รัฐฉาน ตอนที่ 3 อดีตที่ขมขื่น
เรารู้จักรัฐฉานมาแล้วในตอนที่ 2
ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 ที่จะกล่าวถึงความขมขื่นใจของรัฐฉาน
ที่ขื่นขมกับการสูญเสียเอกราช มาตั้งแต่
สมัยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์แห่งพม่า หรือในนามผู้ชนะสิบทิศ
เรื่อยมาจนถึงสมัยของ พระเจ้าอลองพญา
และสูญเสียเอกราชที่สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2428
ให้แก่นักล่าอาณานิคมผู้ได้ชื่อว่า ดินแดนแห่งพระอาทิตย์ไม่ตกดิน
ก็คืออังกฤษ
และจากนั้นเรื่อยมา...การปกครองระบอบ "เจ้าฟ้า" ของไทใหญ่
ที่สืบทอดมาเป็นพันปี แต่เพิ่งถูกทำลายหมดสิ้นไปกับการยึดอำนาจ
ในสหภาพพม่าของนายพลเนวิน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2505
[wma]http://vihokratree.webs.com/Trapdaiteepentai%20Karabao.wma[/wma]
ตราบวันที่เป็นไท - แอ๊ด คาราบาว
เรื่องราวต่อไปนี้มีอยู่ว่า
รัฐฉาน ในอดีตกาลมีชื่อเรียกว่า “ไต” หรือที่เรียกกันว่า เมืองไต มีประชากรหลายชนชาติและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยมีชนชาติไทยใหญ่อาศัยอยู่มากที่สุด เมืองไตเคยมีเอกราชในการปกครองตนเองมาเป็นเวลาหลายพันปี ก่อนที่อังกฤษจะขยายอิทธิพลเข้ามาถึง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมืองไตกับพม่าในอดีตนั้นจัดเป็นอิสระต่อกัน หรือกล่าวได้ว่าเป็นคนละอาณาจักรกัน เหมือนดั่งอาณาจักรอยุธยา กับ อาณาจักรเขมร
เมืองไตกับประเทศพม่ามีการติดต่อค้าขายช่วยเหลือ และให้ความเคารพซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เห็นได้จากในช่วงที่เจ้าฟ้าเมืองไตปกครองประเทศพม่าประมาณเกือบ 300 ปีไม่เคยมีการสู้รบกันเกิดขึ้น และยังมีการติดต่อค้าขายยังดำเนินไปอย่างสันติสุขเช่นกัน
พระเจ้าบุเรงนอง
จนกระทั่งมาถึงสมัยบุเรงนอง ได้มีการสู้รบกันกับเจ้าฟ้าเมืองไตกับกษัตริย์พม่าเกิดขึ้น โดยฝ่ายเจ้าฟ้าเมืองไตเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จึงทำให้ราชวงศ์เจ้าฟ้าบางเมืองที่อยู่ในแผ่นดินนี้ ต้องจบสิ้นไปดังเช่นราชวงศ์เจ้าฟ้าเมืองนาย ซึ่งเป็นราชวงศ์ของกษัตริย์มังราย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายราชวงศ์ที่ต้องสูญสิ้น ไปเพราะการสู้รบกับบุเรงนอง
ผู้รุกรานย่ำยี ผู้ได้ชื่อเกรียงไกร
นามระบือไกล ผู้ชนะสิบทิศ
ราชวงศ์เจ้าฟ้าเมืองนาย ต้องดับชีวิต
เขาคือผู้พิชิต ราชวงศ์กษัตริย์มังราย
ชีวิตเอย...กระไรเลยต้องสิ้น
ทั้งแผ่นดิน โศกวิปโยคเรื่องร้าย
แผ่นดินไต แห่งนี้เคยฟูเฟื่องกลาย
ร้างเมืองวอดวาย วิปโยคทั้งแผ่นดิน
จนมาถึงในสมัย พระเจ้าอลองพญา (พ.ศ. 2305 – 2428) ซึ่งเป็นสมัยที่อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า กษัตริย์พม่าได้ทำการปราบปรามราชวงศ์ หรือผู้สืบเชื้อสายของเจ้าฟ้าไทใหญ่จนหมดสิ้นไปเป็นจำนวนมาก อาจกล่าวได้ว่าไตได้เป็นเมืองขึ้นของพม่าไปแล้ว และในช่วงเวลานี้ทหารพม่าได้เริ่มการกดขี่ข่มเหงทำร้ายคนไต ทำให้คนไตรู้สึกเกลียดชังคนพม่านับตั้งแต่นั้น
และเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2428 อังกฤษได้ทำการจับกุมและยึดอำนาจกษัตริย์พม่า และขยายอาณาเขตไปยัง เมืองเชียงตุง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไตในปีเป็นเมืองขึ้น พ.ศ. 2433 และได้ประกาศว่า"อังกฤษได้ยึดเอาเมืองไตเรียบร้อยแล้ว"
