เมื่อย้อนวันเวลา...กลับไปหาอดีต (Lisa ฉ.34/2551)
โดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช
น.บ. , น.บ.ท. , น.ม. (กฎหมายมหาชน)
เมื่อเราย้อนวันเวลากลับไปหาอดีต หลายเรื่องอาจไม่เป็นเหมือนเดิมเพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จนบางครั้งสำหรับคนบางคนอาจจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ จนนำมาซึ่งการทำผิดจารีต ประเพณี มารยาททางสังคม บางคนถึงขนาดผิดกฎหมายเลยครับ
เลี้ยงรุ่น...เมื่อครั้งยังเด็ก คุณผู้อ่านคนไหนจำหน้าคุณครูอนุบาลคนแรกได้บ้างครับ ถ้าใครจำได้ผมยกนิ้วให้เลยครับสำหรับผมมันนานเต็มทีแล้วครับ และเพื่อนร่วมรุ่นสมัยอนุบาลจนถึงประถมศึกษาก็อยู่ห่างไกลกันจนถึงขอนแก่นครับ เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกันเท่าไหร่นัก อย่างมากทุกวันนี้ผมก็อาจพบเจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสีตบุตรบำรุง ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนที่กรุงเทพฯ นี่แหละครับ ผมเลยมีเรื่องราวที่โรงเรียนแห่งนี้มากกว่าโรงเรียนอื่นๆ ครับ และผมกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่นที่สนิทสนมกันก็ยังพบเจอกันแทบทุกเดือนเพื่อกินโต๊ะแชร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าตั้งหน้าตั้งตาจะพบเจอกับเพื่อนเพื่อเงินแชร์นะครับ แต่เป็นเพียงทำให้การพบปะกินข้าวกับเพื่อนมีเป้าหมายร่วมกันในแต่ละเดือนเท่านั้นเอง
เลี้ยงรุ่น...แล้วเรี่ยไรทำบุญ เวลาที่เราไปงานเลี้ยงรุ่นมักจะมีกิจกรรมเพื่อทำประโยชน์ให้โรงเรียนหรือชุมชนแวดล้อม ซึ่งหากการเรี่ยไรนั้นมีวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด มีคนรับผิดชอบ มีประธานดำเนินการ โปร่งใสตรวจสอบ เช่นนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าหากคุณผู้อ่านไปงานเลี้ยงรุ่นแล้วบังเอิญมีเพื่อนร่วมรุ่นของคุณเรี่ยไรทำบุญบอกว่าจะเอาเงินไปเป็นทุนการศึกษารุ่นน้อง หรือไม่ก็ไปสร้างพระให้โรงเรียน คุณจึงบริจาคเงิน แต่แล้วก็ไม่ปรากฏว่าบุคคลต้นคิด ประธานดำเนินการ จะไปจัดการให้ทุนการศึกษาหรือสร้างพระให้โรงเรียนเลย แบบนี้ผิดกฎหมายอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 เลยนะครับ นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับความเสียหายยังสามารถดำเนินคดีทางแพ่งให้บรรดาพรรคพวกต้มตุ๋นพวกนี้คืนเงินทองให้กับคุณได้ด้วยนะครับ
เพื่อนเก่า...ยืมเงิน จั่วหัวแบบนี้คุณผู้อ่านหลายท่านคงอมยิ้ม แล้วอาจนึกถึงเหตุการณ์ของคุณผู้อ่านเอง เช่นวันดีคืนดีเพื่อนเก่าสมัยโบราณกาลที่หายหน้าหายตาไปจากท่านเป็นสิบๆ ปี ก็อาจจะโทรศัพท์มาหา ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ คุณผู้อ่านก็อาจดีใจว่าโถดูสิเพื่อนอุตสาห์คิดถึงเรา แต่แล้วคุยกันไปคุยกันมาก็ถึงตอนสำคัญเมื่อเพื่อนอาจเท้าความในเรื่องความทุกข์ยากในชีวิต เช่น “พ่อเราไม่สบายหนักต้องใช้เงินผ่าตัด...” “ลูกเรากำลังจะเข้าโรงเรียน เงินที่เรามีก็ไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า...” “ภรรยากำลังตกงาน ค่าใช้จ่ายในบ้านก็เลยมาสุมอยู่ที่เรา...” เอาเถอะครับถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ช่วยเหลือกันไป อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนฝูงกัน
