ห้องเช่าที่พวกเราเช่า เดือนละ 800 บาท (ผมเบิกค่าเช่าบ้านได้ 800 บาท) เป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้อยู่หลังพีพีแมนชั่น ซอยจรัลสนิทวงศ์ 28 (ซอยวัดดงมูลเหล็ก) อยู่มาได้สักระยะ ทราบข่าวว่าเขาจะรื้อบ้านเช่าที่พวกเราอยู่ เนื่องจากหมดสัญญาเช่าแล้ว ผมชอบที่พักตรงนี้แม้จะอยู่ไกลแต่ก็สะดวกในการเดินทางของเธอพอสมควร ส่วนผมไปทำงานสายหน่อยก็ไม่เป็นไร โดยเฉพาะช่วงรับปริญญาที่สวนอัมพร ผมไปถึงที่ทำงานเกือบสี่โมงเช้า เพราะต้องยืนรอรถเมล์สาย 70 จากประชานิเวศน์ 3 เข้าไปสนามหลวง รอเป็นชั่วโมงก็ยังไม่โผล่
"ทำไมคุณ (คำสุภาพ) ไม่มาเที่ยงเลยล่ะ" คำพูดคำนี้ทำให้ผมต้องแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ
แทนที่คุณจะถามผมว่า "ทุกวันนี้กินอยู่อย่างไร มีอะไรจะให้ช่วยเหลือ" ผมตัดสินใจขึ้นไปหน้าห้องผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ซึ่งเลขาหน้าห้องของท่านเคยอยู่ที่ทำงานผม ท่านเคยสอบถามความเป็นอยู่ของผมและรับทราบถึงปัญหาของผม และรับปากว่าจะช่วยเหลือหากท่านมีโอกาส
การตัดสินใจไปพบท่านครั้งนี้ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ท่านเขียนหนังสือแผ่นเล็ก ๆ เข้าไปเสนอในห้องโดยในข้อความระบุว่า "เนื่องจากผมเป็นเจ้าหน้าที่หลักของหน่วยงานที่มีความขยันขันแข็งในการทำงานอย่างดีเยี่ยม และมีปัญหาในการเดินทางเนื่องจากบ้านพักอยู่ไกล และมีความเดือดร้อนเรื่องที่พักอาศัยอย่างมาก จึงเห็นสมควรพิจารณา"
ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงให้มีการสำรวจห้องพักทุกห้องว่ามีคนอยู่จริงหรือไม่ เพื่อให้ผู้ที่มีความเดือดร้อนจริงได้เข้าอยู่ "ขอให้สำรวจห้องพัก หากห้องพักว่างให้พิจารณาผมเข้าพักโดยด่วนที่สุด" แต่ก็รอนานเกือบปี
ปี 2539 ผมได้รับแจ้งให้ย้ายเข้าอยู่บ้านพักของทางราชการ ชั้น 2 ห้องที่ 1 ผมดีใจมากที่สุด ตอนพักเที่ยงผมขึ้นมากวาดถูทำความสะอาด และตอนเย็นของวันพฤหัสบดี ผมและเธออุ้มทรัพย์สินที่มีค่าคือ พระพุทธรูป 1 องค์ พัดลม 1 ตัว ผ้าห่ม 2 ผืน หมอนขาด 2 ใบ วิทยุเทป 1 อัน ไปนอนในบ้านพักเอาฤกษ์เอาชัยด้วยความดีใจ ที่มีที่อยู่ที่ปลอดภัยและมั่นคง
เข้ามาอยู่ตอนแรก ผมมีความรู้สึกว่าห้องกว้างมาก ๆ เมื่อเทียบกับห้องเช่าที่เราเคยอยู่ ตอนเช้าเธอจะเดินรอบ ๆ ห้องด้วยความดีใจ แต่ตอนนี้แทบจะหาที่เดินไม่มี เพราะไม่รู้อะไรต่อมิอะไร จนทำให้รู้สึกว่าห้องแคบเกินไป นี่คือความไม่พอดีของคน แต่ไม่ว่าห้องจะแคบแค่ไหน ที่แห่งนี้ก็คือบ้านหลังที่สองที่อบอุ่นเสมอ
14 ปีที่ห้องเล็ก ๆ ห้องนี้ผมและเธอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้น มีความเข้าใจและเรียนรู้พฤติกรรมกันมากขึ้น และห้อง ๆ นี้ก็ได้ต้อนรับญาติสนิทมิตรสหายที่ได้เข้ามาทำธุระที่กรุงเทพมหานคร ได้เป็นที่พักผ่อนอาศัย
และเมื่อได้มาพบกับบ้านมหา ห้องแคบ ๆ ห้องนี้ได้เป็นที่รู้จักของพวกเราหลาย ๆ คนที่ให้เกียรติไปเยี่ยมเยียนไม่ขาดสายในนามที่ทำการทีมงานบ้านมหาคุ้มสามเสน (พะนะเพิ่นว่ากะดาย)
20 ปีของการร่วมทุกข์ร่วมสุขในการใช้ชีวิตคู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะรักษาความรักไว้ให้มั่นคง เนื่องจากว่าภาวะสิ่งเร้าที่มีรอบตัว หลายคู่ที่ผมเห็นเลิกร้างกันไป เพราะทนต่อสิ่งเร้าไม่ไหว หรือทนได้แต่ก็ทนได้ไม่นาน ก็เลิกร้างกันไป โดยมีความคิดว่าของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า หารู้ไม่ว่ายิ่งเก่ายิ่งมีราคา
ที่ผ่านมาก็มีเพศตรงข้ามหลายต่อหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตผมตามประสาคนรูปหล่อนิสัยดี ที่ทำให้บางครั้งความรู้สึกของผมอาจจะไขว้เขวไปบ้าง หรืออาจจะออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่ก็ไปหยุดแค่ไหล่ทางเท่านั้น ผมคงไม่หลงลงไปข้างทางอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง
มีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ณ ที่นี้ (กลัวความลับรั่วไหล 555) เอาเป็นว่าครบรอบ 40 ปี ที่ผมรักเธอ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังใหม่เป็นเรื่อง ๆ ก็แล้วกันนะครับ...อวสาน
Bookmarks