เคยได้ยินแต่คนบ้านเรา พุดถึงเรื่องการตกรถ ตกเรือ ก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้สะไภ้อิสานจะมาเล่าประสบการณ์การตกเครื่องบินที่เมืองผู้ดี ให้พี่น้องได้อ่าน เผื่อบางทีจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆให้เอาตัวรอดในต่างบ้าน ต่างเมืองได้นะค่ะ
เพื่อความเข้าใจในการอ่านนิขออธิบายเป้าหมายการเดินทางก่อนนะค่ะ
คือนิซื้อตั๋ว ของ อีว่าแอร์ไลน์ (EVA airline) จะต้องมาขึ้นเครื่องที่ manchester และต้องไปต่อเครื่องที่เนเธอร์แลนด์ โดยการต่อเครื่องต้องมาขึ้นสายการบิน KLM (royal ducht airline) เทียวบินเวลา 11.30น. แล้วถึงจะมาขึ้นสายการบิน อีวา แอร์ไลน์มายังประเทศไทย
เริ่มแรกของวันที่แสนเหนื่อยเลยนะค่ะ วันนั้นจำได้ว่าตื่นตั้งแต่ตีห้า มาขึ้นรถไฟ (เดินทางคนเดียวไม่มีใครมาส่ง) พระเจ้าพอมาถึงสถานี รถไฟเที่ยวแรก 6.00น. ออกไปก่อนต่อหน้าต่อตา เราต้องรอรถไฟเที่ยวต่อไปซึ่งจะมาถึงประมาณ 6.45 น. มาถึงsheffield เกือบ 9โมงเช้า และต้องนั่งรถไฟจาก sheffield ไปยัง manchester จนมาถึงสนามบิน manchester 11.00น. ซึ่งปกติแล้วถ้าเที่ยวบินเวลา 11.30 เราจะต้องมาเชคอินก่อน 10.00น. (ก่อนเวลาบิน 2 ชม.) สรุปว่าเราตกเครื่องบิน
ในใจก็คิดได้แต่ว่าทำยังไงเราถึงจะไปถึง เนเธอร์แลนด์ก่อนบ่ายโมง เพราะเครื่องจะออกจากเนเธอร์แลนด์ประมาณบ่ายโมง
โลกนี้ยังไม้สินหวังซะที่เดียว เดชะบุญนึกได้ว่า ถ้าเราโทรเลื่อนการเดินทางจะไม่ต้องซื้อตั่วเครื่องบินใหม่ แต่โทรศัพทแบตก็หมด คิดคิด และก็นึกได้อีกว่า ที่สนามบินจะมีแผนกช่วยเหลือผู้โดยสารที่มีปัญหาหรือตกเครื่อง เราก็เข้าไปขอความช่วยเหลือ อธิบายให้เขาฟังว่าเราต้องการที่จะไปเนเธอร์แลนด์เพื่อที่จะบินไปไทย ขอความช่วยเหลือให้เปลี่ยนเที่ยวบินให้ ช้าออกไปเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ (วันที่ไปเป็นวันศุกร์) พี่น้อยเอ่ย บุญเหลือหลายที่เค้าเข้าใจ เพราะช่วงนั้นภาษาก็ยังไม่ดีนัก
ซึ่งทางแผนกช่วยเหลือผู้โดยสารก็น่ารักมาก สารการบินอีว่า แอร์ไลน์สามารถเปลี่ยนเที่ยวบินให้เราได้เป็นวันอาทิตย์ แต่ปัญหาอยู่ที่สายการบินKLM เขาบอกว่าเราผิดเองที่มาช้า ทำให้เราต้องวิ่งไป วิ่งมาเพื่อที่จะมาคุยระหว่างแผนกช่วยเหลือผู้โดยสารกับ KLM
จนแผนกช่วยเหลือผู้โดยสารต้องเดินมาบอกให้ สายการบิน KLM เปลี่ยนเทียวบินให้เราแม้จะเป็นชั้น First class ก็ต้องให้ สรุป KLM ต้องยอมให้เรานั่งชั้น First class
แต่ปัญหายังไม่หมด วีซ่าของเราจะหมดอายุในวันเสาร์ นั่นหมายถึงถ้าเราอยู่ที่นี้ถึงวันอาทิตย์เราจะต้องเป็นคนเถื่อน ซึ่งจะทำให้มีปัญหากับการเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งต่อไป แต่ปัญหามีอยู่ว่า เราจะต้องไปแสตมป์วีซ่าเพื่อขออยู่ต่อ ที่เมืองลิเว่อร์พูล ซึ่งอยู่ห่างจาก manchester ออกไปอีกด้วยกระเป๋าเดินทาง2ใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายอีก1 อัน หนักหนามากสำหรับที่จะเดินทางไปลิเวอ่ร์พูล ซึ่งตรงนี้คนที่บ้านไม่ทราบเลยว่าเราต้องมาตกระกำลำบากขนาดนี้ เขาเข้าใจว่าเราน่าจะถึงเนเธอแลนด์แล้วด้วยซ้ำ
จำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือจากทางแผนกช่วยเหลือผู้โดยสารอีก (ด้วยภาษาของเราก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ )เขาสามารถช่วยเหลือให้เราไม่ต้องเดินทางไปลิเว่อร์พุล และสามารถแสตมป์วีซ่าที่แมนเซสเตอร์ได้เลย
ด้วยความที่มีทิฐิ ดื้อและเชื่อมั่นตัวเองไม่โทรขอคำปรึกษาหรือคำแนะนำจากสามี เพราะโกรธที่เค้าไม่มาส่งเราที่สนามบิน
วันนั้นเหนือยแสนเหนือย ตั่งแต่เช้าไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้ำ นั่งรถไฟกลับดาร์บี้ บนรถไฟเค้าจะมีเครื่องดืมเข็นมาขาย อยากดืมอะไรร้อนๆก็เลยสั่ง ฮอดช็อกแลนต์
พนักงานเค้าถามว่าต้องการน้ำตาลไหม เราก็บอก ว่า ที ซึ้งเราหมายถึง น้ำตาลสามซองแต่สำเนียงเพี้ยน กลายเป็น ที่ที่แปลว่า ชาร้อน ก็ต้องจำใจดื่มเพราะเสียเงินแล้ว ยังยังไม่จบความรันทดแค่นั้น มาถึงดารบี้แล้วต้องต่อรถกลับบ้าน พอดีเห็นรถเมลมาก็วิ่งจะขึ้น แต่เค้าไม่รอ พี่น้องเอ่ย หนาวก็หนาว เสื้อกันหนาวก็ไม่มี ลากกระเป๋าหันมาหาแท๊กซี บอกที่อยู่เค้าด้วยเสียงที่หมดแรงอ่อนล้า เค้าได้ยินไม่ชัด
เราก็บ่นกับตัวเอง ว่า วันนี้มันเป็นวันอะไรของเรานะ คนขับแท็กซีคิดว่าเราด่าเค้า
พอดีมีคนมาต่อคิวอยู่ข้างหลังเรา เค้าเลยรับผู้โดยสารปล่อยเรายืนเก้อ
ก็ต้องรอคันต่อไป ยังยังไม่จบ
กลับมาถึงบ้าน ก็ไม่มีกุญแจเข้าบ้านต้องทนนั่งหนาวอยู่หน้าบ้านไปอีกเกือบ ครึ่ง ชม. กว่าที่คนที่บ้านจะกลับมาและต้องตกใจเมื่อเห็นเราอยู่ในสภาพที่อิดโรย หมดแรง เรายกมือบอกห้ามถามฉันเหนื่อย อาบน้ำและนอนพัก ตื่นขึ้นมาหาอะไรกิน เล่าให้สามีฟังเค้าบอกถ้าเป็นเค้า คงซื้อตั่วใหม่แล้ว ไม่น่าเชื่อเธอทำได้อย่างไร:l-
ช่างเป็นวันที่น่าประทับใจสุดๆค่ะ
ยังมีตกเครื่องบินในประเทศไทยอีกนะคะ กรุงเทพเชียงใหม่:l-
ปล ขอบคุณน้องไก่น้อยที่ช่วยเรียบเรียงจ้า:*-
Bookmarks