จะเล่าถึงความแห้งแล้งให้ฉันฟังเสมอแต่ฉันจินตนาการตาม
ไม่ได้ทุกครั้งไป ปีนี้ฉันไม่ต้องฟังแม่เล่าผ่านโทรศัพท์ฉันได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
เหตุใดหนอบ้านฉันจึงได้เปลี่ยนไป เพราะต้นไม้บนภูพนมดีลดลง หรือเพราะเทวดาท่าน
ลงโทษ หรือเพราะเราลงโทษเราเอง โดยการทำร้ายธรรมชาติด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือ
เพราะรู้แต่ความโลภ ความอยากได้มีอนุภาพมากว่า มหาตะมะ คานที บอกไว้ว่า “โลกนี้มี
ทรัพยากรเพียงพอสำหรับทุกคน แต่ไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว” เห็นจะจริง หัว
ข้อสนทนาของผู้คนที่แวะเวียนมาคุยกับพ่อฉัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความแห้งแล้ง อยากให้
ทางราชการช่วยเหลือ พ่อฉันรับฟัง แต่ฉันรู้ว่าพ่อฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะช่วยอย่างไร ฉัน
เคยเล่าให้คนที่มาหาพ่อฟัง ว่าการทำให้มีน้ำอาจจะยากและต้องใช้เวลานานสักหน่อยบาง
ทีช่วงอายุของเขาอาจจะไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่การใช้น้ำ การจัดการน้ำให้พอใช้น่าจะมีความ
หวังมากกว่า แต่ด้วยความที่ฉันด้อยทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิกระมัง เขาจึงไม่ได้สนใจจะฟัง
เขายังรำพึงรำพันว่า ทางราชการปล่อยปละละเลยเรื่องปากท้องประชาชน หน่วยงานที่อยู่
ใกล้ที่สุดก็ไม่เหลียวแล ฉันเข้าใจหากเป็นฉันก็คงต้องคิดอย่างนั้นเช่นกัน บางครอบครัว
ฝากชีวิตไว้ที่การทำนาปีเพียงอย่างเดียว ย่อมจะวิตกมากกว่าครอบครัวอื่น ๆ ยิ่งเมื่อต้อง
ส่งลูกเรียนระดับมหาวิทยาลัย เขายิ่งวิตกมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เพียงจะให้มีน้ำพอที่จะปลูกข้าวได้ก็ยากเย็น ปลูกข้าวพอที่จะ
เก็บเกี่ยวได้ ก็ต้องเผชิญปัญหาข้าวตาย เสียหาย ผลที่ได้ไม่คุ้มกับทุนและแรงที่ลงไป
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยมองเห็นปัญหาเหล่านี้เลย ตราบที่มีข้าวให้ฉันกินครบทุกมื้อ
แต่วันนี้ฉันได้มารับรู้ ฉันอยากช่วยเหลือเกิน แต่ในอีกบทบาทหนึ่งฉันก็เป็นเพียงประชาชน
คนหนึ่ง ที่เผชิญกับภัยแล้งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ฉันอยากให้เสียงเล็ก ๆ ของฉันได้ยินถึงลูก หลาน ที่
เป็นปัญญาชน ที่เขาส่งไปร่ำเรียนได้หันกลับมาดูว่าที่ที่เคยให้ค่าเทอม ให้เขาได้มีความรู้
มีงานดี ๆ ทำ เวลานี้ประสบปัญหาอะไรอยู่ อย่างน้อยต่างคนต่างเรียนมาคนละด้านช่วยกัน
ระดมความคิดสักเล็กน้อย เพื่อบ้านเกิดตัวเองก็น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย เพียงระดมเงิน
ผ้าป่ามาสร้าง ศาลาวัด กำแพงวัด ไม่ได้ขจัดปัญหาเหล่านี้ วัตถุไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญและ
คงไม่เป็นที่ต้องการของที่นี่อย่างแท้จริง แต่สิ่งที่ ที่นี่ต้องการคือ สมองและสองมือของ
พวกเขาที่จะช่วยให้ที่นี่มีอยู่ มีกิน พวกเขาไม่จำเป็นต้องอพยพกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนกับ
ฉัน เพียงแต่เอาความรู้ที่มีมาช่วยกันคิดและแก้ปัญหา ไม่ต้องสละทรัพย์สิน เพียงความรู้
ที่เขามี ก็มีค่ามหาศาลแล้วสำหรับที่นี่ เพื่อให้สม การ อีสาน = ความจน + แห้งแล้ง เป็น
เพียงเรื่องเล่าสู่กันฟังเท่านั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด.....
Bookmarks