เพื่อความสบายใจ...ให้ทำสัญญา แต่ถ้าเป็นเงินจำนวนมากซึ่งคุณผู้อ่านอาจจะหวาดๆ ว่าให้ยืมเงินไปแล้วจะได้คืนไหมน้อ? แบบนี้เพื่อความสบายใจของคุณ ผมว่าทำสัญญาเถอะครับ ซึ่งปัจจุบันนี้การกู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาทนั้นจำเป็นต้องทำเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินจึงจะสามารถนำมาฟ้องร้องดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ตามการยืมเงินระหว่างเพื่อนฝูงญาติมิตรที่มีจำนวนเงินต่ำกว่า 2,000 บาท ก็ยังสามารถนำไปฟ้องร้องดำเนินคดีได้ หากมีพยานบุคคลนะครับ ดังนั้นเวลาที่คุณผู้อ่านจะให้เพื่อนยืมเงินที่น้อยกว่า 2,000 บาท ก็ต้องให้มีพยานบุคคลเช่นเพื่อนอีกคนหนึ่งรู้เห็นด้วยนะครับ จึงจะฟ้องร้องดำเนินคดีได้นะจ๊ะ (ผมว่าเผลอๆ ค่าดำเนินคดีเช่น ค่าทนาย ค่าศาล รวมกันแล้วมันจะสูงกว่า 2,000 บาทแล้วล่ะซิ)
แค่ไหนที่เรียก…หลักฐานการกู้ยืมเงิน หลักฐานการกู้ยืมเงินที่สามารถใช้ดำเนินการได้ตามกฎหมายที่เราเห็นได้โดยทั่วไปคือสัญญากู้ยืมเงินที่มีวางขายโดยทั่วไปตั้งแต่ร้านโชว์ห่วยไปจนถึงห้างสรรพสินค้า หรือการทำหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรที่มีข้อความระบุไว้ว่าใครกู้ยืมเงินใคร ให้กู้วันไหน จำนวนเงินมากน้อยเท่าไร ดอกเบี้ยคิดกันอย่างไร กำหนดใช้คืนเงินต้นเมื่อใด และมีการลงนามหรือเซ็นชื่อกำกับ ที่สำคัญที่สุดต้องมีลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญนะครับ
บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีชื่อผู้กู้ แต่แค่ให้มีการลงนามและลายมือชื่อไว้ตอนท้ายว่าเป็นผู้กู้ เช่น “ข้าพเจ้าได้กู้ยืมเงินจาก น.ส.ใจดี ร่ำรวยทรัพย์ เมื่อวันที่…จำนวน…อัตราดอกเบี้ย…ลงชื่อนายทรัพย์น้อย ยืมตลอด….” เท่านี้ก็เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินแล้วครับ
นอกจากนี้แม้ไม่มีการทำสัญญากู้ยืมเงินเป็นเรื่องเป็นราว แต่แค่มีการเขียนจดหมายโต้ตอบในเรื่องการกู้ยืมเงินเช่น “เรายืนยันว่าเรื่องที่เป็นหนี้สินกันนั้น เราไม่เบี้ยวหรือหนีหนี้นายแน่นอน อาจจะผ่อนส่งช้าไปนิดหนึ่ง (แค่ไม่กี่ปี) แต่ก็จะพยายามทำงานหาเงิน เพื่อนำเงินไปใช้คืนนาย เราขอสัญญาด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของนักเรียนโรงเรียน...ด้วยกัน ลงชื่อ...” จดหมายที่มีรายละเอียดว่าใครเป็นหนี้ใครแบบนี้ก็ใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ดำเนินการตามกฎหมายได้เช่นกันครับ
เมื่อกลับมาพบกับ...แฟนเก่า นอกจากการกลับมาพบปะกันของเพื่อนเก่าแล้ว บางครั้งคนเราโชคชะตาก็เล่นตลกให้เรากลับมาพบกับอดีตคู่รัก ประเภทคนที่เราทำให้เขาเจ็บ หรือเขาทำให้เราเจ็บ ก็ว่ากันไปครับ แต่วันหนึ่งเมื่อวันเวลาหมุนเปลี่ยนไปเรื่องราวเหล่านั้นจางหายไปจากใจ หรือมีคนใหม่ๆกันแล้ว ผมเชื่อครับว่าความรู้สึกดีของความรักในอดีตนั้นไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ แต่มันถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นความรู้สึกดีๆในแบบอื่น
แต่สำหรับคุณสาวๆนั้นต้องคิดให้ดีก่อนนะครับ ถ้าหากจะกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าที่คุณเคยคบหาแล้วเคยไปกันไม่ได้ เคยมีปัญหา โดยเฉพาะกับชายเจ้าชู้ เพราะคุณอาจกลายเป็นเหยื่อของผู้หญิงคนอื่นๆ ของเขา เดี๋ยวจะเป็นข่าวพิษรักแรงหึงประเภทเลือดตกยางออก หรือบางคนถึงขนาดเสียชีวิตจนเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็มี ซึ่งไม่น่าภูมิใจเลยครับ ส่วนการปฏิเสธคงต้องใช้คำพูดดีๆ นะครับ อย่าไปด่าทอเพราะคุณอาจได้รับอันตรายจากคำพูดแรงๆ ที่อีกฝ่ายยอมรับไม่ได้ ดังนั้นค่อยๆ พูดค่อยๆ ปฏิเสธนะจ๊ะสาวๆ
