-
ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
เมื่อคุณผู้หญิง ฟ้องค่าเลี้ยงดูบุตร
เมื่อคุณผู้หญิง...ฟ้องค่าเลี้ยงดูบุตร (Lisa ฉ.24/2553)
โดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช
น.บ. , น.บ.ท. , น.ม.(กฎหมายมหาชน)
คุณผู้อ่าน Lisa ครับ ปัจจุบันคุณผู้อ่านคงพอสังเกตสภาพครอบครัวของสังคมไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ที่เลี้ยงดูลูกอยู่ฝ่ายเดียว เพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน หรือพ่อกับแม่ต่างคนต่างทำงานแล้วส่งลูกไปอยู่กับปู่ย่าตายายที่ต่างจังหวัด ที่สำคัญพ่อกับแม่ไปมีสามีหรือภรรยาใหม่อีก ฯลฯ...สารพันปัญหาครอบครัวเหล่านี้เด็กได้รับผลกระทบทั้งสิ้นครับ เฉพาะอย่างยิ่งเด็กต้องกินต้องใช้ ไหนจะค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเล่าเรียน ฯลฯ แล้วใครหล่ะจะเป็นผู้รับผิดชอบ แน่นอนครับกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ที่ต้องช่วยกันเลี้ยงดูและดูแลลูกครับ
ถ้าคุณแม่…เลี้ยงลูกคนเดียว
ในกรณีที่คุณสาวๆ สมัยใหม่มีปัญหาบางอย่างจึงไม่จดทะเบียนสมรส แล้วต้องทำหน้าที่เป็นทั้งคุณพ่อคุณแม่นั้น กฎหมายให้โอกาสเต็มที่ในการใช้สิทธิเพื่อปกครองลูกฝ่ายเดียวครับ เพราะแม้ว่าจะไม่จดทะเบียนสมรส ลูกที่เกิดมาก็เป็นลูกตามกฎหมายของผู้เป็นแม่ แต่เป็นลูกนอกกฎหมายของผู้เป็นพ่อครับ ทำให้อำนาจในการกำหนดถิ่นที่อยู่อาศัย ล้วนเป็นอำนาจของแม่เพียงคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยวเลยครับ
ลูกที่มีสิทธิเรียกร้อง...ค่าเลี้ยงดูบุตร
เด็กที่จะมีสิทธิได้รับอุปการะเลี้ยงดูจนบรรลุภาวะและได้รับการศึกษาจากพ่อและแม่นั้น จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดา(นั่นคือพ่อแม่ต้องจดทะเบียนสมรส) หากลูกเป็นลูกนอกสมรสของบิดา (ไม่จดทะเบียนสมรส) และยังไม่ได้ฟ้องคดี ก็มีความจำเป็นจะต้องฟ้องคดีขอให้พ่อรับลูกดังกล่าวเป็นบุตรเสียก่อน มิฉะนั้นจะฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อไม่ได้ครับ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการนั้นแนะนำให้ติดต่อกับทนายความจะดีกว่า
กรณีอื่นๆที่ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรได้เลย
มีกรณีพิเศษอื่นๆ ที่คุณผู้หญิงสามารถฟ้องเรียกร้องขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากฝ่ายชายได้ในคดีเดียวกันโดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ ก็คือ
(1) เมื่อมีการข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
(2) เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาวหรือมีการล่อลวงร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจ ตั้งครรภ์ได้
(3) เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของเขา
(4) เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐานว่าบิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น
(5) เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจตั้งครรภ์ได้
(6) เมื่อได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น
(7) เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร
การฟ้องร้องข้างต้นสามารถนำมาซึ่งคำสั่งศาลในการระบุค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ครับ
กรณีสามีภรรยา...หย่ากัน
สำหรับคู่สามีภรรยาส่วนใหญ่ที่อยู่กินด้วยกันไม่ได้แล้ว จนนำมาซึ่งการหย่าร้างหรือการฟ้องหย่า แบบนี้โดยปกติแล้วเมื่อมีการฟ้องหย่าก็มักจะมีการฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูไปพร้อมๆ กับการฟ้องหย่าและการแบ่งสินสมรสครับ
เรื่องการฟ้องเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรนั้น ใช่ว่าคุณแม่จะมีสิทธิเรียกจากคุณพ่อเท่านั้นนะครับ หากคุณแม่มีรายได้มากกว่า มีฐานะดีกว่าแต่ทอดทิ้งให้ลูกอดๆ อยากๆ กับคุณพ่อที่ไม่ค่อยมีฐานะ แบบนี้คุณพ่อก็สามารถฟ้องเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจนบรรลุภาวะและค่าเล่าเรียนจากฝ่ายคุณแม่ได้เช่นกันครับ แต่โดยส่วนใหญ่สัญชาติญาณของความเป็นแม่ย่อมอยากจะดูแลลูกอยู่แล้วครับ ดังนั้นกรณีการฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจึงมักจะเป็นฝ่ายหญิงฟ้องฝ่ายชายให้แสดงความรับผิดชอบอย่างที่เราเห็นๆ กันอยู่ทั่วไปครับ
ขอบคุณท่าน อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช เจ้าของกระทู้
-
Moderators
เด็กที่จะมีสิทธิได้รับอุปการะเลี้ยงดูจนบรรลุภาวะและได้รับการศึกษาจากพ่อและแม่นั้น จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดา(นั่นคือพ่อแม่ต้องจดทะเบียนสมรส) หากลูกเป็นลูกนอกสมรสของบิดา (ไม่จดทะเบียนสมรส) และยังไม่ได้ฟ้องคดี ก็มีความจำเป็นจะต้องฟ้องคดีขอให้พ่อรับลูกดังกล่าวเป็นบุตรเสียก่อน มิฉะนั้นจะฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อไม่ได้ครับ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการนั้นแนะนำให้ติดต่อกับทนายความจะดีกว่า
ข้อนี้สำคัญมากครับ
-
แบ่งปันความรู้และประสบการณ์
ตกลงเราจะจดทะเบียนดีหรือไม่ดีเนี่ย
อยากให้ลูกเป็นของเราคนเดียวเวลาเลิกรากันไป
คิดไว้ก่อน เหอะๆๆ
Tags for this Thread
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks