กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3

    ผลฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ รอบ 16 ทีมสุดท้าย

    วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553





    อุรุกวัย 2:1 เกาหลีใต้


    เรซเบิ้ล!จอมโหดเฉือนโสมขาว2:1, ลิ่ว8ทีมสุดท้าย

    ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลุยส์ ซัวเรซ เป็นฮีโร่!! หลังเหมาคนเดียว 2 ประตูให้อุรุกวัย เฉือนชนะ "โสมขาว"เกาหลีใต้ 2:1 ลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้าย




    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3



    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3



    อุรุกวัย 2:1 เกาหลีใต้



    สนาม : พอร์ท เอลิซาเบ็ธ สเตเดี้ยม
    ผู้ตัดสิน : โวล์ฟกัง สต๊าร์ค (เยอรมัน)
    เวลาเตะ : 21.00 น.
    ถ่ายทอดสด : ช่อง 11 (สทท.)

    ผู้ทำประตู : หลุยส์ ซัวเรซ[น.8,80]ลี ชุน ยอง[น.68]



    ครึ่งแรก



    เริ่มเกมครึ่งแรกเกาหลีใต้เป็นฝ่ายเขี่ยบอลบุกจากขวาไปซ้าย นาที่ 4 เกาหลีใต้ได้ฟรีคิกนอกกรอบทางขวา พาร์ค ชู-ยอง ปั้นไปชนเสาเหลี่ยมนอกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย และอีกนาทีถัดมา ดีเอโก้ ฟอร์ลันได้ส่องแต่ยังตรงตัวของจุง ซุง-ยอง

    ประตูแรกเกิดขึ้นในนาที 8 จากลูกวางบอลยาวจากกราบขวาของ ดีเอโก้ ฟอร์ลันเลยกองหลังเกาหลีใต้มาทางเสาสอง หลุยส์ ซัวเรซ เต็มเข้ามาซัดเข้าไปแบบเหน่งๆ จุง ซุง-ยอง หมดสิทธิรับ อุรุกวัย ขึ้นนำ1:0

    ฝ่ายไปครึ่งชั่วโมงแรกเกมยังหาโอกาสยิ่งกันลำบาก เกาหลีใต้ ได้กดดัน จากลูกกระชากบอลมาทางกราบซ้ายก่อนเปิดบอลเข้ากลางประตูแต่กองหลังอุรุกวัย ยังสกัดบอลทันการ และนาที 32 เกาหลีใต้ได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ พาร์ค ชู-ยอง ได้ส่องไกลจากนอกกรอบทางขวาแต่หลุดเสาสองออกหลังไป

    นาที 38 อุรุกวัย ได้ฟรีคิกจากลางสนาม ดีเอโก้ ฟอร์ลันวางบอลยาวมาหน้าประตูหลุยส์ ซัวเรซ เทกตัวแย่งโขกได้แต่ยังเบาเกินไป จุง ซุง-ยอง รับไว้ได้และอีก สามนาทีถัดมา ชา ดู-รี ได้มีโอกาสซัดบอลเหินข้ามคานออกไป

    ในช่วงท้ายของครึ่งหลัง เกาหลีใต้ได้ลูกฟรีคิก พาร์ค ชู-ยอง ซัดไปติดกำแพงแต่บอลยังมาเข้าทางชา ดู-รี ได้ส่องไกลแต่ยังไม่ดีพอบอลเหินข้ามคานออกหลังไป จบเกมในครึ่งหลังอุรุกวัยยังนำเกาหลีใต้ อยู่ 1:0





    ครึ่งหลัง



    เริมเกมครึ่งหลัง อุรุกวัย ได้ลุ้นประตูนาที 49 จากจังหวะที่ผู้เล่นเกาหลีใต้จ่ายบอลพลาด หลุยส์ ซัวเรซ ฉกบอลได้แล้วซัดจากนอกกรอบบอลไปตรงตัวจุง ซุง-ยอง รับไว้ได้และ อีกนาทีถัดมา รี ยอง-เพียว ใช้ความเร็วกระชากบอลมาทางกราบซ้ายแล้วจ่ายตัดเข้ากลาง พาร์ค ชู-ยอง ได้ซัดยังไม่ดีพอ

    นาที51 เกาหลีใต้ ได้บุกอย่างต่อเนีอง พาร์ค ชู-ยอง ซัดด้วยเท้าขวาบอลเหินข้ามคานออกไป

    โสมาขาวยังโหมบุกอย่างหนักและได้ลุ้นนาที 58 จากจังหวะที่ ชา ดู-รี วางบอลยาวมาจากฝั่งขวามาหน้าประตูให้ ปาร์ค จี-ซอง กัปตันทีมถอยกระโดดขึ้นโขกบอลจะเสียบเสาแต่ เฟร์นานโด มุสเลร่าพุ่งมาเซฟไว้ได้

    เกาหลีใต้โหมบุกอยู่นานและก็มาตีเสมอ 1:1 จนได้ในนาที 68 จากลูกฟรีคิกฝั่งซ้ายของเขตโทษลอยโด่งมาที่หน้าประตู กองหลังของอุรุกวัยไม่เข้าใจกันกับประตูโหม่งพลาดมาเข้าทาง ลี ชุน ยอง โขกจ่อๆตุงตาข่าย สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้ง

    นาที 70 อี ชุง-ยอง ได้ลุ้นทำประตูแต่ยิงไม่ดีและอีกสองนาทีถัดมา อุรุกวัย ได้ลุ้นจากลูกยิงมุมแคบของ หลุยส์ ซัวเรซ

    นาที74 มักซี่ เปเรยร่า เต็มเกมมาทางฝั่งขวาแล้วจ่ายตัดเข้ากลางมาให้ ดีเอโก้ ฟอร์ลันได้ซัดบอลตรงตัวของจุง ซุง-ยอง นายทวารเกาหลีใต้ รับไว้ได้

    อุรุกวัยหนีห่างเป็น 2:1 ในนาที 80 จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ กระชากบอลจากซ้ายตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวาบอลโค้งไปที่เสาไกลชนเสาเหลี่ยมในเข้าประตูไปแบบสุดสวย จุง ซุง-ยอง หมดสิทธิรับ

    นาที 87 ผู้เล่นเกาหลีใต้ แทงบอลยาวจากลางสนามทะลุแผงหลังมาถึง ลี ดอง กุ๊กที่อยู่หน้าประตู ได้พลิกตัวยิงบอลประตูอุรุกวัยซองแตกบอลไหลจะเข้าประตูแต่กองหลังอุรุกวัย ยังเข้ามาสกัดบอลได้ทัน จบเกม อุรุกวัย เฉือนเกาหลีใต้ไป 2:1




    รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงที่ได้ลงสนาม




    อุรุกวัย ระบบ 4-4-2 : เฟร์นานโด มุสเลร่า - มักซี่ เปเรยร่า, ดีเอโก้ ลูกาโน่ (กัปตันทีม), ดิเอโก้ โกดิน, ฮอร์เค่ ฟูซิเล่ - ดีเอโก้ เปเรซ, เอคิดิโอ อเรวาโล่ ริออส - เอดินสัน คาวานี่, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, อัลวาโร่ เปเรยร่า - หลุยส์ ซัวเรซ



    เกาหลีใต้ ระบบ 4-4-2 : จุง ซุง-ยอง : ชา ดู-รี, โช ยอง-ฮยุง, รี จุง-ซู, รี ยอง-เพียว - อี ชุง-ยอง, คิม จุง-วู, คุม จูง วู , ปาร์ค จี-ซอง (กัปตันทีม) - ลี เซียง ยุล- พาร์ค ชู-ยอง




    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3





    Bump: Bump:
    **********************************************




    สหรัฐอเมริกา 1:2 กาน่า



    กียานยิงต่อเวลา!กาน่าเชือดมะกัน2:1เข้าดวลอุรุกวัย




    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3



    ฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
    วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553


