หวัดดีจ้า..มื้อนี้หมูน้อยสิพาไปแอ๋วงาน ป๋าเวณียี่เป็งจ้า
ปีนี้ที่มรช.ก่อตั้งครบรอบ 38 ปี ซึ่งโดยปกติแล้ว
จะจัดงานป๋าเวณียี่เป็ง ทุกปีเพื่อให้ชุมชนรอบๆมหาวิทยาลัยฯเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม
และก็ไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมาจะพิเศษก็ตรงที่มีโคมไฟๆๆตกแต่งสวยงาม..
เดียวคืนนี้จะเก็บภาพมาฝากอีกเด้อจ้าๆๆๆ.....
มื่อคืนกว่าจะได้กลับบ้านดึกๆๆๆๆๆๆๆเลย..ตื่นมาวันนี้..แย่เลยสุขภาพคนแก่
ปีนี้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดโคมไฟด้วย.
ซึ่งก็ไม่ต่างทุกปี...ทีหมาวิทยาัลัยฯจะเปิดโอกาศ
ให้นักศึกษาที่มีความสนใจในเรื่องศิลปประดิษฐ์ โคมและกระทง
ประกวดเป็นประจำอยู่แล้วทุกปี...
และทั้งนี้ก็ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจร่วมแข่งขันการประกวดด้วย
ตัดสินเสร็จก็เลยถือโอกาสถ่ายภาพมาฝากชะหน่อย
ประเพณี "ยี่เป็ง" ประเพณีลอยกระทงตามประเพณีล้านนา
ประเพณี "ยี่เป็ง" เป็นประเพณีลอยกระทงตามประเพณีล้านนาที่จัดทำขึ้นในวันเพ็ญ
เดือน 2 ของชาวล้านนา เป็นภาษาคำเมืองในภาคเหนือ คำว่า "ยี่" แปลว่า สอง
และคำว่า "เป็ง" ตรงกับคำว่า "เพ็ญ" หรือพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งชาวไทยในภาคเหนือ
จะนับเดือนทางจันทรคติเร็วกว่าไทยภาค
ประเพณี "ยี่เป็ง" เป็นประเพณีลอยกระทงตามประเพณีล้านนาที่จัดทำขึ้นในวันเพ็ญ
เดือน 2 ของชาวล้านนา เป็นภาษาคำเมืองในภาคเหนือ คำว่า "ยี่" แปลว่า สอง และ
คำว่า "เป็ง" ตรงกับคำว่า "เพ็ญ" หรือพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งชาวไทยในภาคเหนือจะนับ
เดือนทางจันทรคติเร็วกว่าไทยภาคกลาง 2 เดือน ทำให้เดือนสิบสองของไทยภาคกลาง
ตรงกับเดือนยี่ เดือน 2 ของไทยล้านนา ประเพณียี่เปงจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ซึ่งถือ
ว่าเป็น "วันดา" หรือวันจ่ายของเตรียมไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัด ครั้นถึงวันขึ้น 14 ค่ำ
พ่ออุ้ยแม่อุ้ยและผู้มีศรัทธาก็จะพากันไปถือศีล ฟังธรรม และทำบุญเลี้ยงพระที่วัด
มีการทำกระทงขนาดใหญ่ตั้งไว้ที่ลานวัด ในกระทงนั้นจะใส่ของกินของใช้ ใครจะเอาของ
มาร่วมสมทบด้วยก็ได้เพื่อเป็นทานแก่คนยากจน ครั้นถึงวันขึ้น 15 ค่ำ จึงนำกระทงใหญ่
ที่วัดและกระทงเล็ก ๆ ของส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ ในงานบุญยี่เป็งนอกจากจะมีการปฏิบัติ
ธรรม ฟังเทศน์มหาชาติตามวัดวาอารามต่าง ๆ แล้ว ยังมีการประดับตกแต่งวัด บ้านเรือน
และถนนหนทางด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป และชัก
โคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ ขึ้นเป็นพุทธบูชา พอตกกลางคืนก็จะมีมหรสพและการละเล่นมาก
มาย มีการแห่โคมทอง พร้อมกับมีการจุดถ้วยประทีป (การจุดผางปะติ๊ด) เพื่อบูชาพระ
รัตนตรัย การจุดบอกไฟ การจุดโคมไฟประดับตกแต่งตามวัดวาอาราม และการจุดโคมลอย
ปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ตามวัฒนธรรมของล้านนาจะแบ่งโคมไฟออกเป็น 4 แบบ คือ
แบบที่หนึ่งเรียก "โคมติ้ว"หรือโคมไฟเล็กที่ห้อยอยู่กับซีกไม้ไผ่ซึ่งผู้คนจะถือไปในขบวนแห่และนำไปแขวนไว้ที่วัด
แบบที่สองเรียก "โคมแขวน" ที่ใช้แขวนบูชาพระพุทธรูปแบบด้วยกันเช่น รูปดาว
รูปตะกร้า โดยปกติจะใช้แขวนตามวัดหรือตามหิ้งพระก็ได้
แบบที่สามเรียก "โคมพัด" ทำด้วยกระดาษสาเป็นรูปกรวยสองอันพันรองแกนเดียวกัน
ด้านนอกจะไม่มีลวดลาย
อะไร ส่วนด้านในจะตัดแต่งเป็นรูปทรงต่าง ๆ ในทางพุทธศาสนา เมื่อจุดโคมด้านใน
แสงสว่างจะทำให้เกิดเงาบนกรวย ด้านนอกก็จะเคลื่อนไหวคล้ายตัวหนังตะลุง
แบบสุดท้ายเรียก "โคมลอย" เป็นโคมใหญ่มีรูปร่างคล้ายบอลลูน ตัวโครงทำจากซีก
ไม้ไผ่หุ้มด้วยกระดาษสา เมื่อจุดโคม ความร้อนจากเปลวไฟ จะทำให้โคมลอยตัวขึ้น
การปล่อยโคมลอยนี้จะทำกันที่วัดหรือตามบ้านคน โดยเชื่อกันว่าโชคร้ายทั้งหลาย
จะลอยไปกับโคม
ที่มา : http://www.pantown.com/board.php?id=...12&action=view
Bookmarks