ย้อนรอยอดีต 2 ศุกร์ 13 ตึกถล่มที่นครราชสีมา
ย้อนรอยอดีต ตอนที่ 2
ตึกถล่มที่นครราชสีมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 137 คน บาดเจ็บ/บาดเจ็บสาหัส/ทุพลภาพ รวมแล้วกว่า 200 คน
ตึกถล่มที่นครราชสีมา
เหตุเกิด วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2536 (เวลา 10.10 น.)
โรงแรมรอยัลพลาซ่า ถนนจอมสุรางคยาตร เขตเทศบาลเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ลักษณะเหตุที่เกิดขึ้น
โรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่มลงมา สาเหตุเนื่องจากมีการต่อเติมอาคารจาก 3 ชั้น เป็น 6 ชั้น ทำให้เสาไม่สามารถรับน้ำหนักตัวอาคารได้และจากโครงสร้างของอาคารมีเสาตั้งอยู่บนคานโดยชิดแนบกับเสาอาคารเดิม ซึ่งเสาไม่ได้เชื่อมยึดติดกัน เมื่อเสาที่ตั้งอยู่บนคานรับน้ำหนักมากเกินไป ทำให้คานหลุดออกจากหัวเสาที่บริเวณชั้นสอง เป็นผลให้โครงสร้างอาคารบนหัวเสายุบตามและส่งแรงดึงรั้ง กระทบเสาต้นข้างเคียงหักล้มตาม
ความเสียหาย
ผู้เสียชีวิต 137 ราย (ข้าราชการครู 47 ราย พนักงานเชลล์แห่งประเทศไทย 24 ราย พนักงานโรงแรม 33 ราย และผู้มาใช้บริการ 33 ราย) บาดเจ็บ 227 ราย
ผลกระทบ
ขณะเกิดเหตุมีการอบรมสัมมนาซึ่งมีผู้อยู่ในอาคารทั้งหมด 379 คน ประกอบไปด้วยกลุ่มข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ 117 คน กลุ่มพนักงานบริษัทเชลล์ประเทศไทยจำกัด จำนวน 59 คน กลุ่มบุคคลทั่วไปที่พักอยู่ในโรงแรมจำนวน 78 คน และกลุ่มพนักงานโรงแรม จำนวน 125 คน
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตึกโรงแรมถล่ม ปรากฏในรายงานการสืบสวนสอบสวนของตำรวจว่า เกิดจากการออกแบบและการควบคุมดูแลอย่างเป็นระบบและมีเข้มงวด
ข้อสรุปของกรณีนี้จาก คำพิพากษาของศาลอุธรณ์นครราชสีมา
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2552
ศาลอุธรณ์โคราชพิพากษาให้เทศบาลเมืองโคราชชดใช้ค่าเสียหายให้กับ บ.รอยัลพลาซ่าโฮเตล จำกัด เป็นเงินกว่า 152ล้าน จากเหตุการณ์สยองตึกโรงแรมรอยัลฯถล่มเมื่อ15ปีก่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 137 ราย
นครราชสีมา จากเหตุการณ์อาคารของโรงแรมรอยัลพลาซ่า โฮเตล ถล่ม เมื่อวันที่ 13 สค.2536 หรือเมื่อประมาณ 17 ปี ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้มีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครู-อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเสียชีวิตไปร่วม 137 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ในวันที่ 5 มีนาคม 2552
นายวีระศักดิ์ บุญเพลิง ทนายความประจำบริษัทรอยัลพลาซ่า โฮเตล จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีที่ทางบริษัทรอยัลพลาซ่า โฮเตล จำกัด ซึ่งเป็นโจทย์ยื่นอุธรณ์ฟ้องคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดนครราชสีมาเรียกค่าเสียหายต่อ เทศบาลเมืองนครราชสีมา ในขณะนั้น พร้อมวิศวกรผู้ออกแบบและบริษัทผู้รับเหมารวม จำเลย 10 คน
โดยยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2537 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่3มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา
ศาลอุทรธ์จังหวัดนครราชสีมาได้พิพากษาให้
จำเลยที่ 3 คือ เทศบาลเมืองนครราชสีมาในขณะนั้น
จำเลยที่ 6 บริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดวงษ์สินไทย บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร
จำเลยที่ 7 นายอมร จันทร์รัตนปรีดา เจ้าของบริษัทวงษ์สินไทย
และจำเลยที่ 8 นายสาธร พรหมนิล วิศวกร
ร่วมกับจำเลยที่ 1 คือนายบำเพ็ญ พันธ์รัตน์อิสระ วิศวกรผู้ออกแบบและควบคุมอาคาร ร่วมกันชำระค่าเสียหายให้กับบริษัทรอยัล พลาซ่า โฮเตล จำกัด
โจทย์ผู้ยื่นฟ้อง เป็นจำนวนเงิน 152,232,034.70 บาท (ร้อยห้าสิบสองล้านสองแสนสามหมื่นสองพันสามสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 13 สค.2536 เป็นต้นไป
ส่วนคดีอาญาและคดีแพ่งเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น
เรื่องของคดีได้สิ้นสุดที่ศาลฎีกาตั้งแต่ปี2546 แล้วโดยคดีอาญาศาลได้พิพากษา
ให้นายบำเพ็ญ พันธ์รัตน์อิสระ วิศวกผู้ออกแบบและควบคุมอาคาร จำคุกเป็นเวลา 37ปี
ส่วนจำเลยอื่นๆที่เป็นผู้บริหารของโรงแรม ศาลได้ยกฟ้อง
ในส่วนคดีแพ่งนั้นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต ศาลได้พิพากษาให้บริษัทรอยัลพลาซ่า โฮเตล จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต ทั้งหมด
ซึ่งทางบริษัทรอยัลพลาซ่าโฮเตลจำกัด ได้ดำเนินการประนีประนอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เคราะห์ร้ายทุกรายแล้ว
ทั้งนี้เหตุการณ์อาคารรอยัลพลาซ่าถล่มเมื่อ15 ปีก่อนนั้นน่าจะเป็นอุทาหรณ์และเป็นคดีตัวอย่างให้กับผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
ถึงการดำเนินการก่อสร้างอาคารและการอนุญาตแบบแปลนก่อสร้างอาคารที่ไม่ถูกต้องตามหลัก พรบ.ควบคุมอาคาร
ดังนั้น ผู้บริหาร อปท.ทุกแห่งควรที่จะมีมาตรการในการควบคุมดูแลอย่างเป็นระบบและมีเข้มงวด อย่างเห็นแก่ประโยชน์ที่จะได้รับควรคำนึกถึงความปลอดภัยของประชาชนที่เข้าไปใช้อาคาร
Bookmarks