    สหรัฐอเมริกา 1:2 กาน่า



    สนาม : รอยัล บาโฟเกง สเตเดี้ยม
    ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ คัสไซ (ฮังการี่)
    เวลาเตะ : 01.30 น.
    ใบเหลือง : ริคาร์โด้ คล้าร์ก 7, สตีฟ เชรุนโดโล่ 17, โจนาธาน เมนซาห์ 61, คาร์ลอส โบคาเนกร้า, อองเดร อายิว 90
    ใบแดง : --
    ผู้ทำประตู : [0:1]เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง 5, [1:1]แลนดอน โดโนแวน 62(จุดโทษ), [1:2]อซาโมอาห์ กียาน 93
    ผู้ชม : 28,646 คน



    ครึ่งแรก



    เริ่มเกมการแข่งขันมานาที 4 คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ลองยิงไกลด้วยซ้ายบอลไปตรงตัว ริชาร์ด คิงสัน รับเอาไว้ได้ จากนั้น 1 นาที กาน่า ได้โอกาสโต้กลับเร็ว เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ลากจากกลางสนามถึงเส้น 18 หลากดด้วยซ้ายพุ่งเข้าประตูตุงตาข่าย 1:0

    นาที 12 เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง มีโอกาสกดระยะ 25 หลาทว่าแรงข้ามคานไปไกล

    นาที 17 กาน่า มาได้ฟรีคิกบริเวณเส้นเขตโทษฝั่งซ้าย อซาโมอาห์ กียาน ยิงไปติดเชพของ ทิม ฮาวเวิร์ด ทุบบอลออกมาได้

    เกมเล่นมานาที 30 บ็อบ บราดลี่ย์ แก้เกมทันทีด้วยการเปลี่ยนตัวเอา มัวริซ เอดู ลงมาเล่นแทน ริคาร์โด้ คล้าร์ก

    ถัดมา 4 นาที สหรัฐฯ เกือบได้ลูกตีเสมอจากจังหวะหลุดขึ้นมาทางขวาของ ร็อบบี้ ฟินด์ลี่ย์ แต่ยิงไปติดขา ริชาร์ด คิงสัน อย่างน่าเสียดาย

    เข้ามาสู่ช่วงท้ายครึ่งแรกนาที 42 เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ตอกส้นคืนหลังให้ ควัดโว อซาโมอาห์ กดด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคาน จนหมด 45 นาทีแรก กาน่า ยังนำสหรัฐฯ อยู่ 1 ลูก




    ครึ่งหลัง


    กลับมาเล่นกันต่อ สหรัฐฯ บุกเร็วและเกือบได้ประตูตีเสมอจังหวะที่ โจซี่ อัลติดอร์ ไหลบอลให้ เบนนี่ ไฟล์ฮาเบอร์ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา ยิงไปติดเชพ ริชาร์ด คิงสัน อย่างน่าเสียดายในนาที 47

    นาที 51 เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ยิงด้วยขวาบอลผ่านหน้าประตูไป จากนั้น อซาโมอาห์ กียาน ได้ส่องไกลอีกก็ยังไม่ตรงประตู

    เกมเล่นมาจนนาที 61 สหรัฐฯ ตีเสมอจนได้ หลังเล่นเกมชิ่ง 1-2 คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ หลุดขึ้นมาก่อน โจนาธาน เมซาห์ เข้าเสียบล้มลงในเขตโทษ วิคเตอร์ คัสไซ ไม่รอช้าเป่าให้มะกันได้จุดโทษและ แลนดอน โดโนแวน ยิงชนเสาเข้าประตูไปเป็น 1:1

    นาที 67 ริชาร์ด คิงสัน อ่านเกมขาดออกมาตัดบอลได้ก่อนที่ โจซี่ อัลติดอร์ จะได้ยิง

    นาที 80 โจซี่ อัลติดอร์ เบียดบังทางได้ดีก่อนล้มตัวยิงด้วยซ้ายบอลเสาไกลไปนิดเดียว

    เข้าสู่ช่วงท้ายเกม!! ทั้งสองทีมต่างเล่นกันอย่างรัดกุมและก็ไม่มีประตูเกิดขึ้น จนจบเกม 90 นาที เสมอกันอยู่ 1:1 ต้องเล่นต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที



    ต่อเวลาพิเศษ 30 นาที


    เล่นกันต่อช่วงต่อเวลานาที 93 อองเดร อายิว วางบอลยาวให้ อซาโมอาห์ กียาน วิ่งเบียดจนได้บอลแล้วซัดด้วยซ้ายแซกหน้า ทิม ฮาวเวิร์ด เข้าประตูให้ทีมนำ 2:1

    นาที 96 เบนนี่ ไฟล์ฮาเบอร์ ได้จังหวะวิ่งใส่เต็มข้อไปติดกองหลัง กาน่า ออกหลังและจังหวะเตะมุมได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ คาร์ลอส โบคาเนกร้า แต่โดนไม่เต็มหัว

    จากนั้นเกมตัดบอลกันแดนกลางเสียหมดแทบไม่ได้ลุ้นอะไรกัน จนหมด 105 นาที มาเปลี่ยนแดนกันเล่นต่ออีก 15 นาที

    นาที 108 สหรัฐฯ ได้ฟรีคิกทางซ้าย แลนดอน โดโนแวน เปิดเข้าหน้าประตู ริชาร์ด คิงสัน ออกมาชกบอลออกไป

    และเกมเล่นมาช่วงท้ายของการต่อเวลา สหรัฐฯ พยายามยิงประตูตีเสมออีกครั้งแต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ จบเกม 120 นาที กาน่า เฉือนเอาชนะ สหรัฐฯ 2:1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ อุรุกวัย




    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม



    สหรัฐอเมริกา ระบบ : 4-4-2

    ผู้รักษาประตู : ทิม ฮาวเวิร์ด
    กองหลัง : สตีฟ เชรุนโดโล่, เจย์ เดอเมริต, โจนาธาน บอร์นสไตน์, คาร์ลอส โบคาเนกร้า
    กองกลาง : แลนดอน โดโนแวน, ไมเคิ่ล แบร๊ดลี่ย์, ริคาร์โด้ คล้าร์ก(มัวริซ เอดู น.30), คลินท์ เดมพ์ซี่ย์
    กองหน้า : ร็อบบี้ ฟินด์ลี่ย์(เบนนี่ ไฟล์ฮาเบอร์ น.47), โจซี่ อัลติดอร์(เฮอร์กูเลซ โกเมซ น.91)
    กุนซือ : บ็อบ บราดลี่ย์



    กาน่า ระบบ : 5-4-1


    ผู้รักษาประตู : ริชาร์ด คิงสัน
    กองหลัง : จอห์น แพนท์ซิล, โจนาธาน เมนซาห์, จอห์น เมนซาห์, ซามูเอล อินคูม(ซัลลี่ย์ มุนตารี่ น.113), ฮันส์ ซาร์ไป(ลี แอ็ดดี้ น.73)
    กองกลาง : แอนโธนี่ อันนาน, ควัดโว อซาโมอาห์, เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง(สเตฟาน อัปเปียห์ น.78), อองเดร อายิว
    กองหน้า : อซาโมอาห์ กียาน
    กุนซือ : มิโลวาน ราเยแวค




    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3


    สเปน เฉือน โปตุเกส 1- 0, ปารากวัย ดวลจุดโทษ ญี่ปุ่น 5-3








    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 30-06-2010 at 04:05.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ top_sd
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    กระทู้
    95
    อังกฤษกับเม็กซิโกตกรอบจ้อย..
    ดวงซวยทั้งสองทีมเลย...ย้อนกรรมการตาบ่ดี..

  3. #3
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!

    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!




