16 ธันวาคม 2550 อีกเพียงสองวัน
เท่านั้นฉันจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ความใฝ่ฝันอันสูงสุดสำหรับลูกชาวนาจน ๆ
อย่างฉัน วันนี้ซ้อมใหญ่กับเพื่อน ๆ ต่างคณะที่ตึกหลังเต่า (หอประชุมกาญจนาภิเษก) ฉัน
ตื่นเช้าแต่งตัว ฉันโทรศัพท์กลับบ้านเหมือนเคย ฉันต้องโทรศัพท์ถามข่าวยายซึ่งป่วยหนัก
ทุกวัน เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าจะมีคนรับ พอมีคนรับแล้วไม่มีเสียงพูดคุย ฉันได้ยิน
เพียงว่า “แม่เพิ่นมากินทานนำเก็บกำเอาเด้อ” เพียงเท่านั้นฉันทราบแล้วว่าที่บ้านเกิดอะไร
ขึ้น ยายจากฉันไปแล้ว จากไปเช้าตรู่วันที่ 16 อีกเพียงสองวันฉันจะเอาปริญญาไปฝาก
ยาย แต่ยายรอไม่ไหว รอชื่นชมปริญญาบัตรของฉันไม่ไหว ทั้งที่ยายเฝ้ารอมาตลอดชีวิต
วันที่ฉันไปลายายบอกว่า “ยายหลินจะซ้อมรับปริญญา วันที่ 18 หลินจะเอามาฝาก” ยาย
ร้องไห้ แต่ยายพูดไม่ได้ หมอบอกว่ายายเป็นอัมพฤก ยายรู้ว่าใครพูดด้วย แต่ยายพูดไม่
ได้ ฉันถามว่า “ยายร้องไห้ดีใจแม่นบ่ เดี๋ยวอีก 4 มื่อหลินจะกลับมาพร้อมปริญญาเด้อ
ยายกินข้าวหลาย ๆ” แล้วฉันก็เดินทาง การซ้อมวันที่ 16 – 17 ฉันซ้อมเหมือนคนเลื่อย
ลอย ความทรงจำเกี่ยวกับยายผุดขึ้นมาเหมือนฉากละครที่รอการฉาย ยายคือแม่อีกคน
ของฉันตลอดชีวิตวัยเด็ก ฉันอยู่กับยาย เมื่อฉันยังเด็กหากมีใครถามฉันว่ารักใครมากที่สุด
ฉันจะบอกว่ายาย ฉันจำได้ดีวันที่ ฉันไปบอกยายว่าฉันสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ ยาย
ดีใจมากจนน้ำตาไหล ฉันบอกยายว่าฉันต้องเรียนสี่ปีแล้วฉันจะได้รับพระราชทานปริญญา
บัตร ตลอดเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย นอกจากพ่อแม่ แล้ว ยาย คืออีกหนึ่งกำลังใจที่
สำคัญที่สุดของฉัน ทุกวัน ฉันจะไปนั่งบริเวณร่มไม้ ตรงที่ฉันนั่งกินข้าวกับครอบครัว วันที่
มาส่งฉันเข้าหอ ยายมาด้วย มาดูที่อยู่ที่เรียนของฉัน ยายบอกว่า “ให้ตั้งใจ เฮ็ดหยังกะให้
ตั้งใจ” คำสอนสั้น ๆ ของยายใช้ได้เสมอ จนทุกวันนี้ฉันก็จำขึ้นใจ วันที่ฉันเข้ารับพระราช
ทานปริญญาบัตรจริงมี พ่อ แม่ เพื่อนกุ้ง และญาติอีกเพียงสอง สามคนไปร่วมแสดงความ
ยินดีกับฉัน และรับฉันกลับบ้าน ฉันอยากให้พิธีผ่านพ้นไปเร็ว ๆ ฉันอยากกลับบ้าน ถึงแม้
แม่จะบอกว่าจะยังไม่พายายไปวัด ทุกคนรอฉันอยู่ ฉันก็ยังไม่วางใจ แม้ฉันจะได้ดอกไม้
มากมายจากสายรหัส ของขวัญมากมาย จากน้อง ๆ ที่รัก ฉันมีพ่อแม่ยืนถ่ายรูปด้วย แต่สิ่ง
ที่ขาดไปคือยาย พอกลับถึงบ้านประมาณสองทุ่มเศษ ฉันไม่เปลี่ยนชุดตรงไปบ้านยาย
แต่วันนี้ไม่มียายนั่งยิ้มรอฉันเหมือนทุกครั้ง วันนี้ยายนอนรอฉันในห้องเย็นประดับประดา
ด้วยดอกไม้ ไฟแสงสี ฉันจุดธูปพูดกับยายว่า “ยายปริญญาของหลิน ยายเห็นบ่ปกสีแดง
งามหลาย สมเด็จพระเทพฯ เพิ่นพระราชทานให้มื่อเช้า ชุดครุยแก้วโตยายอยากเห็นหลิน
กะเอามานำ ยายเห็นบ่” ฉันพูดได้เพียงเท่านี้ น้ำตาที่กลั้นไว้ตลอดสามวันไหลเหมือน
ทำนบพัง ฉันร้องไห้เสียงดัง ร้องไม่อายใคร ฉันเสียใจที่ฉันไม่ได้อยู่กับยายวันที่สิ้นลม
ฉันเสียใจที่ฉันยังไม่ได้ดูแลยาย ฉันเสียใจที่เงินเดือน ๆ แรกของฉันไม่มีโอกาสได้ซื้อ
หมาก ซื้อพลู ของอร่อย ๆ ให้ยายได้กิน วันนี้ 16 ตุลาคม 2553 สองปี สิบเดือนที่ยาย
จากไป ความทรงจำ คำสอนของยายยังอยู่ ความอบอุ่นจากตักยายยังอยู่ ชายผ้าถุงผืนที่
ยายใส่วันสิ้นลม แม่ตัดให้ฉันเก็บไว้พกติดตัว ฉันเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างดี ฉันรู้สึก
อบอุ่นทุกครั้งที่มองเห็น แม่บอกว่ายายคือพระของแม่ ยายจึงเป็นยิ่งกว่าพระของฉัน ทุก
วันนี้ของอร่อยที่ฉันอยากให้ยายได้กิน ฉันต้องเอาไปถวายพระ กรวดน้ำแทน แต่จะมี
ประโยชน์อะไรในเมื่อเวลาที่ยายอยู่ฉันไม่มีโอกาสได้ได้ซื้อของอร่อย ๆ ให้ยายกิน ไม่มี
โอกาสซื้อผ้าไหมผืนงามให้ยาย ทุกวันนี้ ทุกอย่างในตัวยายรวมอยู่ที่แม่
ของฉัน ฉันภูมิใจทุกครั้งที่ได้ทำกับข้าวให้แม่กิน แล้วแม่บอกว่าวันนี้กินข้าวอร่อย ฉันรู้สึก
ดีใจกับการตัดสินใจกลับบ้าน ฉันอยู่ที่นี่อาจจนเงินทอง แต่ฉันร่ำรวยความสุข ฉันไม่อาจรู้
ได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเหลือเวลาอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ที่ฉันจะได้
ดูแลแม่แบบนี้ ฉันรู้เพียงว่าวันนี้ฉันต้องทำหน้าที่ลูก ให้ดีที่สุด.. ตอบแทนกับการที่ฉันได้
เป็น หัวหลิน จนทุกวันนี้
Bookmarks