เล็บมือนาง
เราคงเคยเห็นซุ้มเล็บมือนาง ตามบ้านต่างๆๆ นะคะ
ที่บ้านเมื่อก่อนก็เคยมีซุ้มนี้ค่ะ เอาไว้ ทำชิงช้านั่งเล่น
ก็ได้ร่มเงาเพลิดเพลินดีค่ะ หัวค่ำๆๆ ถ้าไม่มีอะไรทำ
ก็จะ เอาขลุ่ยมาเป่าเล่น แบบเป็นเพลง แต่ชอบเสียงสะดุด
เพราะคนเป่าไม่ชำนาญมากนัก แต่ยอมรับว่าชอบเสียงขลุ่ย
กับเสียพิณมากค่ะ ก็คงเท่ห์ดีมากๆ เลย สำหรับท่าเป่าขลุ่ย
ที่ลีลาแบบนักเป่าทั้งหลายจ้า
เสียงขลุ่ยนี่กังวานไกลนะคะ ลอยตามลมทีไรหัวใจเหงาขึ้นทันที
อยู่นา พ่อเคยเป่าให้ฟัง ลูกๆๆ นั่งนิ่งฟังเลย
มีกองไฟผิงกันหนาว ลูกๆๆ วิ่งเล่นรอบๆ กองไฟ
พ่ออารมณ์ ดีมาก เอาขลุ่ยมาเป่า
ลูกที่เล่นกันอยู่ ค่อยๆๆ มานั่งรอบกองไฟ
มาฟังเสียงขลุ่ยข้างกองไฟ โอยใจจะขาดเลย
เสียงเป่าขลุ่ยของพ่อหวานแว่วมาก
จนพวกเราหลับข้างกองไฟ พ่ออุ้มแต่ละคนที่ตัวหนักๆๆ
ไปนอนเมื่อไหร่ไม่ทราบเลยละค่ะ
อะอะ ....ว่าแล้ว....เลี้ยวเข้าซอยจนได้เลย
คราวนี้เข้าเรื่องเสียทีนะคะ
เล็บมือนาง
ชื่อสามัญ : Rangoon Creeper
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Quisqualis Indica Linn.
ชื่ออื่น ๆ :
มะจีมั่ง, จ้ามัง, จะมั่ง(เหนือ), วะดอนิ่ง (มลายู-ยาลา), ไท้หม่อง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ชื่อวงศ์ : COMBRETACEAE
ลักษณะทั่วไป
ต้น
ต้น : พบว่าเป็นพรรณไม้เถาขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาหนาทึบ ตามลำต้น หรือกิ่งอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลอมเทาปกคลุมอยู่แต่ต้นที่แก่ผิวจะเกลี้ยง หรือบางทีก็กลายเป็นหนามไปเลย ต้องหาหลักยืดหรือร้านให้ลำเถาเกาะยึด
ใบ
ใบ : เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นรูปมนขอบขนาน ปลายใบแหลมหรือมนและมีติ่งแหลม โคนใบจักเว้าเข้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบหรือบางใบก็เป็นคลื่น ขนาดของใบกว้างประมาณ 1-1.5 นิ้วยาว 3.6 นิ้วมีสีเขียว เนื้อบางและท้องใบจะมีขนปกคลุมจำนวนมาก
ดอก
ดอก : ออกเป็นช่ออยู่ตรงส่วนยอดของต้น ลักษณะของดอกจะเป็นหลอดยาวมาก ยาวประมาณ 3-4 นิ้วตรงปลายแยกออกเป็น 5 กลีบสีชมพู หรือสีแดงอมขาว หลอดของดอกจะโค้งเล็กน้อย เกสรยาวยื่นออกมากลางดอก
5 อัน
ผล
ผล : เป็นสัน และแข็ง สันมีอยู่ 5 สันผล โตประมาณ 0.5 นิ้วยาว 1-1.5 นิ้วมีสีดำ
การขยายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ชอบขึ้นในดินที่ปนทรายหรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี จะเลื้อยขึ้นเป็นพุ่มตามร้านที่เตรียมไว้ให้ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอน และเอาเหง้าไปปลูกก็ได้แต่ต้องฝังลึกประมาณ 4 นิ้ว
ส่วนที่ใช้
ทั้งต้น ใบ ผล เมล็ด และราก
สรรพคุณ
ทั้งต้น : แก้ตานขโมยพุงโร ขับพยาธิและตานทราง
ใบ : ตำพอกแก้บาดแผล แก้อักเสบ หรือทาแก้แผลฝี และถ้านำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ จะเป็นยาแก้ตัวร้อน
แก้ปวดหัว ถอนพิษ แก้สารพัด แก้กาฬ แก้พิษสำแดงของแสลง
ผล : แก้อุจจาระเป็นฟอง เหม็นคาวในเด็ก และขับพยาธิไส้เดือน กินแล้วทำให้สะอึก
