-
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
น้ำตาฟ้า...
ในห้วงเวลาหนึ่งแห่งชีวิตที่อีกฟากฝั่งโขงของเซียงเหมี่ยงฯ นั้น มีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามา ทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย เรื่องหนัก เรื่องเบา สิ่งหลายอย่างเหล่านั้นที่ผ่านเข้ามาได้หล่อหลอมหัวจิตหัวใจ ความคิดความอ่าน ก่อเกิดประสบการณ์ จากการซึมซับวิถีชีวิต รับเอาปรัชญาจากสิ่งรอบข้าง เพื่อนรอบตัว หรือ เหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปแต่ยังฝังในอยู่ความทรงจำและหล่อหลอมให้คนคนหนึ่ง มีความคิดความอ่าน มีมุมมองชีวิตและโลกนี้กว้างขึ้น...
มีเรื่อง ๆ อาจจะเรียกได้ว่าตำนานกึ่งปรัชญาจากน้องฝั่งนั้น ที่ เซียงเหมี่ยงฯ ได้มีโอกาสสัมผัส ได้พูดคุยรู้จัก ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันในระยะเวลาหนึ่ง เอ่ยเรื่องน้ำตาฟ้าให้ฟัง ทิ้งเรื่องนี้เป็นข้อคิดปริศนาไว้แค่นั้นแล้วไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่วัน กี่เดือน ก็ไม่เคยลืมเลือนเรื่องนี้เลย จึงอยากจะขอแบ่งปันกันเผื่อจะได้เห็นอีกมุมว่าเหตุใดฟ้าถึงมีน้ำตา..
เราเคยมีความรู้สึกไหมว่า เมื่อเวลา เมฆครึ้ม ฟ้าร้อง ฝนตก ในบางครั้ง อ้างว้าง ว้าเหว่ เหงา นึกถึงคนที่เรารักที่จากไปไกลได้เกิดขึ้นในหัวใจเรา เซียงเหมี่ยงฯ เองก็เป็นบ่อย ๆ และ คิดว่าหลาย ๆ คนก็คงเหมือนกัน...
เมื่อครั้งก่อนกาลนานมา ฟ้ากับดิน ไม่ได้อยู่ห่างกัน ฟ้าไม่ได้อยู่สูงจากดิน ดินไม่ได้อยู่ห่างจากฟ้าเกินเอื้อมเหมือนอย่างที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ ฟ้ากับดินอยู่ใกล้ชิดกัน ฟ้ารักดินดินรักฟ้า ดูแลซึ่งกันและกันนานมาสุขตามประสาดินและฟ้าเราคู่กัน ในขณะเดียวกันนั้น ดินเองก็ต้องดูแลหลากหลายสรรพสิ่งที่อยู่บนพื้นแผ่นดิน ไม่ว่าเป็นแผ่นน้ำ พื้นหญ้า ต้นไม้ สิงห์ สา รา สัตว์ ฟ้าก็ดูแลก้อนเมฆ ดวงอาทิตย์ ดวงดาว เป็นอย่างนี้เรื่อยมา เวลาที่ผ่านพ้นไป สรรพชีวิตบนพื้นแผ่นดินเพิ่มขึ้น ต้นไม้เติบใหญ่ขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป ภาระหน้าที่ก็เพิ่มขึ้น เมื่อพื้นดินมีต้นไม้ผืนน้ำอุดมสมบูรณ์ ไอน้ำจากดินก่อเกิดเมฆบนท้องฟ้าก็มากขึ้นตามกันไป ฟ้าเองก็ต้องมีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นไม่ต่างกัน แต่ทั้งดิน ฟ้า ก็ยังดูแลกันอยู่แม้ว่าจะไม่ใกล้ชิดเช่นเคย ด้วยภาระหน้าที่ที่มีนั้นแม้ว่าความห่างเริ่มเกิดก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหงา หรือ รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างดินฟ้าได้เพิ่มขึ้นทุกขณะ ยิ่งเวลาผ่านไป ภาระของดินและฟ้ายิ่งเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งฟ้ารู้สึกได้ว่าดินไม่เคยแหงนมองฟ้า ไม่รับรู้ถึงความห่างที่ยิ่งเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป เป็นอย่างนี้เรื่อยมา กระทั่งระยะห่างเพิ่มมากเสียจนเรียกได้ว่า ดินอยู่ห่างเกินจะเอื้อมถึงฟ้า ฟ้าเองไม่สามารถที่จะโน้มลงมาหาดินดังเดิมได้ ทั้งฟ้าและดินมีเวลาทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาว่าด้วยภาระหน้าที่ทำให้ได้ห่างจากสิ่งรักไปไกล เกินที่จะสื่อให้รู้ว่าดินเองคิดถึงฟ้า ฟ้าเองก็ไม่สามารถบอกดินว่ายังเป็นห่วง ด้วยความพยายามของดินที่อยากอยู่ใกล้ฟ้าเหมือนเดิมก็ดันตัวเองให้เป็นภูเขาเพื่อลดระยะห่าง ถึงแม้ความสูงแห่งขุนเขาจะมากแค่ไหนก็ได้แต่เปรียบดั่งสูงเสียดฟ้าไม่เคยที่จะได้อยู่เคียงฟ้าอย่างเดิม ฟ้าเองก็เห็นความพยายามของดิน แต่ก็ไม่สามารถสื่อให้ดินได้รับรู้ว่าฟ้าเองก็อาลัยดินและยังห่วงหาเสมอ ดินเองได้ฝากความผ่านนก ไปบอกฟ้า แต่ว่านกก็ไม่สามารถบินถึงฟ้าบอกว่าดินรู้สึกอย่างไร เป็นอยู่อย่างนี้เนิ่นนานแต่ความพยายามก็ไม่ได้เกิดผล ฟ้าเองก็ยังมีเยื่อใยอยากให้รู้ว่ายังห่วงหาอยู่ ด้วยความเหงาความเศร้า เกิดฝนหล่นโปรยปรายมาจากฟ้าสู่ดินเสมือนหนึ่งน้ำตาที่ฟ้าที่หลั่งร่ำให้อาลัยดิน ดินเองเมื่อได้รับน้ำฝนก็รับรู้ว่าฟ้ายังห่วงหาอาลัย ยังผลให้ผืนดินสดชื่นเหมือนมีสายในแห่งความห่วงหามาหล่อเลี้ยง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีเพียงน้ำตาฟ้าที่เป็นสายสัมพันธ์ที่ ฟ้าจะพึงมีให้กับดินและจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป เหตุว่าดินและฟ้าไม่อาจกลับมาชิดใกล้กันได้เหมือนเดิม...
เมื่อน้ำตาฟ้าหรือว่าฝน เกิดจากความเศร้า ความเหงา ความห่วงหาอาลัย จึงเป็นเหตุให้ยามฝนตก คนเราในบางอารมณ์ รู้สึกได้ถึงความเหงา ความโหยหาคนที่รัก ที่คิดถึง ที่เคยอยู่เคยดูแลกัน...
เซียงเหมี่ยงฯ เองได้คิดมาระยะหนึ่งแล้วว่า ในชีวิตคนเราถึงแม้จะมีภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่สักเพียงไหน ก็อย่าปล่อยให้คนที่เรารัก ที่เราดูแลต้องมีอันต้องห่างไกลถึงขั้น ดินกับฟ้าที่ไม่อาจคืนมาหากัน เพียงเพราะภาระที่ทำให้ลืมดูแลคนที่สำคัญที่สุดไป หากถึงวันนั้นแล้วน้ำตาเราคงไม่สามารถสื่อผ่านไปหาอีกฝ่ายได้ อย่างฟ้าอาลัยดิน...
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
ขอบคุณบทความดี ดี ครับ...
-
แบ่งปันความรู้และประสบการณ์
อ่านแล้ว ขนลุกดีนะครับ มิน่าละถึงมีคำที่ว่า ดินคู่ฟ้า มีความเป็นมาเป็นไปแบบนี้นี่เอง
ขอให้ดิน ดูแลฟ้า ให้ดีๆ นะครับ อย่าให้ฟ้าต้องมีน้ำตาบ่อย ๆ นะ ถ้าฟ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไร เดี๋ยวน้ำท่วมอีก
เกี่ยวกันมั้ยน้อ นิ อิอิ
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
สายเกินไป ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้เนาะ
ดังนั้นเฮากะต้องทำในปัจจุบันให้ดี เมือมันไม่สายไปแล้วในอนาคตข้างหน้ามันหวนมาแก้ไข ไม่ได้ .....
ไม่อยากจากใครแต่ต้องจากเพราะภารหน้าที่ของตัวเอง เพื่อครอบครัวในอนาคต
อิอิอิ งงจักหน่อยบ่ ตอนนี้กำลังสับสนในความคิดจะของ555
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลาวดีน้อย; 04-11-2010 at 16:04.
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
โอ...มันเป็นแนวนี่เองตี่เซียงเหมี่ยง บ่อได้อ่านหนี่ บ่อฮู่ประวัติเลยเด้หนี่
ขอบคุณที่เล่าไห่ฟัง ซึ้ง.....:l-
-
แบ่งปันความรู้และประสบการณ์
เข้ากับบรรยากาศคักจ้า แห่งเหงาตื่มเลยตอนนี่ แง แง
Tags for this Thread
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks