.....เนื่องจากโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ค่อยพูด ดังนั้นเวลาพบเจอกับเรื่องราวต่างๆทั้งสุขและเศร้าในชีวิตประจำวันแล้ว เพื่อนแท้สิ่งเดียวของฉันที่พอจะระบายได้ นั่นก็คือสมุดกับปากกา ฉันชอบลุกขึ้นมาเขียนตอนดึกๆเวลาที่ลูกหลับแล้ว เพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆที่ได้พบเจอ เก็บไว้รวมเล่มและมอบให้กับคนที่ฉันรักเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะได้รู้ว่าแม่เขาเป็นคนยังไง และตัวเขาเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร พบเจอกับอะไรมาบ้าง กว่าจะโตมาได้อย่างทุกวันนี้

.....และในวันนี้ หัวข้อที่ฉันจะเขียนก็คือ..สุขใจที่ได้บ่น ถึง คนที่ฉันรัก...นั่นคือลูกชายของฉันเอง หรืออีกสมญานามหนึ่งที่ฉันตั้งให้ว่า..พญาวานร...ลูกชายของฉันตอนนี้ย่างเข้า 7 ขวบแล้วล่ะ เรียนอยู่ชั้น ป. 1 เป็นเด็กช่างพูด..ช่างถาม ตามประสาเด็กๆทั่วไป สงสัยไปหมดทุกเรื่องที่เขาพบเจอ และที่สำคัญเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองเป็นอย่างมาก แม้แต่เสื้อผ้าการแต่งกายเขาจะเลือกใส่เองเสียเป็นส่วนใหญ่ ว่าชุดใหนที่เขาอยากจะใส่ ชุดใหนบ้างที่ใส่แล้วหล่อ ในความคิดของเขา และจะชอบนุ่งเอาเสื้อทับในกางเกง (ไม่รู้ว่าจะส่อแววเจ้าชู้เหมือนใครหรือเปล่า) พอแต่งตัวเสร็จ ก็จะไปยืนหน้ากระจก เพื่อเช็คความหล่อของตัวเอง พร้อมทั้งหยิบหวีขึ้นมาหวีผมของเขา (ผมสั้นทรงนักเรียนชาย) ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า..มันจะหวีทำไมวะ..ผมก็สั้นเกรียนติดหนังหัวอยู่แล้วยังจะหวีอีก แต่ก็ได้แค่คิดและพูดไม่ได้น่ะคะ เพราะถ้าพูดหรือทักออกไป เจ้าลูกเทวดาคนนี้ ก็จะตอบกลับออกมาว่า..แม่อย่ายุ่งกับอิ๊กได้มั้ยครับ..แม่ไม่เข้าใจหรอก เอ๊า...นี่กลายเป็นว่าฉันไม่เข้าใจเด็ก 6 ขวบซะงั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงต้องปล่อยให้เขาทำเอง หากว่าเขาอยากจะทำอะไร เพียงแต่คอยแนะนำเท่านั้นหากว่าเขาทำผิด และต้องอ้างเหตุผลด้วยนะคะ ว่าสิ่งนี้ผิดยังไง ไม่งั้นเขาก็จะไม่เชื่อและคิดว่าเขาทำถูกแล้ว ฉันต่างหากที่ผิด (เป็นงั้นไป)

.....ฉันเพิ่งจะมารู้ตอนนี้เองว่าเด็กสมัยนี้ ต่างจากเด็กสมัยก่อนในวัยเดียวกันนี้เป็นอย่างมาก เมื่อสมัยฉันยังเด็ก อายุ 13 ปีแล้วยังไม่รู้จักใส่เสื้อในเลย ..ใส่ไม่เป็น..ใส่ยังไง ยังแก้ผ้าตากฝนอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่สมัยนี้ แตกต่างกันมาก ..จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว...ยกตัวอย่างเช่น เวลาดูหนังดูละคร ตอนที่มีฉากเขาจูบกัน บักอิ๊กคิว จะหน้าแดงตลอดถึงใบหู พร้อมกับอวัยวะบางส่วนของร่างกายผิดปกติ จนเห็นได้ชัดเลยทีเดียว คนเป็นแม่อย่างดิฉัน เมื่อมองเห็น ก็ได้แต่..อึ้ง..และคิดในใจว่า เด็กสมัยนี้ทำไม มันพัฒนาไปเร็วขนาดนี้ เด็ก 6 ขวบอายจนหน้าแดง(และไม่ใช่แค่หน้าแดงอย่างเดียวด้วย) อยากจะอุทานออกมาเป็นภาษา..อังกิดว่า..โอ้..มายก๊อด นี่ขนาด 6 ขวบน่ะถ้าโตกว่านี้ฉันไม่ต้องจับบักอิ๊กคิวทำหมัน ตอนอายุ 11 ขวบหรอกเหรอเนี่ย (เด็กผู้ชายจะมีเสปิร์มตอนอายุ 11 ขวบ) เพราะถ้าไม่อย่างนั้น คงได้ไปทำลูกสาวเขาท้องก่อนเวลาอันควรแน่ๆเลย...และมีอีกเรื่อง เมื่อวานนี้ ก่อนนอนบักอิ๊กคิวถามแม่ว่า แม่ครับวันนี้บอลโลก คู่ไหนเตะแม่ (ฉันนึกในใจ มันรู้จักบอลโลกด้วยรึเนี่ย) ฉันก็ไม่รู้น่ะเนาะ เลยบอกไปส่งเดชว่า คู่อิตาลีกับฮอนแลนด์น่ะลูก(ตอบมั่วๆน่ะค่ะ) มันยังถามต่ออีก เตะกี่โมงแม่ ฉันก็ตอบไปว่า เวลาตีหนึ่ง จ๊ะลูก บักอิ๊กคิวมันบอกว่า งั้น เวลาตีหนึ่งแม่ปลุกอิ๊กด้วยนะครับ ...โอ๊..ลูกฉันเด็ก 6 ขวบจะลุกขึ้นมาดูบอลตอนตีหนึ่ง นี่ถ้าโตขึ้นอนาคตมันไม่เป็นคนรับแทงโต๊ะบอลเอง หรอกเลยรึเนี่ย..เฮ้อ.....

.....อ้าว..หันมองขึ้นไปข้างบน..นี่ฉันเขียนมาเยอะแล้วนะเนี่ย พอก่อนดีกว่า เดี๋ยวคนอ่านจะเซ็งซะก่อน เดี๋ยวจะหาว่า..แม่บักอิ๊กคิว มันจ่มหยังน้อ....ก็บอกแล้วไงคะ ว่า..สุขใจที่ได้บ่น ถึง คนที่ฉันรัก.....



สาวมุก/27-06-2010