    ศึกลูกหนังฟุตบอลโก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้ายวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน "แซมบ้า" บราซิล ถล่มชิลี ไปแบบขาดลอย 3:0 เดินเข้าสู่รอบ8ทีมสุดท้าย

    ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ รอบ 16 ทีมสุดท้าย

    วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2553

    บราซิล 3:0 ชิลี




    สนาม : เอลลิส พาร์ค
    ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)
    เวลาเตะ : 01.30 น.
    ถ่ายทอดสด : ช่อง 9 (MCOT)

    ผู้ทำประตู ฮวน[35],หลุยส์ ฟาเบียโน่ [38],โรบินโญ่ [59]




    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!




    ครึ่งแรก



    เริ่มครึ่งแรกชิลีได้เป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเล่นก่อน ชิลีก็เปิดเกมบุกทันที แต่ทีมที่ได้ลุ้นก่อนกลับเป็น บราซิลในนาที 4 จากจังหวะโต้กลับเร็วของบราซิล หลุยส์ ฟาเบียโน่ หลุดมาทางขวาเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยขวาแต่ยิงบดไปมากบอลเลยเสาสองออกหลังไป


    บราซิลเริ่มมาเป็นชุด นาที 8 จิลแบร์โต้ ซิลวา ได้ซัดไกลนอกกรอบด้วยขวาบอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อยทำท่าจะมุดเสาแต่ เคลาดิโอ บราโว่ ยังไม่พลาดกระโดดพุ่งปัดไว้ได้และอึดใจเดียว กาก้า ก็ได้ส่องไกลนอกกรอบบ้างแต่ยังไม่ดีพอ


    นาที 13จากลูกวางบอลยาวกลางสนามมาถึงหน้าเขตโทษ อุมเบร์โต้ ซัวโซ่ ยิงเร็วด้วยขวาทันที ชูลิโอ เซซ่าร์ ยังรับไว้ได้ และอีกสองนาทีถัดมา รามิเรส แข้งแซมบ้ามีโอกาสได้ส่องไกลนอกกรอบ เคลาดิโอ บราโว่ นายทวารชิลีล้มตัวรับไว้ได้


    ชิลีหาทางเจาะเกมบราซิลลำบากจึงได้ลองส่องไกลนอกกรอบในนาที 22 ของอเล็กซิส ซานเชซ และอีกจังหวะจากการยิงไกลของ กอนซาโล่ ฆาร่า


    นาที28บราซิลได้ลูกเตะมุม ดั๊กลาส ไมค่อน เปิดลูกเตะมุมโด่งยาวมาหน้าประตู ฮวน ได้เทกตัวขึ้นโขกแตผิดเหลี่ยมไปมากบอลปลิ้นออกหลังไป


    แซมบ้ามาได้ประตูขึ้นนำเป็น1:0จนได้ในนาที 35 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ดั๊กลาส ไมค่อน วางบอลยาวมาหน้าประตู ฮวน ได้กระโดดขึ้นโหม่งไม่พลาดบอลเสียบตาข่ายเข้าไปสุดสวย


    นาที 38 บราซิลมาได้ประตูหนีห้างเป็น 2:0 จากจังหวะที่ โรบินโญ่ ลากบอลมาทางกราบซ้ายจ่ายตัดเข้าในให้ กาก้า แล้วแทงบอลเร็วไปหน้าประตู หลุยส์ ฟาเบียโน่ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษโชว์ทักษะล็อคหลบ เคลาดิโอ บราโว่ ประตูชิลี แล้วยิงเข้าไปจ่อๆแบบเลือดเย็นบอลข้ามเส้นเข้าประตูไป


    ช่วงท้ายเกมในครึ่งแรก ยังเป็นบราซิลที่ครองเกมได้มากกว่าและได้ลุ้นจากลูกพุ่งโหม่งของ หลุยส์ ฟาเบียโน่ จบเกมครึ่งแรก "แซมบ้า" บราซิล ยังนำ ชิลี อยู่ 2:0





    ครึ่งหลัง



    เริ่มเกมครึ่งหลังแค่3นาทีแรกบราซิลก็ได้ลุ้นก่อนอย่างรวดเร็วจากลูกฟรีคิกนอกกรอบทางซ้าย ดาเนียล อัลเวส เป็นคนปั้นบอลเหินข้ามคานหลุดเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 59 แซมบ้ามาได้ประตูหนีห่างออกไปอีกเป็น 3:0 จากจังหวะที่ รามิเรส ตัดบอลได้จากกลางสนามกระชากบอลลากเลื่อยมาถึงไกล้เขตโทษชิลีแล้วแทงบอลออกด้านซ้ายให้ โรบินโญ่ ยิงปั้นด้วยขวาบอลเสียบเสาเข้าไปสุดงาม


    นาที 66 ชิลีได้ลุ้นตีไข่แตกจากจังหวะที่ อเล็กซิส ซาน จ่าบบอลตัดเข้ากลางให้ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย แตะบอลแล้วซัดด้วยขวาใบไม้ล่วงเสียบหลังตาข่ายยังไม่เป็นประตูและอีก3นาทีถัดมา กาก้า ได้มีโอกาสลุ้นประตูจากลูกส่องไกลนอกกรอบแต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป


    แซมบ้าบราซิลมาได้โอกาสทองอีกครั้งนาที 73 จากจังหวะโต้กลับเร็ว โรบินโญ่ ได้บอลจากกลางกระชากบอลมาทางฝั่งขวาก่อนเลี้ยงบอลจี้เข้าเขตโทษแล้วตัดสินใจยิงเองอัดไปที่เสาสองแต่บอลยังไปติดมือของ เคลาดิโอ บราโว่ ปัดออกหลังไปช่วยทีมเอาไว้ได้


    นาที 78 เป็นจังหวะได้ลุ้นตีไข่แตกของชิลี โรดริโก้ เตลโล่ ตัวสำรองเตะมุมวางยาวมาถึงกลางประตู อุมเบร์โต้ ซัวโซ่ ได้ซัดบอลลอยโค้งตกลงโดนเหลี่ยมบนของคานออกไป


    ช่วงทดเจ็บ ชิลียังมีลุ้นตีไข่แตกจากจังหวะที่ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย ตัวสำรองชิลีได้มีโอกาสยิงไม่ดีพอที่จะเป็นประตู กรรมการเป่าจบ90นาที "แซมบ้า" บราซิล ถล่มชิลี ไปแบบขาดลอย 3:0 เดินเข้าสู่รอบ8ทีมสุดท้าย




    รายชื่อผู้เล่น11 ตัวจริงทั้งสองทีมที่ได้ลงสนาม




    บราซิล ระบบ 4-3-1-2 :
    ชูลิโอ เซซ่าร์ - ดั๊กลาส ไมค่อน, ลูซิโอ (กัปตันทีม), ฮวน, มิเชล บาสโต๊ส - จิลแบร์โต้ ซิลวา, รามิเรส- ดาเนียล อัลเวส, กาก้า, โรบินโญ่ - หลุยส์ ฟาเบียโน่




    ชิลี ระบบ 3-4-3 :
    เคลาดิโอ บราโว่ - เมาริซิโอ อิสล่า, ปาโบล กอนเตรราส, อิสมาเอล ฟูเอนเตส - อาร์ตูโร่ วิดาล, คาร์ลอส คาร์โมน่า, กอนซาโล่ ฆาร่า, มาร์ค กอนซาเลซ - ฌอน โบเซอฌูร์, อเล็กซิส ซานเชซ, อุมเบร์โต้ ซัวโซ่




    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!


    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!


    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!


    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!


    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!
















    ********************************

    ฮอลแลนด์ 2:1 สโลวาเกีย


    ร็อบเบน, สไนจ์เดอร์ คนละตุง! ดัชต์ต้อนสโลวัก 2:1 ลิ่วก่อนรองฯ

    ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2553 ฮอลแลนด์ เอาชนะ สโลวาเกีย 2:1 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ

    ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
    วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2553

    ฮอลแลนด์ 2:1 สโลวาเกีย







    สนาม : โมเซส มาบฮิดา สเตเดี้ยม, เดอร์บาน
    ผู้ชม : 61,962 คน
    ผู้ตัดสิน : อัลเบร์โต้ อันเดียโน่ มาลเลนโก้ (สเปน)
    เวลาเตะ : 21.00 น.
    ถ่ายทอดสด : ช่อง 11 (สทท.)
    ผู้ทำประตู : อาร์เยน ร็อบเบน น.18, เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ น.84, โรเบิร์ต วิตเท็ค น.90+



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!




    ทีมชาติฮอลแลนด์ อดีตรองแชมป์โลก หนึ่งในตัวเต็งของฟุตบอลโลกครั้งนี้หลังชนะรวด 3 เกมรอบแรก จะเดินหน้าทำศึกรอบ 16 ทีมสุดท้าย กับ สโลวาเกีย คู่แข่งร่วมทวีปยุโรป ที่เพิ่งเข้ารอบสุดท้ายครั้งแรกในชื่อสโลวาเกีย หลังแยกประเทศจาก เชกโกสโลวาเกีย




    ครึ่งแรก



    สโลวาเกีย เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากขวาไปซ้ายและก็ ได้ลุ้นจังหวะแรก วลาดิเมียร์ วลาดิเมียร์ ไวส์ ทำเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนแตะตัดเข้าในไหลมาให้ อีริค เยนดริเช็ค ตั้งป้อมซัดด้วยซ้าย แต่กดไม่ลงบอลโด่งข้ามคาน

    นาทีที่ 5 ฮอลแลนด์ ได้โอกาสลุ้น! อาร์เยน ร็อบเบน ลากขึ้นมาทางขวาก่อนจะจ่ายสั้นให้ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ ซัดจากนอกกรอบ บอลพลาดเป้าออกหลัง

    ฮอลแลนด์ ทำเกมขึ้นมาได้น่ากลัว! นาทีที่ 11 โรบิน ฟาน พอร์ซี่ ม้วนพาบอลหนีตัวประกบจ่ายออกซ้ายให้ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ วิ่งเข้ามาซัดเรียดบอลติดเซฟ แยน มูช่า ผู้รักษาประตูสโลวาเกีย

    ฮอลแลนด์ ได้ประตูขึ้นนำ 1:0 ในนาทีที่ 18 จากจังหวะสวนกลับ ร็อบเบน พาบอลขึ้นมาทางขวาก่อนจะลากตัดเข้าใน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งดึงตัวประกบเปิดช่องให้ ดาวเตะซ้ายผ่านตลอดซัดจากนอกกรอบ บอลพุ่งเรียดเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม


    นาทีที่ 40 ฮอลแลนด์ เจาะเกมขึ้นมาตรงกลางสนาม โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ลากจี้เข้าหาเขตโทษ ได้จังหวะซัดด้วยขวาเท้าข้างไม่ถนัดบอลบดไหลเข้ามือ แยน มูช่า ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบครึ่งแรก ฮอลแลนด์ออกนำ สโลวาเกีย 1:0






    ครึ่งหลัง


    เขี่ยลูกเริ่มเล่นครึ่งหลัง นาทีที่ 50 ฮอลแลนด์ ต่อเกมขึ้นมาทางขวามาถึง ร็อบเบน แตะด้วยซ้าตัดเข้าในตวัดยิงเร็วกะให้บอลเสียบเสาไกล แยน มูช่า ปัดปลายมือออกหลัง


    นาทีที่ 52 เกมขึ้นมาทางซ้าย ฮอลแลนด์ ได้ลุ้นอีกครั้ง! ร็อบเบน จ่ายผ่านหน้าปากประตูเข้ากลางให้โยริส มาไธจ์เซ่น กองหลังซึ่งเติมเกมขึ้นมาเข้าชาร์จติดเซฟ มูช่า อีกครั้ง


    นาทีที่ 60 ฮอลแลนด์ ได้ลูกฟรีคิกทางขวาของเขตโทษ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ รับหน้าที่สังหารยิงยัดเข้ามาด้วยซ้าย บอลพุ่งเข้ากรอบ แยน มูช่า ต้องออกแรงเซฟ


    สโลวาเกีย เองก็มีโอกาสลุ้น! นาทีที่ 66 บอลจากตรงกลางถ่ายออกขวา มิโรสลาฟ สต็อช ลากตัดย้อนเข้าในได้จังหวะสับไกตรงกลางประตู มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ต้องปัดออกหลัง นาทีถัดมา โรเบิร์ต วิตเท็ค หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงอีกครั้งแต่ยังไม่ผ่าน สเตเคเลนเบิร์ก

    สโลวาเกีย ทำเกมบุกกดดัน ฮอลแลนด์ ได้หลายจังหวะ นาทีที่ 79 โรเบิร์ต วิตเท็ค ได้โอกาสสับไกด้วยขวาหน้าเขตโทษโล่งๆ แต่กดไม่ลงบอลโด่งข้ามคานไปไกล

    นาทีที่ 84 ฮอลแลนด์ ขยับประตูหนีไปเป็น 2:0 บอลจากลูกตั้งเตะกลางสนามสาดขึ้นหน้า เดิร์ก เคาท์ โฉบโขกแต่งบอลหนี มูช่า ที่ออกมาตัดก่อนจะป้ายเข้ามากลาง เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ วางเท้าแปง่ายๆ ส่งบอลกองก้นตาข่าย

    ช่วงท้าย สโลวาเกีย ตีตื้นไล่มาเป็น 1:2 มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก รวบ มาร์ติน ยาคุปโก้ ล้มลงผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษ โรเบิร์ต วิตเท็ค รับหน้าที่สังหารซัดไม่พลาดส่งบอลกองก้นตาข่าย แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา ฮอลแลนด์ ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเป็นผลสำเร็จ




    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


    ฮอลแลนด์: ระบบ 4-2-3-1


    ผู้รักษาประตู: มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก
    กองหลัง: โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์, จอห์น ไฮติงก้า, โยริส มาไธจ์เซ่น, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล
    กองกลาง: มาร์ค ฟาน บอมเมล, ไนเจล เดอ ยองก์, เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ (อิบราฮิม อเฟลลาย น.90+), อาร์เยน ร็อบเบน (เอเรลโย่ เอเลีย น.70), เดิร์ก เคาท์
    กองหน้า: โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (คลาส แยน ฮุนเตลาร์ น.80)
    กุนซือ: เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์



    สโลวาเกีย: ระบบ 4-4-2

    ผู้รักษาประตู: แยน มูช่า
    กองหลัง: ปีเตอร์ เปคาริค, มาร์ติน สเคอร์เทล , แยน ดูริก้า, ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค (มาร์ติน ยาคุปโก้ น.87)
    กองกลาง: มาเร็ค ฮัมซิค (มาเร็ค ซาปาร่า น.87), ยูราจ คุชก้า , มิโรสลาฟ สต็อช, วลาดิเมียร์ วลาดิเมียร์ ไวส์
    กองหน้า: โรเบิร์ต วิตเท็ค, อีริค เยนดริเช็ค (คารมิล โคปูเน็ค น.71 )
    กุนซือ: วลาดิเมียร์ ไวส์



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!












    ****************************









    เยอรมัน 4:1 อังกฤษ



    กฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ รอบ 16 ทีมสุดท้าย

    วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2553


    เยอรมัน 4:1 อังกฤษ



    สนาม : ฟรี สเตท สเตเดี้ยม
    ผู้ตัดสิน : จอร์เก้ ลาร์ริออนด้า
    เวลาเตะ : 21.00 น.
    ถ่ายทอดสด : ช่อง 7

    ผู้ทำประตู มิโรสลาฟ โคลเซ่ [20]ลูคัส โพดอลสกี้ [32]แม็ทธิว อัพสัน [37]โธมัส มุลเลอร์ [67,70]



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!