โอ้อนาถหนา ไตต้องขื่นขม
สุดระทม ตรมช้ำน้ำตาหลั่ง
เขากดขี่ข่มเหง ด้วยกระทำ
ย่ำยีชีพหลั่ง ทาบทาขุนเขาลำเนา
อดีตความพ่าย ความตายสังเวย
ความสุขที่เคย กลับกลายเป็นเศร้า
บทเพลงแห่ง ความตายนานเนาว์
ร้าวรานเศร้า หลั่งรินรดหัวใจ
ชาวไตต้องตรม ขื่นขมไร้สุข
ต้องตรอมเพราะทุกข์ ไร้สุขใจสลาย
ฟ้าสูงสู่ต่ำ ดินหญ้าเดียวดาย
เลือดน้ำตาหลั่งไห้ พร่ำหวนพรรณนา
[wma]http://vihokratree.webs.com/Bokthawun%20Yeiw.wma[/wma]
บอกตะวัน-ยิว คนเขียนเพลง
เมื่ออังกฤษขยายอาณานิคมไปเชียงตุง
เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2428 อังกฤษได้ทำการจับกุมและยึดอำนาจกษัตริย์พม่า และขยายอาณาเขตไปยัง เมืองเชียงตุง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไตในปีเป็นเมืองขึ้น พ.ศ. 2433 และได้ประกาศว่า"อังกฤษได้ยึดเอาเมืองไตเรียบร้อยแล้ว"
เนื่องจากประเทศพม่าซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มและเมืองไต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาไม่ใช่ประเทศเดียวกัน อังกฤษจึงไม่ได้ทำการเข้ายึดพร้อมกันและถึงแม้อังกฤษ จะยึดทั้งสองเมืองเป็นเมืองขึ้นของต้นแต่อังกฤษก็ไม่ได้ปกครองทั้งสองเมืองในลักษณะเดียวกัน หากแบ่งการปกครองออกเป็นสองลักษณะ คือประเทศพม่าเป็นเมืองใต้อาณานิคม ส่วนเมืองไตเป็นเมืองใต้การอารักขา
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการพม่าพยายามโน้มน้าวเหล่าบรรดาเจ้าฟ้าไต ให้เข้าร่วมเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ เจ้าฟ้าไตจึงได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาปางโหลง เมื่อปี พ.ศ. 2490 กับชาวพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อขอเอกราชจากอังกฤษ โดยสัญญาดังกล่าวได้นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุให้ชนชาติที่ร่วมลงนามในสัญญา สามารถแยกตัวเป็นอิสระได้หลังจากอยู่ร่วมกันครบสิบปี
แต่เมื่ออังกฤษได้ให้เอกราชกับพม่าและไตแล้ว รัฐบาลกลางพม่าไม่ยอมทำตามสัญญา และพยายามการรวมดินแดนให้เป็นของประเทศพม่า เหตุนี้จึงทำให้ชาวไตหรือไทยใหญ่ จึงก่อตั้งกองกำลังกู้ชาติของตนเองขึ้นในปี พ.ศ. 2491
ทางรัฐบาลทหารพม่าได้ใช้ระบอบเผด็จการทหารกับชาวไต อีกทั้งยังได้ทำลายพระราชวังของไทใหญ่ ในเมืองเชียงตุงและอีกหลายเมือง และเข้ามาจัดการศึกษาเกี่ยวกับพม่าให้แก่เด็กในพื้นที่ รัฐบาลทหารพม่าได้บังคับให้ประชาชนกว่า 3 แสนคนย้ายที่อยู่ ประชาชนมักถูกเกณฑ์ไปบังคับใช้แรงงาน ทั้งโครงการก่อสร้างและเป็นลูกหาบอาวุธให้ทหาร ทำให้มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากหนีเข้ามายังประเทศไทย
ปัจจุบันสถานการณ์ภายในรัฐฉานก็ยังไม่มีเสถียรภาพทางความมั่นคงเท่าใดนัก และก็ยังมีกองกำลังกู้ชาติของตนเองอยู่
จะเห็นได้ว่า รัฐฉานที่เคยมีความเงียบสงบ และพื้นฐานแท้จริงของ ชาวไตหรือไทใหญ่ที่มุ่งสันติภาพ พวกเขายังหวังลึกๆว่าสักวันหนึ่งรัฐฉานจะได้เป็นเอกราชของตนเอง ไม่ขึ้นกับทางพม่าอีกต่อไป
อ่านต่อตอนที่ 4 ค่ะ....
ขอบคุณ
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
......................................................
Bookmarks