เสียงนาฬิกาดังปลุกให้ตื่น เอื้อมมือไปปิดไว้แล้วนอนต่ออีกจักนิดนึงเป็นอาการที่เฮ็ดเป็นประจำจันทร์ฮอดศุกร์
มื้อนี้กะคือกันเอ๋าตากะบ่มืนกดๆคลำๆไป ฮ่าๆ อารมณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกเช้าของวันทำงานแต่วันนี้ความคิดเก่าๆก็เกิดขึ้น
พอหลังจากล้างหน้าล้างตาชำระร่างกายเสร็จ กดเปิดทีวีเหมือนเช่นเคยวันนี้เลือกช่อง7 ปกติเวลานี้ จะดูหลินปิงวิ่งไปวิ่งมา กับเจ้าช้างน้อยฝาแฝด
ถึงช่วงที่เขาไปถ่ายทำชีวิตชายคนนึง ซึ่งแขนลีบแต่เขาเป็นช่างซ่อมรถ อืมมมม ยืนดูด้วยความฉงน ในความสามารถของเขา
ทำได้อย่างคล่องแคล่ว และยังขับรถมอเตอร์ไซค์ได้ด้วยเสียงอุทานในใจ ฮึ่ยย เก่งจังพอได้ดูแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาแต่เช้า
เวลาดูคนที่เขาพยายามสู้ชีวิตโดยไม่สิ้นหวัง ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาทำให้ไฟในตัวเราลุกโชนขึ้นอีกครั้ง บางจังหวะของชีวิตคนเรา
บางทีก็อ่อนไหว ท้อแท้ เสียใจ กับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อเราพอสมควรก็คือการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
มันอาจทำให้เราหมดกำลังใจไปพอสมควรทีเดียว ผมเดินมาขึ้นรถเมล์ระยะทางที่ผ่านมาพบผู้คนมากมาย ในเพชรบุรีซอย 5 ถือว่าคนเยอะพอสมควรในซอยนี้สิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือคนที่ขอเศษเหรียญจากคนผ่านไปผ่านมา
มีหลายรูปแบบหลายลักษณะ ทั้งใช้ตัวเองถูไปกับพื้น บางคนร้องเพลง บ้างก็นั่งอุ้มลุกฯลฯ สุดแท้แต่ละคนจะทำ
หลายครั้งที่ผมลงจากรถเมล์แล้วถึงกับต้องหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียง เสียงจากสองตายายที่สีซอ ซึ่งเป็นทำนองพื้นบ้านทางอิสานใต้
ถ้าใครได้ยินได้ฟังจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับทำนองเช่นนี้
ผมเดินผ่านมาแต่ในความคิดกลับหลุดลอยไปถึงบ้าน ถึงบรรยากาศของความเป็นลูกทุ่งเสียงดนตรีเพียงชิ้นเดียวแต่กลับเล่าเรื่องราวได้เป็นฉากเป็นตอน
เสียงซอจะถูกสีคู่ไปกับเสียงร้องที่มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง ยิ่งเป็นทำนองโบราณๆด้วยแล้ว ภาพต่างๆก็ยิ่งผุดขึ้นมาเป็นระยะ
เสียงตะโพน เสียงฉิ่งที่ประกอบจังหวะดังขึ้นมาในใจ ภวังค์ที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้เราลืมสังคมเมืองไปได้บ้างเหมือนกัน
สังคมที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน นั่ง ยืน เดิน แต่ละคนมีเป้าหมายจุดหมายของตัวเองโดยไม่สนใจคนรอบข้างแม้จะมากมายแค่ไหน
เมื่อวานผมเดินจากเพลินจิตมาพันทิพย์ประตูน้ำ เดินผ่านตรงคนยืนรอรถตู้เรียงยาวพอสมควร แต่ละคนพูดคุยกันอยู่ แต่ไม่ได้คุยกันเอง
กำลังคุยกับเครื่องมือสื่อสาร หรือเจ้าโทรศัพท์ผมยิ้มๆกับภาพที่เห็นคนเรามีการพัฒนาการติดต่อสื่อสารแบบไม่หยุดยั้งและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
แต่ความใกล้ชิด สนิทสนมแบบเดิมๆกลับค่อยๆเลือนลางหายไปสมัยก่อนจะคุยกันที ต้องเขียนจดหมาย หรือเก่าหน่อยก็โทรเลขกว่าจะรู้เรื่องกัน
จะเจอกันแต่ละทีใช้เวลาการเดินทางเป็นอาทิตย์เป็นเดือนกว่าจะไปมาหาสู่กันแต่ละครั้ง ทุกวันนี้แม้อยู่คนละซีกโลก ก็ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่วัน
ยิ่งถ้าอยู่ประเทศเดียวกันแล้วก็เจอกันง่ายขึ้น แม้ว่าการคมนาคมของเรายังไม่ดีเหมือนประเทศใหญ่ แต่ก็ใช้เวลาไม่เกินสองวันถึงไกลแค่ไหนก็ตาม
แต่น่าแปลกที่ว่าการพัฒนาไม่ได้ช่วยให้เราได้เจอคนที่เรารักบ่อยเท่าไรนัก ในรอบหนึ่งปีได้เจอแค่เพียงหนึ่งหรือสองครั้ง
บางคนสองสามปี บางคนจนลืมว่ากลับบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อไร เราง่วนกับงานบางครั้งอาจจะเผลอลืมคนทางบ้านไปก็ได้ แต่เมื่อใดที่ถูกสะกิดความที่ไม่เคยลืมถิ่นฐานบ้านเกิดสิ่งต่างๆที่อยู่ในใจก็จะออกมาโดยปริยาย
นั่งนึกย้อนไปถึงอดีตตอนที่เขาจะเดินทางจากจังหวัดนึงไปหาจังหวัดนึง ต้องผ่านป่ามีทั้งเสือ งูเหลือมขนาดใหญ่ สัตว์ป่าดุร้ายมากมาย คุณป้าลำซิ่งที่เล่าชีวิตสมัยก่อนให้ฟังดูตื่นเต้นดีจัง กรุงเทพเองแต่ก่อนก็ยังเป็นทุ่งนาอยู่ แต่
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปีก็เปลี่ยนแปลงไปเกินกว่าจะจินตนาการเสียแล้ว
วันนี้ก็คงต้องยืนหยัดสู้ต่อไปสำหรับคนที่ยังต้องดิ้นรนกับชีวิต แต่ก็ไม่ลืมที่จะมีความสุขควบคู่ไปด้วย พอใจกับสิ่งที่มี ยินดีกับสิ่งที่ได้
หลังจากกลับบ้านทำให้เรากำลังใจขึ้นอีกค่อนข้างเยอะ เห็นรอยยิ้มจากทุกๆที่ฝากไว้เราก็ต้องอดทนสู้ต่อไป กำลังใจเราสามารถหาได้ทุกที่
ขอแค่เรายินดีกับสิ่งต่างๆแม้เป็นเพียงความสำเร็จเล็กๆน้อยๆก็ตาม :l-
เกิดจี มะ นึ กะ มัย ออย กี ทา บาน โนว เสนาะ เสาะ สำราญ กะ มัย พลิก กุน มะ นาย บ่แปลดอก ไผฮู้แปลให้พี่น้องฟังเด้อ คริ คริ
เสียงซอจากคุณ มือซอคนเศร้า
Bookmarks