ที่โคราชเมื่อวันที่1 กันยายน 2553 ฝนตกลงมาเกือบทั้งวัน และเป็นอีกวันแห่งความสุขของฉัน ไม่ใช่ถูกหวยหรอก แต่วันีที่ฉันไม่ต้องทำงาน มีเวลานอนทั้งวัน บรรยากาศฝนตกทำให้ฉันนึกถึง เมือ10กว่าปีที่ผ่านมา ตอนที่ฉันเป็นสาวกระโปรงเหี่ยน ( กระโปรงตัด 2ตัวใส่ตั้งแต่ ม.4-ม.6 มันกะเลยเหียน) ด้วยความเป็นลูกชาวนา อาศัยอยู่ชนบท ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ฉันต้องไปรดน้ำผัก เป็นจำพวก พริก ต้นหอม ต้นผักกาด สวนของแม่อยู่ริมแมน้ำปาว (ที่บ้านเอิ่น น้ำฮอง )ตอนนั้นเริ่มจะเป็นสาว มีหนุ่มๆแวะมาจีบบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง (เขาแค่มาทัก ก็ว่าเขามาจีบ อิอิ )สิ่งที่ชอบที่สุดของฉันคือการได้ว่ายน้ำข้ามน้ำปาว เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้ว่ายน้ำเก่งอย่าบอกใคร ระยะทางว่ายน้ำข้ามประมาณ10กว่าเมตร เป็นระยะทางจิ๊บๆของฉัน (ให้ว่ายตอนนี้ คงจะไม่แล้ว เพราะมีสะพานข้ามแล้ว) วันไหนทีมีฝนตกก้จะเป็นโชคดีของฉันที่ไม่ต้องออกไปรดน้ำผัก ความคิดตอนนั้นคือพระพิรุณช่วยฉันแล้ว ...
งานประจำอีกอย่างนึงของฉันคือการเลี้ยงวัว ที่บ้านมีวัว 2ตัว แม่-ลูก แต่มันแปลกที่ฉันจำลูกวัวของฉันไม่ค่อยได้ เพราะหน้าตาวัวที่ไหนมันก้เหมือนกันไปหมด มีอยู่วันนึง แม่บอกไปเอางัวเข้าคอก ฉันเดินออกไปกลางทุ่งนาหลังบ้าน ดึงแม่วัวทั้งต้อนหน้าต้อนหลัง ให้มันเดินกลับบ้าน แต่มันก้รั้งตัวเองเอาไว้และร้องหาลูก เพราะลูกมันยังไม่มา
ด้วยความสามารถฉันพาแม่วันเข้าคอกได้แล้ว ฉันวิ่งตามหาเจ้าลูกวัวตัวซน แล้วพยายามไล่มันเข้าคอกไปอยู่กับแม่มัน แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ยอมเข้าคอก ซักที จนในที่สุดด้วยสมองอันชาญฉลาดของฉัน (มั่ง) ฉันใช้ไม่ไผ่ลำยาว ขวางทางวัวไม่ให้มันวิ่งหนีออกจากคอก ได้ผลที่นี้ เจ้าวัวตัวน้อยมันใช้ส้นเท้าคู่หลังของมันดีดไม้ที่ฉันถืออยู่ ได้ผลไม้กระแทรกปากฉันอย่างแรง ทั้งน้ำตาจะไหลทั้งโมโห จึงต้องร้องเรียกพ่อมาช่วย
"อิพ่องัวน้อยมันบ่เข้าคอกดอก มาไล่ส่อยแน่ " เสียงพ่อตอบมาทำให้ฉันต้องอึ้งทีเดียว "มึงสิไปไล่มันหยัง มันคือนอนยุในคอกแล้ว " อ้าวแล้วไอ้ตวที่ดีดไม้กระแทกปากฉันตะกี้หละ มันเป็นวัวของใคร "นั่นมันงัวน้อยน้าเหลิม ข้างบ้านตั้วนั่น "
ฉันพึ่งถึงบางอ้อ มิน่าหละไล่เท่าไหร่มันก้ไม่ยอมเข้าคอก บทเรียนครั้งนั้นมันทำให้ฉันจำเจ้าลุกวัวตัวน้อยของฉันได้ขึ้นใจ ถึงจะผ่านมาแล้วสิบกว่าปี พอนึกถึงที่ไหร่ ฉันก้ได้นั่งยิ้มนึกถึงความเซ่อของตัวเอง
ลำบากเนาะบ้างครั้งก็ยอมรับ เวลาไปนา บางทีขี้เกียจ ฉันต้องโกหกแม่-พ่อ ว่าต้องเข้าไปเรียนพิเศษหรือไปทำงานพิเศษบ้านเพื่อน (ฉันเรียน รร.ในตัวจังหวัด) ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จริงๆแล้ว ตอนนั้นฉันติดห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัดมาก ชอบอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ โชคดีที่กาฬสินธุ์ จังหวัดเล็กๆของฉันไม่มีห้างดังๆ ไม่งั้นคงต้องไปเดินห้าง อิอิ
จนถึงตอนนี้ฉันเรียนจบ ฉันมีการมีงานทำ ที่เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่เดือดร้อน ฉันสามารถบอกคนอื่นได้ว่า พ่อแม่ฉันเป็นชาวนา ฉันเป็นลูกอิสาน ฉันฟังหมอลำในออฟฟิตโดยไม่ต้องอายใคร
และฉันยังทำงานประเภท เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ดำนา เกี่ยวข้าวถึงจะไม่คล่องแต่ฉันทำเป็นหมดนั่นหละ ภูมิใจนะเนี่ย ... :l-
Bookmarks