อดีตสามี...ขอคืนดี เรื่องหนึ่งที่เป็นข่าวอยู่เสมอๆ ก็คือเรื่องการงอนง้อขอคืนดีของอดีตแฟน หรืออดีตสามีแล้วไม่สามารถตกลงกันได้จนนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม อย่างเช่นเหตุการณ์ในวันวาเลนไทน์ปีนี้แหละครับ เป็นเรื่องของอดีตสามีกับอดีตภรรยาคู่หนึ่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยฝ่ายชายอายุ 44 ปี ได้หอบกุหลาบช่อใหญ่ไปเซอร์ไพรส์อดีตภรรยาอายุ 46 ปี แล้วขอกลับมาคืนดีกัน แต่อดีตภรรยาก็ไม่ยินยอม (ประมาณว่ากุหลาบละลายใจไม่ได้) เท่านั้นแหละครับหนุ่มใหญ่แปลงร่างจากชายโรแมนติกกลายเป็นฆาตรกรขึ้นมาเลยครับ โดยใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่เตรียมมาไล่ยิงอดีตภรรยาแต่ฝ่ายหญิงโชคดีวิ่งหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
ยังครับเรื่องยังไม่จบ อดีตสามีท่านนี้เมื่อเกิดความแค้นที่ฆ่าอดีตภรรยาไม่ได้ก็เลยวิ่งเข้าไปในบ้านของชายที่เขาเข้าใจว่าเป็นคนรักใหม่ของอดีตภรรยา ด้วยความเข้าใจผิดว่าชายผู้โชคร้ายท่านนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้อดีตภรรยาไม่ยอมคืนดีกับตน จึงยิงชายผู้โชคร้ายท่านนั้นจนเสียชีวิต แล้วจึงย้อนกลับเข้าไปบ้านอดีตภรรยาเห็นลูกสาวกับลูกชายของตัวเอง ซึ่งเป็นผลผลิตแห่งความรักระหว่างเขากับอดีตภรรยาก็ทำใจไม่ได้ จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงลูกทั้งสองคนของตัวเองเสียชีวิตทั้งคู่ (เด็กเกี่ยวด้วยตรงไหน) แล้วจ่อยิงตัวเองจนตายเพื่อหลบหนีความผิด ในเรื่องนี้กฎหมายก็คงตามไปเอาผิดถึงนรกไม่ได้ แต่ผมเชื่อเวรกรรมมีจริงครับ
ง้ออดีตเมีย...จนฆ่าพ่อตา เรื่องการงอนง้อขอคืนดีอดีตภรรยา จนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนยังเป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่นในเดือนสิงหาคม ปี 2550 ที่ จ.สุพรรณบุรีเกิดเหตุอดีตลูกเขยฆ่าพ่อตา โดยเรื่องมีอยู่ว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงานอยู่กินกันมานานหลายปี สามีเป็นคนขี้หึง มักจะมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับภรรยาเป็นประจำ หลายครั้งรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ และภรรยามักถูกสามีใช้กำลังตบตีแทบทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จนภรรยาทนไม่ไหวจึงตัดสินใจขอแยกทางกลับไปอยู่กับพ่อที่บ้านเดิม
หลังจากนั้น 6 เดือน อดีตสามีพยายามอ้อนวอนงอนง้อขอคืนดีกับอดีตภรรยา แต่เนื่องจากว่าอดีตสามีเมามายมากและพูดจาขาดสติ คุณพ่อตาก็เลยบอกให้กลับบ้านไปก่อนแล้วค่อยมาพูดคุยกันใหม่ สร้างความโกรธแค้นให้กับอดีตลูกเขยมาก ถึงกับชักปืนลูกซองออกมาจ่อยิงอดีตพ่อตาจนล้มทรุดดิ้นพราดขาดใจตายก่อนที่อดีตลูกเขยจะหนีไปได้
คดีนี้มือปืนคืออดีตลูกเขยนั้นมีทั้งความผิดฆ่าผู้อื่นตามกฎหมายอาญามีโทษจำคุกตั้งแต่15ปี ถึง 20ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือถึงขั้นประหารชีวิตทีเดียว นอกจากนี้ปืนที่พกพานั้นหากไม่มีใบอนุญาตพกพาปืนก็จะมีความผิดฐานพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาตเพิ่มไปอีกด้วย
หวังว่าเนื้อหาในบทความนี้คงไม่ทำให้คุณผู้อ่านกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายที่จะกลับไปหาอดีตเก่าๆ ซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขนะครับ ผมเพียงแค่นำเสนอแง่มุมที่คุณผู้อ่านควรระแวดระวังหากวันเวลาย้อนกลับมาให้คุณผู้อ่านต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างในชีวิต ผมว่าเลือกรับในส่วนที่ดีและหลีกเลี่ยงในสิ่งที่คุณอาจจะเห็นสัญญาณแล้วว่าอันตรายแน่ถ้าหากเดินเข้าไป ใช้สัญชาติญาณควบคู่กับสมองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ

อาจจะมีข้อกฎหมายที่ซ้ำกันบ้างต้องกราบขออภัย ขอบคุณท่าน อ.ประมาณฯครับ