    ครึ่งแรก



    เริ่มเกมครึ่งแรก อังกฤษ มาด้วยชุดแดงทั้งชุด ในชั่งนาที่แรกทั้งสองทีมยังเล่นกันแบบระวังตัว และอินทรีเหล็กได้โอกาสลุ้นก่อนนาที5 จากจังหวะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์วางบอลยาวจากกลางสนามมาทางกราบขวา เมซุต โอซิล รับบอลได้กระชากเข้าเขตโทษทางขวาแล้วซัดมุมแคบ แต่ยังไปติด เดวิด เจมส์ บอลออกหลังไป


    นาที 17 เยอรมันมีลุ้น จากลูกส่องไกลของ ซามี่ เคดิร่า แต่เหินข้ามคานออกไป และ อังกฤษได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกแต่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็ยิงไปอัดกำแพงเต็มๆ


    อินทรีเหล็ก เยอรมันมาได้ประตูขึ้นเป็น 1:0 ใน นาที 20 จากจังหวะที่ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารเยอรมันวางบอลจากหน้าประตูตัวเองลอยโด่งมาถึงหน้าประตูอังกฤษ มิโรสลาฟ โคลเซ่ โฉบมารับบอลไว้ได้แล้ววิ่งกระชากจี้เข้าเขตโทษ แม็ทธิว อัพสัน พยายามมาเบียดแย่งบอลแต่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ยังล้มตัวยิงได้บอลผ่านมือเดวิด เจมส์ เข้าไปอย่างสุดสวย


    นาที 25 แกเร็ธ แบร์รี่ได้ส่องไกลจากนอกกรอบแต่มานูเอล นอยเออร์ยังรับไว้ได้ และอีกหกนาทีถัดมา โธมัส มุลเลอร์ แทงบอลจากนอกกรอบทะลุแผงหลังมาถึง มิโรสลาฟ โคลเซ่ ได้หลุดไปยิงแต่ยังไปติดขาของ เดวิด เจมส์ ยังไม่เป็นประตู


    อินทรีเหล็ก เยอรมันได้ประตูหนีห่างไปเป็น 2:0 ในนาที 32จากจังหวะที่โธมัส มุลเลอร์จ่ายบอลจากตรงกลางประตูไปทางซ้ายให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ซัดจากมุมแคบทางซ้าย ลอดหว่างขาเดวิด เจมส์ เขาไปอย่างสุดสวย


    ทีมชาติอังกฤษ มาได้ประตูตีไข่แตก 2:1นาที 37 สตีเว่น เจอร์ราร์ดวางบอลยาวจากกราบขวามาทีหน้าประตู แม็ทธิว อัพสัน กระโดดโหนโขกย้อนศรเข้าเสียบตาข่ายประตูไป


    อีกนาทีถัดมา แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงอัดคานเด็งเข้าประตูไปแต่ผู้ตัดสินไม่ให้เป็นประตู หลังจากได้ประตูตีตื้นอังกฤษเริ่มบุกได้มากกว่าแต่ยังทำอะไรไม่ได้มาก จบครึ่งแรก อินทรีเหล็ก เยอรมัน ยังนำ สิงโตคำราม อังกฤษ 2:1




    ครึ่งหลัง



    เริ่มเกมครึ่งหลังนาที 47 ได้ลุ่นก่อนจากลูกยิงไกลของ เจมส์ มิลเนอร์ แต่ยังไม่ดีพอที่จะเป็นประตูและอีกนาทีต่อมา สตีเว่น เจอร์ราร์ด หลุดมาทางกราบซ้ายแล้วเลี้ยงตัดเข้าในก่อยซัดด้วยขวาบอลออกหลังไป

    นาที52 สิงโตคำรามาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด วิ่งเข้าซัดด้วยขวาเต็มข้อจาก 35หลาบอลพุ่งเร็วมุดไปชนคานสนั่น

    เยอรมันเสียววาบ นาที 58 ฟิลิปป์ ลาห์ม จ่ายบอลกลับหลังแล้วเจอร์เม่น เดโฟ วิ่งโฉบตามบอลแต่ยังโชคดี มานูเอล นอยเออร์ ออกมาสกัดบอลไว้ได้ทัน อีก4นาทีต่อมา จากการทำเกมกลางสนาม เวย์น รูนี่ย์ ไหลบอลเข้าไปเขตโทษทางซ้ายให้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้ส่องแต่ยังไปติดกองหลังเยอรมัน

    อินทรีเหล็ก เยอรมัน มาได้ประตูหนีห่างไปเป็น 3:1นาที 67 จากจังหวะโต้กลับเร็ว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ รับบอลมาจากเดนหลังแล้วกระชากบอลเข้ากลางก่อนจ่ายบอลไปทางซ้าย โธมัส มุลเลอร์ หอกดาวรุ่งซัดด้วยขวาบอลผ่านมือ เดวิด เจมส์

    นาที่ 70 จากจังหวะโต้กลับเร็วอีกลครั้ง เมซุต โอซิล ได้บอลกระชากหลุดมาทางฝั่งซ้ายแล้วจ่ายตัดเข้าไปหน้าปากประตูให้ โธมัส มุลเลอร์ ได้ซัดแบบจ่อบอลเข้าประตูไป เยอรมันนำโด่งเป็น 4:1


    นาที 81สตีเว่น เจอร์ราร์ดทำชิ่งกับเวย์น รูนี่ย์ที่หน้าประตูก่อนหลุดเข้าเขตโทษได้ซัดด้วยขวาบอลพุ่งเฉียดเสาออกไปนิดเดียว


    เข้าสู่ช่วงท้ายเกมของครึ่งหลัง อังกฤษยังไม่ยอมแพ้มีลุ้นประตู แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่มานูเอล นอยเออร์ยังรับไว้ได้ จบเกม90นาที "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ถล่ม"สิงโตคำราม" อังกฤษ ไป4:1 ลิ่วเข้ารอบ 8ทีมสุดท้าย




    รายชื่อผู้เล่นทั้งที่ได้ลงสนาม 11 ตัวจริง




    เยอรมัน ระบบ 4-2-3-1 :


    มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, อาร์เน่ ฟรีดริช, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, เยโรม บัวเต็ง, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้, มิโรสลาฟ โคลเซ่



    อังกฤษ ระบบ 4-4-2 :


    เดวิด เจมส์ - เกล็น จอห์นสัน, จอห์น เทอร์รี่, แม็ทธิว อัพสัน, แอชลี่ย์ โคล - สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่,เจมส์ มิลเนอร์- เวย์น รูนี่ย์, เจอร์เม่น เดโฟ



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!

















    ******************************








    อาร์เจนติน่า 3:1 เม็กซิโก



    เตเบซเบิ้ล!ฟ้าขาวอัดจังโก้3:1เข้าบู๊เยอรมัน

    ฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
    วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2553


    อาร์เจนติน่า 3:1 เม็กซิโก


    สนาม : ซ็อคเก้อร์ ซิตี้ สเตเดี้ยม
    ผู้ตัดสิน : โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ (อิตาลี)
    เวลาเตะ : 01.30 น.
    ใบเหลือง : ราฟาเอล มาร์เกวซ 28
    ใบแดง : --
    ผู้ทำประตู : [1:0]คาร์ลอส เตเบซ 26, [2:0]กอนซาโล่ อิกวาอิน 33, [3:0]คาร์ลอส เตเบซ 52, [3:1]ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ 71
    ผู้ชม : 84,377 คน

    [/INDENT]



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!




