อ่านเรื่องราวเก่าๆ
ฉากชีวิต...เธอหรือคือผู้ชนะ
ฉากชีวิต...เอาคืน
ฉากชีวิต...กำลังใจ
ณ. เส้นขอบฟ้า สีเทาหม่น ความเหงา อ้างว้าง กัดกร่อนจิตใจ...ตั้งแต่ไม่มีเธอ
“แม่ค้า ก๋วยเตี๋ยว 3”
“เส้นหมดแล้วค่ะพี่” ฉันตอบกลับไปขณะกำลังเก็บร้าน
“หมวย มาม่าอยู่หลังตู้ ถามลูกค้าดูจะเอาไหม”
“เอาครับเอา เส้นอะไรก็ได้” ฉันต้องวางมือจากเก็บร้านทั้งที่หงุดหงิด
“ขอบคุณครับ..แม่ค้าตากลม” มีแซว
“ตาเราสวยนะเนี่ย.” อีกคนทักฉันขึ้นมา
ฉันไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่วันนั้นวันที่ฉันเห็นลูกค้าขี้เมามากินก๋วยเตี๋ยวเป็นชุดสุดท้าย
จะกลายเป็นคนรู้จักสนิทสนมได้ขนาดนี้
ทุกๆครั้งที่เราคุยกันทางโทรศัพท์(หยอดเหรียญ) ทำให้รับรู้ถึงความห่วงใยจากปลายสายได้อย่างชัดเจน
ทุกๆครั้งที่เราเจอกัน ฉันคิดไปเองว่าเธอห่วงหาอาทรผ่านดวงตาคู่งาม
เธอทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้เติบโตมาได้ในโลกที่วุ่นวายและบิดเบี้ยว เธอทำให้ฉันต่อสู้มาได้ในสังคมที่มีแต่มัจจุราช
“เธอต้องเรียนหนังสือนะ ที่ไหนก็ได้ สมัยนี้ ม.6 มันทำอะไรได้บ้างนอกจากโรงงาน ฉันเชื่อ เธอทำได้”
ความเชื่อมั่น คำแนะนำ ทำให้ฉันสามารถค้าปริญญามานอนกอด
“ไปวิ่งกันไหม เดี๋ยวไปรับ ออกกำลังกายเพิ่มน้ำหนักน่ะ เธอผอมไป” แม้แต่กระทั่งรายละเอียดเล็กๆเธอก็ยังใส่ใจ
“วันนี้ว่าง ไปกินมังฯกัน ร้านนี้อร่อย กินผักเยอะๆย่อยง่าย” ทำอย่างกับว่าฉันกินผักไม่เป็นซะงั้น
“ไปดูหนังกันไหม” และแล้วก็ได้ไปดูหนัง แต่กลับไม่ได้ไปกัน 2 คน
“แม่ว่าไหมถ้าจะพาไปลอยกระทง ไปวัดภูเขาทองนะ ฉันจะพาไปวังสวนจิต เพื่อนฉันอยู่ที่นั่น” ฉันเริ่มรู้จักเพื่อนของเธอเป็นครั้งแรก
“วันพ่อไปดูไฟกัน” เป็นครั้งแรกที่ฉันเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่อ้อนพี่ชายอย่างเธอซื้อบอลลูนตัวการ์ตูนให้ เป็นอีกวันที่ฉันมีความสุข
“สงกรานต์ฉันจะบวช เธอไปได้ไหม อีก 2 วันฉันจะเอาการ์ดไปให้ที่ร้านนะ” แน่นอนอยู่แล้วแม่ต้องอนุญาต
ใครจะไปรู้ว่าในชีวิตฉันจะมีโอกาสได้ถือหมอน คนในบ้านของเธอให้ความสนิทสนมกับฉัน หลายคนสงสัยว่าฉันเป็นใคร
ทำไมถึงมางานบวชลูกหลานท่านได้ ฉันก็กล้าซะเหลือเกิน ที่อยู่ตามการ์ดงานบวชนำพาหัวใจเล็กๆ
เดินทางไปถึง อ.เสิงสาง โคราชสีมา ฉันเพิ่งรู้และเข้าใจว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเธอไปแล้ว
แม้เธอจะบอกใครต่อใครว่าฉันเป็นน้องสาวก็ตาม
“ฉันปวดท้อง สงสัยธาตุไฟแตก” ตั้งแต่เธอบวชกลับมา ฉันกับเธอคุยกันมากขึ้น
ด้วยความสนิทสนม ไว้วางใจ ทำให้ฉันรับรู้ถึงความเจ็บป่วยของเธอ 2 ปีแล้วที่เราได้รู้สึกกัน จากลูกแม่ค้าสาวโรงงานตากลม
ต้นปีหน้าฉันจะเรียนจบ อนุปริญญาแล้ว เธอคือแรงบันดาลใจของฉัน พี่ชายที่แสนดี
เธอยังคงทำหน้าที่พี่ชาย
ด้วยการตั้งใจเรียนเช่นกัน อีกปีเดียวเธอจะคว้าปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์อุตสาหกรรม