เมล็ด : เป็นยาถ่ายพยาธิลำไส้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้ใช้ 5-7 เม็ด เด็กใช้ 2-3 เม็ด ทุบให้แตกแล้วต้มเอาน้ำดื่ม
ราก : แก้อุจจาระเป็นฟอง เป็นยาระบาย ขับพยาธิไส้เดือน แต่ถ้าผสมกับสมุนไพรอื่น จะใช้แก้ตานขโมย
แก้เด็กเป็นซาง แก้ซางแห้ง แก้อุจจาระพิการ ริดสีดวง แก้ธาตุวิปริต แก้ตับทรุด เจริญอาหาร
ข้อมูลทางคลีนิค
1.ฤทธิ์ในการก่อกลายพันธุ์ โดยการสกัดจากผลซึ่งจะกำจัด histidine ออกก่อนเอาไปทดสอบ และผลออกมาว่าไม่มีผลต่อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของโรคไทฟอยด์ ไม่ว่าจะสกัดด้วยน้ำร้อน หรือเมธานอล
2. ฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย จะสกัดจากเมล็ดด้วยน้ำร้อน แต่ก็ไม่มีฤทธิ์ต่อเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเป็นหนอง และแบคทีเรียในลำไส้
3. ฤทธิ์ในการขับพยาธิ ในประเทศจีนได้ใช้เมล็ดเป็นยาขับพยาธิโดยใช้ผสมกับยา Shin-chun Tsu ซึ่งใช้แทนยา santonin (เป็นยาถ่ายพยาธิ) ต่อมาได้มีการค้นคว้าจนรู้ว่าสารนั้นคือ ควิสควอลิคแอซิค ซึ่งเป็นสารพวกกรดอมิโนน้ำมันที่ได้จากเมล็ดจึงเป็นยาถ่ายอย่างแรง
2.ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ในการฆ่าแมลง ได้นำเอากิ่งและใบแห้ง มาสกัดด้วยน้ำ 40 มล./กก. แต่ก็ไม่มีผลที่จะฆ่าแมลงสาบอเมริกัน ถึงแม้จะใช้ความเข้มข้นต่าง ๆ ก็ไม่มีฤทธิ์ฆ่าแมลงสาบเยอรมันและมวนได้
สารเคมีที่พบ
ในต้นจะมีสารพวก Quisqualic acid
ดอกมี Flavonoids, Rutin, Pelargonidin-3-glucosideในใบมี Wuercetin-3-glucoside, Pelargonidin-3-glucosideในผลมี Valine, Threonine, Serine, Quisqualic acid, Proline, Lysine, Leucine, Histidine,
Glycine, glutamic acid, Aspartic acid, Asparagine, alanine
คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบ
ฤทธิ์ขับพยาธิไส้เดือน ผลดิบหรือผลคั่ว และกัมไม่สามารถฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ แต่ในประเทศจีนใช้แทน santonin ในยาชื่อว่า Shih-Chiin-Tzu น้ำมันมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายพยาธิอย่างแรง
สารสำคัญในการออกฤทธิ์ขับพยาธิไส้เดือน สารที่พบคือ Quisqualic acid มีฤทธิ์ฆ่าพยาธิไส้เดือน โดยฆ่าพยาธิ Ascaris suum ได้ในขนาด 1/1500 กรัม/ซี.ซี.
การทดสอบความเป็นพิษ
1. รายงานการทดสอบความเป็นพิษของสาร Quisqualic acid ต่อสัตว์ทดลอง การฉีด Quisqualic acid เข้าบริเวณ limbic lobe ของสมองหนู แมว ทำให้ชักและแพ้ได้ ฤทธิ์นี้แก้ได้โดยใช้ pentobarbital ฉีดเข้าช่องท้อง ในขนาดสูงกว่าขนาดรักษา แต่แก้ไม่ได้ด้วย diazepam
2. การฉีด Quisqualic acid เข้า striatum ของหนูอายุ 7 วัน จะเกิด neurononal necrosis ทำให้ขนาดของ striatum และ hippocampus เล็กลง
3. Quisqualic acid ทำให้เกิด necrosis ของเซลล์ glioma ของหนู อย่างไรก็ตามพิษดังกล่าวข้างต้นของ Quisqualic acid จะเกิดขึ้น เมื่อฉีดเข้าตรงบริเวณประสาทโดยตรงเท่านั้น ควรมีการศึกษาอย่างละเอียดต่อไป
............................................................................................
Bookmarks