น่าสงสารเจ้าก้อนดิน !!!

ดินทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผงดินอยู่บนผิวโลก บนยอดเขา อยู่ใต้น้ำ หรือจะเป็นดินที่เขานำมาปั้นเป็นแจกันที่สวยงาม ปั้นเป็นยอดปราสาทราชวัง แม้แต่ปั้นเป็นพระพุทธรูป ต่างก็คือดินอยู่นั่นเอง และในที่สุดก็ต้องแตกหัก ย่อยสลายกลายเป็นก้อนดินตามพื้นดินอยู่นั่นเอง หาได้มีอะไรที่แตกต่างกันไม่ เพียงแต่ถูกเขาอุปโหลกขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง จะมายึดมั่นถือมั่น เป็นจริงเป็นจังได้อย่างไร

เปรียบเหมือนรูปนาม (ดูเรื่องขันธ์ 5 วันหน้าจะนำมาเสนอนะครับ ถ้าสนใจ) ทั้งหลายในวัฏสงสาร ต่างก็มีจุดกำเนิดที่เหมือนกัน เพียงแต่ผ่านสิ่งแวดล้อม ผ่านเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน จึงมีสัญญา (ความทรงจำ) และการปรุงแต่ง (การนึกคิดปรุงแต่งของจิต) ที่แตกต่างกัน จึงได้กระทำกรรมที่แตกต่างกัน จึงมีกำเนิดและวิบาก (ผลของกรรม) ที่แตกต่างกันออกไปอย่างมากมาย ถูกเขาอุปโหลก กันไปต่างๆ นานา

เหมือนกับก้อนดินที่ถูกปั้น ให้แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงก้อนดินเท่านั้นเอง โดยความเป็นจริงแล้ว หาได้มีอะไรที่แตกต่างกันไม่ ต่างก็เป็นเพียงรูปนามเสมอเหมือนกันหมด ผู้ที่มีอายุมากกว่า ก็เพียงเพราะบังเอิญชาตินี้เกิดก่อนเขาเท่านั้นเอง ในชาติก่อนๆ ก็อาจจะเป็นเด็กกว่าเขาก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอน ผู้ที่เป็นใหญ่กว่าก็เพียงเพราะ บังเอิญกรรมดีที่ทำเอาไว้มีโอกาสส่งผลก่อนเขา เท่านั้นเอง หาใช่เป็นเพราะความที่เป็นรูปนามที่เหนือกว่าเขาไม่

นั่นคือ ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร จะถูกอุปโหลกให้เป็นอะไร ก็เป็นเพียงสภาวะหนึ่ง ที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จะไปยึดมั่นถือมั่นหาได้ไม่ เพราะที่แท้แล้วก็เป็นเพียงรูปนามธรรมดาๆ ด้วยกันทั้งนั้น เหมือนกับดินทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอะไร หรืออยู่ที่ไหน ต่างก็เป็นเพียงก้อนดินธรรมดา เท่านั้นเอง

ผู้ที่ไม่รู้ความจริงในข้อนี้ ต่างก็เกิดความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของตนขึ้น เกิดมานะ (ความเย่อหยิ่งถือตัว) ขึ้นมาอย่างมากมาย และต้องเป็นทุกข์อยู่อย่างมากมาย เพราะมานะนั้น (เช่น เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้รับเกียรติ ไม่ได้รับความยอมรับนับถือ เชื่อฟังตามที่หวังไว้) เปรียบเหมือนก้อนดินที่ถูกเขาปั้นเป็นแจกันที่สวยงาม และถูกอุปโหลกว่าเป็นของดี มีค่ามีราคา แล้วก้อนดินก้อนนั้นก็เกิดความหลงตัว คิดว่าตนเองมีค่าเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ เกิดมานะ และต้องเป็นทุกข์เพราะมานะนั้นไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งที่ความจริงแล้ว อีกไม่นาน ก็ต้องแตกสลาย กลายเป็นก้อนดิน ให้เขาเหยียบย่ำอยู่เช่นเดิม

ช่างน่าสงสารจริงๆ เจ้าก้อนดิน (ผู้โง่เขลา) เอ๋ย !!!

จะเอาอะไรกันมากมายกับชีวิตที่ไร้สาระ และเต็มไปด้วยความทุกข์นี้ น่าสงสารเจ้าก้อนดิน !!!
ในเมื่อหาอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลย เพราะไม่มีอะไรที่อยู่ในอำนาจของใครทั้งสิ้น..

ขอบคุณธัมมโชติ