“ฉันอยู่โคราช ปวดท้องเลยลางานยาวมารักษาตัว ฉันไปถางหญ้าที่สวนที่ซื้อไว้ด้วยนะ
เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปดู อยู่ใกล้เขื่อน” น้ำเสียงของเธอสดใส
“หัวเราะอยู่นั่นแหละปวดท้องเป็นไงบ้างพี่ ดีขึ้นยัง” ฉันยังอดเป็นห่วงเธอไม่ได้
“เออๆ คุยกับเธอนานแล้วท้องมันโตขึ้นว่ะ หัวเราะมากไปหน่อย ลมเข้าท้อง” ฉันเลยกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว
“วันอาทิตย์นี้ฉันเข้ากรุงเทพฯเดี๋ยวเจอกัน”
หลังวางสาย สาวโรงงานตากลมคนนี้ทำงานอย่างกังวล กะกลางคืนอันแสนเงียบเหงาดูเหว่าเหว่
เสียงหัวเราะเมื่อช่วงหัวค่ำกลายเป็นความวิตกกังวลที่ฉันได้รับ ด้วยความห่วงใย ด้วยใจที่ผูกพัน
ฉันกลายเป็นคนป่วยโดยไม่รู้ตัว เมื่อไหร่จะผ่านค่ำคืนแห่งความโหดร้ายนี้ไปเสีย
ฉันไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ใจของฉันจึงอยากไปหาหมอ
วันอังคาร ที่ 23 กันยายน 2546 เวลา 7.30 น.
ออกกะมาตอนเช้าก่อนจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ฉันมักจะโทรหาเธอก่อน ซึ่งมันเป็นแบบนี้แทบทุกครั้ง
“........” ฉันพยายามกดโทรศัพท์หาเธอหลายๆครั้ง ก็ไม่สามารถติดต่อได้
“ยังไม่เห็นจารย์เดชน์เข้ามาทำงานนะ เดี๋ยวจะลองต่อสายไปที่แพลนให้”
ปลายสายตอบกลับเมื่อฉันแจ้งความประสงค์ถึงบุคคลที่ต้องการสนทนา
“จารย์เดชน์ไปสบายแล้ว”
“ไปไหน” ฉันถามกลับไปทั้งที่เสียงแหบแห้งด้วยอาการป่วย
“ไปสวรรค์”
“ไปเจอกันที่โรงบาลพญาไท 2 นะเพ็น ไปรับศพพี่เดชน์กัน” สิ่งที่ฉันได้ยินมันคือความจริงใช่ไหม
คำถามที่ไม่มีใครตอบฉันได้ น้ำตารื้นเต็มดวงตาคู่กลม
ฉันจะไปหาหมอ ไม่ได้ไปรับศพ ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตา
ที่โรงพยาบาล
“ไม่ทราบว่าคนไข้มีแฟนไหมครับ” คุณหมอถามขึ้นมา พ่อของเธอหันมามองที่ฉัน
“ทำไมเหรอหมอ”
“ คนไข้เป็นมะเร็งที่ตับ สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบกลายพันธุ์ ถ้าคนไข้สมรสแล้ว
โอกาสจะทำให้คู่สมรสติดเชื้อไวรัสตับอักเสบมีสูงมาก ซึ่งอาการอาจไม่รุนแรง
แต่เป็นพาหะของโรคได้ ควรได้รับวัคซีนด้วยครับ” คุณหมอพูดยาวเหยียดแต่ฉันยังจำได้
“เพ็น โต๋มีหยังกับท่าวเดชน์บ่” พ่อหันมาถามฉันอีกครั้ง
“พ่อไม่ไว้ใจลูกชายพ่อเหรอ พ่อคิดเหรอว่าพี่เขาจะทำอะไรหนู” ฉันตอบกลับไปเพียงเท่านี้
อีก 1 เดือนจะออกพรรษา และอีกไม่กี่เดือนฉันจะเรียนจบอนุปริญญา
อีก 1 เดือน เธอบอกให้พ่อมาสู่ขอลูกแม่ค้า
อีกไม่กี่เดือนหลังฉันเรียนจบอนุปริญญา เธอจะขอฉันแต่งงาน แล้วค่อยเรียนต่อ
“พ่อบอกเพ็นเดิ้งเด๋อ ให่ดูแลสุขภาพ พ่อรักเพ็นคือลูกเด้อ เดชน์รักเพ็นนะพ่อ”
แม้คำพูดเหล่านี้ ฉันจะไม่ได้ยินจากปากเธอ แต่ฉันก็เชื่อว่าพ่อเธอไม่โกหกฉัน
แม้เธอจะไม่เคยบอกฉันว่าคิดอย่างไรนอกจากน้องสาว แต่ฉันก็รักเธอ...
4 ธันวาคม 2551 พ่อคงไปเจอพี่เดชน์ อีกโลกหนึ่งแล้ว....
ด้วยความระลึกถึง
Bookmarks