    ครึ่งแรก [/CENTER]



    เริ่มเกมมานาที 8 ลิโอเนล เมสซี่ ทำฮือฮา! เมื่อได้บอลเลี้ยงจี้ขึ้นมาก่อนยิงติดกองหลัง เม็กซิโก จากนั้น"จังโก้"ได้โอกาส คาร์ลอส ซัลซิโด้ ฉวยโอกาสยิงไกลบอลไปชนคานอย่างจัง และต่อมา เคราร์โด้ ตอร์ราโด้ ยิงด้วยซ้ายนอกกรอบบอลเลี้ยวหนีเสาออกหลังนิดเดียว

    นาที 14 จังหวะตอบโต้ของ เม็กซิโก มีอีกจาก ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ยิงไกลนอกเขตไม่ตรงประตู

    จากนั้นเกมเล่นมาถึงนาที 26 "ฟ้า-ขาว" มาได้ประตูขึ้นนำเมื่อ เมสซี่ ไหลบอลให้ เตเบซ สอดขึ้นไปโดน ออสก้าร์ เปเรซ ออกมาสกัดเข้าทาง เมสซี่ อีกทีซิบบอลให้ เตเบซ ขวิดเข้าประตูไป 1:0 ซึ่งยืนล้ำหน้าอยู่ ทำให้ผู้เล่น เม็กซิโก เข้าประท้วงผู้ตัดสิน แต่สุดท้าย โรเซ็ตติ ตัดสินให้เป็นประตู

    "จังโก้" เสียสมาธิจากลูกแรกและ ริคาร์โด้ โอโซริโอ ทำปั่นลั่นเมื่อคิดจะดึงบอลกลับแต่กลายเป็นส่งให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน จับบอลไปเลี้ยงหนี ออสก้าร์ เปเรซ ก่อนยิงเข้าไปง่ายดายให้ทีมนำ 2:0 ในนาที 33

    นาที 38 เกมรับของ เม็กซิโก พลาดอีกปล่อยให้ อังเคล ดิ มาเรีย ลุยขึ้นมายิงติด ออสก้าร์ เปเรซ เด้งออกมาเข้าทาง คาร์ลอส เตเบซ ก็ยังติดกองหลัง "จังโก้" ที่เข้ามาขวางทัน

    นาที 42 อิกวาอิน ได้โหม่งโดนเหลี่ยมไม่ดีปลิ้นออกหลัง ถัดมา 1 นาที ราฟาเอล มาร์เกวซ ลองยิงไกลก็ไปตรงตัว เซร์คิโอ โรเมโร่ จนหมด 45 นาทีแรก อาร์เจนติน่า นำ เม็กซิโก อยู่ 2 ลูก




    ครึ่งหลัง



    กลับมาเล่นกันต่อ เม็กซิโก แก้เกมใหม่และมีโอกาสบุกใส่ อาร์เจนติน่า แต่จังหวะสุดท้ายยังจบสกอร์ไม่ได้ จนนาที 52 "จังโก้" ต้องมาเสียประตูที่สามจาก คาร์ลอส เตเบซ ตะบันเต็มข้อด้วยขวานอกเขตตุงตาข่าย 3:0

    นาที 60 ปาโปล บาร์เรร่า ลุยขึ้นไปทางซ้ายก่อนตัดสินใจยิงเข้าข้างตาข่ายไป และ ฮาเวียร์ อากวิร์เร่ ส่ง กิลเยร์โม่ ฟรังโก้ มาเสริมเกมบุก

    นาที 63 ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ มีโอกาสขึ้นโขกบอลข้ามคานไปนิดเดียว และนาที 69 ปาโปล บาร์เรร่า ได้โอกาสยิงบอลเด้งพื้นกำลังจะเข้าประตูแต่โดนกองหลัง อาร์เจนติน่า โหม่งออกมา

    "ฟ้า-ขาว" ผ่อนเกมบุกมารับและก็มาเสียจนได้เมื่อ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ได้บอลหน้าเขตพลิกไปทางซ้ายกดเข้าข้อพุ่งเข้าประตูไป ไล่มา 1:3 ในนาที 71

    หลังเสียประตูทัพ "ฟ้า-ขาว" รับไม่ไหวต้องกลับมาเดินเกมบุกเหมือนเดิม ทำให้เกมมาเปิดอีกจนเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก นาที 90 ลิโอเนล เมสซี่ โชว์ลีลาเลี้ยงลุยขึ้นไปก่อนได้ยิงด้วยซ้ายไม่ผ่าน ออสก้าร์ เปเรซ ปัดออกหลัง

    จบเกม!! อาร์เจนติน่า เอาชนะ เม็กซิโก ไป 3:0 เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ เยอรมัน




    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


    อาร์เจนติน่า ระบบ : 4-3-1-2


    ผู้รักษาประตู : เซร์คิโอ โรเมโร่
    กองหลัง : นิโคลัส โอตาเมนดี้, มาร์ติน เดมิเคลิส, นิโคลัส บูร์ดิสโซ่, กาเบรียล ไอน์เซ่
    กองกลาง : ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, มักซี่ โรดริเกซ(ฮาเวียร์ ปาสโตเร่ น.87), อังเคล ดิ มาเรีย(โฮนาส กูเตียร์เรซ น.79), ลิโอเนล เมสซี่
    กองหน้า : คาร์ลอส เตเบซ(ฮวน เซบาสเตียน เวรอน น.69), กอนซาโล่ อิกวาอิน
    กุนซือ : ดิเอโก้ มาราโดน่า


    เม็กซิโก ระบบ : 4-3-2-1


    ผู้รักษาประตู : ออสก้าร์ เปเรซ
    กองหลัง : ราฟาเอล มาร์เกวซ, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ, ริคาร์โด้ โอโซริโอ, คาร์ลอส ซัลซิโด้
    กองกลาง : เอเฟรน ฮัวเรซ, เคราร์โด้ ตอร์ราโด้, อันเดรส กวาร์ดาโด้(กิลเยร์โม่ ฟรังโก้ น.62), อโดลโฟ่ เบาติสต้า(ปาโปล บาร์เรร่า น.46), จิโอวานี่ ดอส ซานโตส
    กองหน้า : ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ
    กุนซือ : ฮาเวียร์ อากวิร์เร่




    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!



    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!


    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!


    บราซิล 3:0 ชิลี GOAL!!!














    ************************************
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 29-06-2010 at 06:09.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  4. #4
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ wundee2513
    วันที่สมัคร
    Aug 2006
    ที่อยู่
    ตามภารกิจ
    กระทู้
    1,108
    บล็อก
    11
    ขอบคุณครับ แวะมาเบิ่งบอลครับ


    ถ้าทีมเอเซียได้ คงดีใจมากนะครับ

    เชียร์บราซิลครับ
    เสรีภาพ เสมอภาค ยุติธรรม

  5. #5
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    สเปน 1:0 โปรตุเกส

    สเปน 1:0 โปรตุเกส





    ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันอังคารที่ 29 มิถุนายน "กระทิงดุ" สเปนเฉือน "ฝอยทอง" โปรตุเกส1:0 เข้ารอบ8ทีม,บีญ่าฮีโร่




    สเปน 1:0 โปรตุเกส



    สนาม : กรีน พอยต์ สเตเดี้ยม
    ผู้ตัดสิน : เฮคตอร์ บัลดาสซี่ (อาร์เจนติน่า)
    เวลาเตะ : 01.30 น.
    ถ่ายทอดสด : ช่อง 3

    ผู้ทำประตู : ดาบิด บีญ่า[63]



    ครึ่งแรก



    เริ่มเกมคึ่งแรกสเปนเป็นฝ่ายเขี่ยบอลบุกจากซ้ายไปขวา สเปนได้โอกาสลุ้นประตูตั้งแต่นาทีแรกจากลูกที่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ลากบอลตัดเข้ากลางจากฝั่งซ้ายแล้วซัดด้วยขวาบอลโค้งจะมุดเสาสอง เอดูอาร์โด้ กระโดดพุ่งปัดไว้ได้

    นาที 3 สเปนได้โอกาสลุ้นประตูอีกลูก จากจังหวะที่ ดาบิด บีญ่า ได้ส่องไกลจากนอกกรอบบอลพุ่งแรง แต่เอดูอาร์โด้ นายทวารฝอยทองรับไว้ได้ และอีก สามนาทีถัดมา ดาบิด บีญ่า กระชากบอลจากฝั่งซ้ายแล้วซัดเข้ามุมแคบ เอดูอาร์โด้ ยังไม่พลาด

    นาที 12 ชาบี เฮอร์นานเดซ เตะมุมจากฝั่งขวาจ่ายเรียดมาให้เฟอร์นานโด ตอร์เรส หมุนตัวตะหวัดยิงด้วยขวาทันทีบอลเหินข้ามคานออกไป

    นาที 17 โปรตุเกส ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบทางซ้าย คริสเตียโน โรนัลโด้ ปั้นโค้งบอลตกกะดอนพื้นแต่ยังตรงตัว อีเกร์ กาซิยาส นายทวารกระทิงดุ

    โปรตุเกสเกือบได้ประตูขึ้นนำในนาที 20 จากบอลกลางสนาม ติอาโก้ ซัดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งแรง กาซิยาส ต้องปัดบอลแต่ลอยโด่งไปปากประตู ฮูโก้ อัลเมยด้า ตามวิ่งเข้าไปซ้ำแต่ กาซิยาส กลับมากระโดดชกบอลไว้ได้หวุดหวิด

    โปรตุเกสได้ลุ้น นาที 28 จากลูกฟรีคิกนอกกรอบทางซ้าย คริสเตียโน โรนัลโด้ วิ่งเข้าซัดด้วยขวาบอลพุ่งส่าย อีเกร์ กาซิยาส นายทวารกระทิงดุรับกระเฉาะออกมาจากมือแต่ยังโชคดีที่ไปเข้าหัวของ เคราร์ด ปิเก้ โหม่งสกัดออกไปได้

    นาที 38 จากจังหวะวาบอลยาวทางกราบซ้ายของซิเมา ซาโบรซ่า ลอยมาถึงปากปาระตู ฮูโก้ อัลเมยด้า กระโดดโฉบเข้าโขกแบบไม่เต็มหัวบอลเฉียดเสาสองออกไป

    นาที 42 ฟาบิโอ โคเอนเตร่า เปิดบอลจากทางซ้ายหยอดมาที่หน้าประตู ติอาโก้ วิ่งเติมเข้ามาแย่งโขกบอลถากเสาออกหลังไป ช่วงทดเวลาสเปนก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของโปรตุเกสเข้าไปยิงได้ จบครึ่งแรก ยังเสมอกันอยู่ 0:0



    ครึ่งหลัง


    เริ่มเกมในครึ่งหลัง ช่วง5นาทีแรกของครึ่งหลังเกมของสเปนยังเจาะแนวรับของโปรตุเกสลำบากเช่นเคย และก็เจอเกมสวนกลับของนาที 52 ฮูโก้ อัลเมยด้า กระชากบอลมาทางฝั่งซ้าย แล้วจะเปิดเข้ากลางให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ แล้วไปติดขาคาร์เลส ปูโยล ซะก่อนแต่บอลแฉลบถากเสาสองเกือบเข้าประตูสเปน

    นาที 60 จากลูกเปิดบอลทางกราบขวา เฟอร์นานโด ยอร์เรนเต้ พุ่งเข้าโหม่งแต่ยังไปตรงตัว เอดูอาร์โด้ และอีกนาทีต่อมาดาบิด บีญ่า กระชากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวา เอดูอาร์โด้ พุ่งปัดช่วยทีมไว่ได้อีกครั้ง

    จนแล้วจนรอดสเปนก็ขึ้นนำเป็น1:0จนได้ในนาที 63 จากจังหวะที่ อันเดรส อิเนียสต้า แทงบอลจากนอกกรอบเข้าหน้าประตู ชาบี เฮอร์นานเดซ ตอกส้นดีดบอลเร็วทะลุกองหลังมาถึง ดาบิด บีญ่า หลุดเข้าไปปากประตูซัดด้วยซ้ายทันทีแต่บอลไปติดประตูแล้วกระเด็นออกมาเข้าทาง ดาบิด บีญ่า ได้ซ้ำด้วยขวาแบบจ่อๆบอลเสียบใต้คานตุงตาข่าย

    นาที 70 อันเดรส อิเนียสต้า ได้บอลจากกลางสนามแล้วจ่ายต่อไปฝั่งขวาให้ เซร์คิโอ รามอส ได้กระชากบอลจี้เข้าหาเขตโทษแล้วซัดบอลพุ่งเรียบเข้าเสาสอง เอดูอาร์โด้ พุ่งปัดไว้ได้เฉียดฉิว

    เอดูอาร์โด้ ประตูโปรตุเกสต้องเจองานหนักนาที 77 ดาบิด บีญ่า ได้โอกาสส่องไกลนอกกรอบบอลพุ่งแรง เอดูอาร์โด้ ต้องออกแรงกระโดดพุ่งปัดบอลช่วยทีมเอาไว้ได้อีกจังหวะ

    นาที 86 ดาบิด บีญ่า วางบอลยาวจากกลางสนาม เฟอร์นานโด ยอร์เรนเต้ ได้โหม่งเช็ดลงพื้นบอลเฉียดเสาออกหลังไป จบเกม90นาที"กระทิงดุ" สเปนเฉือน "ฝอยทอง" โปรตุเกส1:0 เข้ารอบ8ทีมสุดท้าย




    รายชื่อผู้เล่น11 ตัวจริงที่ได้ลงสนาม



    สเปน ระบบ 4-4-1-1 :

    อีเกร์ กาซิยาส, คาร์เลส ปูโยล, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, โจน แคบเดบีล่า, เซอร์จิโอ บุสเกตส์, ชาบี อลอนโซ่, ชาบี เฮอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, ดาบิด บีญ่า, เฟอร์นานโด ตอร์เรส

    สำรอง เฟอร์นานโด ยอร์เรนเต้,เปโดร โรดริเกซ,คาร์ลอส มาร์เชน่า



    โปรตุเกส ระบบ 4-3-3 :

    เอดูอาร์โด้ , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, บรูโน่ อัลเวส, ฟาบิโอ โคเอนเตร่า, ริคาร์โด้ คอสต้า, เปเป้, ติอาโก้, ราอูล เมยเรเลส, ซิเมา ซาโบรซ่า, ฮูโก้ อัลเมยด้า , คริสเตียโน โรนัลโด้

    สำรอง แดนนี่,เลียดสัน




    สเปน 1:0 โปรตุเกส












    ****************************************









    ปารากวัย 0:0 ญี่ปุ่น



    จุดโทษ ปารากวัย 5:3 ญี่ปุ่น (120 นาทีเสมอ 0:0)




    สนาม : ลอฟตัส เวิร์สเฟลด์ สเตเดี้ยม
    ผู้ตัดสิน : ฟร็องค์ เด บลีค (เบลเยี่ยม)
    ความจุ : 49,000 ที่นั่ง
    ผู้ชม : 36,742 คน
    เวลาเตะ : 21.00 น.
    ถ่ายทอดสด : ช่อง 7



    เคราร์โด้ มาร์ติโน่ พาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการจบด้วยอันดับ 1 ของกลุ่ม เอฟ และยังไม่แพ้ให้กับใครเลย แต่เกมนี้จะไม่มี วิคเตอร์ กาเซเรส มิดฟิลด์คนสำคัญที่ติดโทษแบน หลังสะสมใบเหลืองครบกำหนด

    ทาเคชิ โอกาดะ กุนซือทีมซามูไรสีน้ำเงิน ไม่มีปัญหาสภาพทีมให้หนักใจแต่ประการใด โดยจะยึดทีมเดิมที่ใช้ในเกมล่าสุด ลงสนามต่อเนื่อง จากการที่ทำผลงานกันได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว



    ครึ่งแรก



    ญี่ปุ่น เขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากขวาไปซ้าย ได้ลุ้นจังหวะแรกจากจังหวะตัดเกมได้ของ โยชิโตะ โอคูโบะ ก่อนจะแต่งเข้าขวาซัดจากนอกกรอบฝั่งซ้าย บอลเฉี่ยวตาข่ายออกหลัง

    นาทีที่ 3 ญี่ปุ่นขึ้นเกมมาทางขวา ก่อนจะจบด้วยจังหวะยิงไกลจากนอกกรอบของ ยูอิจิ โคมาโนะ บอลเบาไหลเข้าซอง ฮุสโต้ วิลย่าร์

