Good afternoon! สวัสดีครับชาวบ้านมหาทุกท่านครับ หลังจากที่มีสมาชิกแนะนำมาว่า อยากให้หนุ่มพัทยาใช้ภาษากลาง เนื้อหาจะได้ไม่เพี้ยน บางคนภาษาอีสานก็ไม่แข็งแรง เพื่อเป็นการที่จะได้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน หนุ่มพัทยาก็จะลำเป็นภาษากรุงเทพละกัน ^ ^
หลังจากชั่วโมงที่แล้วเราได้รู้จักกับ Verb to be กันไปแล้ว ในชั่วโมงเราก็จะมารู้จักกับกริยาอีกชนิดหนึ่งกันครับ นั้นก็คือ Transitive Verb อ่านว่า ทรานสิทีฟ แปลว่า สหกรรมกริยา หรือกริยาที่ต้องการกรรมและอีกตัวหนึ่งที่มาด้วยกันก็คือ Intranstive Verb อ่านว่า อินทรานสิทิฟ-เวิป แปลว่า อกรรมกริยา หรือ กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมความหมายก็สมบรูณ์ได้ นับว่าเป็นกริยาที่สำคัญอย่างชนิดหึ่งทีเดียวเชียวครับ
Transitive Verb เอาง่ายๆก็คือตัวที่ส่งผ่านประธานไปยังคำนามหรือคำสรรพนามอีกตัวที่จะมารองรับ เราเรียกคำนั้นว่า Object อ่านว่า ออฟเจ๊ค แปลว่า กรรมการก ครับ กรรมในที่นี้ก็ต้องเป็นกรรมตรงด้วยนะครับ ( Direct Object ) ตามหนุ่มพัทยามาเลยครับ เดี๋ยวหนุ่มจะยกตัวอย่างให้ได้เห็นกันชัดๆไปเลย
โครงสร้างของประโยค คือ (Subject + Transitive Verb + Object) ตัวอย่างเช่น
1. I love you (ไอ-เลิฟ-ยู) แปลว่า ผมรักคุณ เราก็จะแยกได้เป็น
I = Subject คือประธานของประโยค
love = Transitive Verb สหกรรมกริยา ต้องมีกรรมมารองรับ
you = Pronoun อ่านว่า โปรนาว คือคำสรรพนามนั้นเองครับ
ก็เหมือนกันกับภาษาไทยครับ ถ้าเราพูดแค่ว่า “ผมรัก” แล้วใครล่ะที่คุณรัก จะเห็นได้ว่าความหมายจะไม่สมบรูณ์ แต่ถ้าบอกว่า “ผมรักคุณ” เราก็จะได้ความหมายที่สมบรูณ์ครับ
2. Somsak reads the book. (สมศักด็-รีดส์-เธอะ-บุ๊ค) แปลว่า สมศักด็อ่านหนังสือ เราจะแยกได้ว่า
Somsak = Subject คือประธานของประโยค
reads = Transitive Verb สหกรรมกริยา ต้องมีกรรมมารองรับ
the book = Noun คือคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยคนี้ครับ
3. Tom kicks the ball. (ทอม-คิก-เธอะ-บอล) แปลว่า ทอมเตะลูกบอล เราก็จะแยกได้ว่า
Tom = Subject คือประธานของประโยค
kicks = Transitive Verb สหกรรมกริยา ต้องมีกรรมมารองรับ
the ball = Noun คือคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยคนี้ครับ
เห็นไหมครับ Transitive Verb ก็เป็นเรื่องง่ายๆเอง ใช่ไหมละครับ เราอาจพูดได้เลยครับว่า ประโยคที่ประกอบขึ้นด้วยประธานและกริยา ถ้าได้ความหมายที่ไม่สมบรูณ์ เราจะเรียกกริยาตัวนั้นว่า Transitive Verb ครับ
Intransitive Verb อกรรมกริยา คือ กริยาที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ เพราะถึงไม่มีกรรมมารองรับ เราก็จะได้ความหมายที่สมบรูณ์อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น
โครงสร้างของประโยคก็จีแค่ (Subject + Verb) ตัวอย่างเช่น
1. A bird flies. (อะ-เบิร์ด-ฟลาย) แปลว่า นกบิน เราจะแยกได้ว่า
A bird = Subject คือประธานของประโยค
Flies = Intransitive Verb อกรรมกริยา
เราจะเห็นได้ว่าในประโยคมีแค่ประธานและกริยาแต่ประโยคก็สมบรูณ์แล้ว
2. The car stopped. (เธอะ-คาร์-สต๊อป) แปลงว่า รถยนต์หยุด (เอง) เราก็จะแยกได้ว่า
The car = Subject คือประธานของประโยค
Stopped = Intransitive Verb อกรรมกริยา
ข้อสังเกต
1. คำกริยาบางตัวเป็นได้เฉพาะ Intransitive Verb เท่านั้น เช่น come, go, fall, die, laugh, sleep, sit เป็นต้น
2. คำกริยาบางตัวเป็นได้เฉพาะ Transitive Verb เท่านั้น เช่น kill, hate, know, eat, punish เป็นต้น
3. คำกริยาบางตัวสามารถเป็นได้ทั้ง Transitive Verb และ Intransitive Verb ตามตัวอย่างข้างล้างครับ
Transitive Verb
The pirates sank the ship. โจรสลัดจมเรือ
He spoke the truth. เขาพูดความจริง
The horse kicked her. ม้าเตะเธอ
The police stopped the car. ตำรวจได้หยุดรถคันนั้น
Intransitive verb
The ship sank. เรือจม
She spoke rudely. เธอพูดคำหยาบ
The horse never kicks. ม้าไม่เคยเตะ
Mike sang badly in school. ไมค์ร้องได้แย่มากที่โรงเรียน
วันนี้ก็คงพอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะหนักกันเกินไป เดี๋ยวชั่วโมงหน้าหนุ่มพัทยาจะมาต่อให้นะครับ ขอให้ทานข้าวเที่ยงกันให้อร่อยนะครับ Enjoin your lunch. See you next time!ธุจ้า
Bookmarks