    ปารากวัย เกือบได้ประตูขึ้นนำ! นาทีที่ 20 ลูคัส บาร์ริออส เกี่ยวบอลม้วนหนีตัวประกบเข้าไปในเขตโทษดีดด้วยขวาติดเซฟ เอจิ คาวาชิมะ ผู้รักษาประตูญี่ปุ่น

    ถัดมา 1 นาที ญี่ปุ่น ได้ลุ้นบ้าง! เกมขึ้นมาทางขวา ไดสุเกะ มัตสึอิ ได้บอลหน้าเขตโทษ เหลือบเห็น ฮุสโต้ วิลย่าร์ ผู้รักษาประตูออกมาไกลตัดสินใจปั่นด้วยขวาบอลตกชนคานออกหลัง

    นาทีที่ 28 ปารากวัย ได้ลูกเตะมุมทางซ้าย เคลาดิโอ โมเรล เปิดเข้ามากลางบอลตกลงพื้นจังหวะชุลมุน โรเก้ ซานตา ครูซ หันมาเจอบอลได้ซัดด้วยซ้ายเน้นๆ แต่ไม่ตรงกรอบ

    นาทีที่ 36 ญี่ปุ่น ได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องออกมาทางซ้าย ยาสุฮิโตะ เอ็นโดะ เปิดโค้งมาที่เสาไกลกะให้เพื่อนเติมขึ้นมาโขก โรเก้ ซานตา ครูซ ซึ่งลงมาช่วยเกมรับเคลียร์ทิ้งออกไปได้

    ญี่ปุ่นบุกขึ้นมาอีกครั้งในนาทีที่ 40 ยูอิจิ โคมาโนะ เติมเกมรุกขึ้นมาผ่านจากขวาผ่านเข้ากลาง เคซูเกะ ฮอนดะ วางเท้าวอลเลย์บอลพุ่งถากเสาออกหลังอย่างน่าเสียดาย ทดเวลาบาดเจ็บ 1 นาทียังไม่มีการทำประตูจบครึ่งแรก ปารากวัย เสมอ ญี่ปุ่น 0:0




    ครึ่งหลัง



    เริ่มเล่นในครึ่งหลัง นาทีที่ 55 ปารากวัย ทำเกมบุกเจาะขึ้นมาตรงกลาง เอ็นริเก้ เวร่า ถ่ายออกซ้ายมาถึง เอ็ดการ์ เบนิเตซ ซัดด้วยขวาจากนอกกรอบ ยูจิ นากาซาวะ แหย่ขาบล็อกบอลออกหลัง

    ปารากวัย บุกได้น่ากลัวในครึ่งหลัง นาทีที่ 58 เคลาดิโอ โมเรล ผ่านบอลจากซ้ายเข้ากลาง คริสเตียน ริเวรอส โฉบเข้ามาโขกไปตรงตัว เอจิ คาวาชิมะ


    นาทีที่ 71 ญี่ปุ่น ได้ลุ้นจากการต่อเกมกันขึ้นมาจนถึงหน้าเขตโทษ ฮฮนดะ แทงเข้าใน ชินจิ โอกาซากิ ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาหมุนตัวหนีตัวประกบกะเปิดยัดเข้ามากลางติดบล็อกผู้เล่นปารากวัย ออกหลัง


    นาทีที่ 75 ปารากวัย ได้ลูกเตะมุม การ์ลอส โบเน็ต เปิดเข้ามากลางประตู อันโตลิน อัลการาซ ขึ้นโขกออกหลัง


    ทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ญี่ปุ่น เกือบได้ประตูสำคัญ จากจังหวะลูกฟรีคิกทางขวา ยาสุฮิโตะ เอ็นโดะ เปิดเข้ามาในเขตโทษ ยูจิ นากาซาวะ โขกชงต่ออีกจังหวะ มาร์คัส ตูลิโอ ทานากะ แหย่ขาเข้าชาร์จไม่ถึงบอลออกหลัง ครบ 90 นาทีไม่มีการทำประตู ต้องลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ


    ต่อเวลาพิเศษ



    เปิดเกมมา ญี่ปุ่น ได้ลุ้นทันที! นาทีที่ 91 จากจังหวะสวนกลับเร็ว ฮอนดะ จ่ายออกขวาให้ เคนโกะ นากามูระ เปิดยัดเข้ามาในเขตโทษ อันโตลิน อัลการาซ แหย่ขาสกัดออกไปได้


    ปารากวัย ได้ลุ้นในนาทีที่ 93 การ์ลอส โบเน็ต เปิดเข้ามาจากริมเส้นฝั่งซ้าย บาร์ริออส โขกเช็ดบอลพุ่งเข้าซอง เอจิ คาวาชิมะ


    นาทีที่ 101 ปารากวัย ขึ้นเกมมาอีกครั้ง การ์ลอส โบเน็ต วางบอลเข้ามาจากด้านข้างฝั่งซ้าย เอ็ดการ์ บาร์เรโต้ ซัดไม่ตรงกรอบ


    นาทีที่ 110 ปารากวัย ได้ลูกเตะมุมทางขวา โมเรล เปิดเข้ามากลางประตู เปาโล ดา ซิลวา กองหลังเติมขึ้นมาโขกไม่ตรงกรอบ ช่วงเวลาที่เหลือของการต่อเวลาพิเศษยังไม่มีการทำประตู ผู้ตัดสินเป่าจบเกม ต้องดวลจุดโทษตัดสิน



    จุดโทษตัดสิน


    ปารากวัย ซัดเข้าไปทั้งหมด 5 คน ขณะที่ญี่ปุ่น ยิงเข้าแค่ 4 พลาดไป 1 ทำให้แพ้ไปด้วยสกอร์ในการดวลจุดโทษ 5:3 ปารากวัยผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ ส่วนญี่ปุ่น ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย



    ปารากวัย


    เอ็ดการ์ บาร์เรโต้ เข้า
    ลูคัส บาร์ริออส เข้า
    คริสเตียน ริเวรอส เข้า
    เนลสัน บัลเดส เข้า
    ออสการ์ คาร์โดโซ่ เข้า


    ญี่ปุ่น


    ไดสุเกะ มัตสึอิ เข้า
    มาโกโตะ ฮาเซเบะ เข้า
    ยูอิจิ โคมาโนะ ไม่เข้า
    เคซูเกะ ฮอนดะ เข้า




    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


    ปารากวัย: ระบบ 4-3-3

    ผู้รักษาประตู: ฮุสโต้ วิลย่าร์
    กองหลัง: อันโตลิน อัลการาซ, เปาโล ดา ซิลวา, เคลาดิโอ โมเรล โรดริเกซ, การ์ลอส โบเน็ต
    กองกลาง: เอ็นริเก้ เวร่า, คริสเตียน ริเวรอส , เนสตอร์ ออร์ติโกซ่า (เอ็ดการ์ บาร์เรโต้ น.75)
    กองหน้า: โรเก้ ซานตา ครูซ (ออสการ์ คาร์โดโซ่ น.93), ลูคัส บาร์ริออส, เอ็ดการ์ เบนิเตซ (เนลสัน บัลเดส น.60)
    กุนซือ: เคราร์โด้ มาร์ติโน่




    ญี่ปุ่น: ระบบ 4-5-1

    ผู้รักษาประตู: เอจิ คาวาชิมะ
    กองหลัง: ยูอิจิ โคมาโนะ, ยูจิ นากาซาวะ, มาร์คัส ตูลิโอ ทานากะ, ยูโตะ นากาโตโมะ
    กองกลาง: มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ยาสุฮิโตะ เอ็นโดะ , ไดสุเกะ มัตสึอิ (ชินจิ โอกาซากิ น.65), ยูกิ อาเบะ (เคนโกะ นากามูระ น.80), โยชิโตะ โอคูโบะ (เคอิจิ คามาดะ น.106)
    กองหน้า: เคซูเกะ ฮอนดะ
    กุนซือ: ทาเคชิ โอกาดะ




    สเปน 1:0 โปรตุเกส





    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •