สำหรับผู้อ่านครั้งแรก เพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านโปรดกลับไปอ่านตอนที่ 1 นำเด้อค่ะ
ทุกครั้งที่เขาต้องรอนแรมกลางป่า หูแว่วเสียงเมียรัก
เรียก “อ้ายมา” อยู่ร่ำไป ทุกข์ใดจะเท่าเมียรัก ลูกน้อยจากไปแม้ไม่ได้ตายจากกันก็
เหมือนตายจาก หนองงัวซอ เมืองอุดรธานี เขายังไม่เคยไปสักครั้ง ผู้ที่แสวงหาบ้านใหม่ที่
ย้ายไปอยู่หนองงัวซอ ยังไม่มีใครกลับมาเยี่ยมบ้านเก่าเลยสักคน เขาพยายามทำงาน
หนัก การค้าวัวควายในสมัยนั้น เมื่อหน้าเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นเขาก็จะออกตะเวนตามหมู่บ้าน
ต่าง ๆ ซื้อ วัวควาย แล้วไล่ต้อนลงใต้ ค้าขายไปเรื่อย ๆ จนถึงเมืองโคราช หากปีใดที่ฝน
มาช้า การค้าขายฝืดเคืองจำต้องต้อนวัวควาย ผ่านเขาดงพญาเย็นไปค้าขายถึงเมือง
บางกอก ซึ่งการเดินทางนั้นยากลำบากหนักหนา ทั้งต้องคุมลูกน้องดูแลวัวควาย ทั้งต้อง
เผชิญกับโจรป่า ที่เห็นทัพวัว ควายของ “ฮ้อยมา” เป็นเหมือนขนมหวาน ทั้งไข้ป่าที่ชุก
ชุม แม้จะทำงานหนักเพียงใด เวลาจะผ่านไปสักกี่ปีในใจของเขายังอาวรณ์เมียรักไม่เสื่อม
คลาย ทุกครั้งที่กลับจากการค้าขาย เขาจะนึกถึงเมียรักและลูกน้อย หากเธออยู่ด้วยกัน
หลังกลับจากรอนแรมกลางป่า มีเธอรออยู่ที่บ้านชีวิตนี้คงไม่โดดเดี่ยว ผ่านไปหลายปี ไม่มี
ใครกล้าเอ่ยถาม ถึงคนที่จะมาอยู่เคียงข้างเขาแทนเมียรัก แม้แต่ลูกน้องในทัพควาย ก็ไม่
มีใครกล้าเล่นหัวกับ “ฮ้อยมา” ด้วยเขาเป็นคนเฉียบขาด และปกครองลูกน้องด้วยความ
เมตตา เมื่อกลับจากค้าขายเขาจะแบ่งปันกำไรให้ลูกน้องในสัดส่วนที่เหมาะสมและทุกคน
พอใจ เขาจึงเป็นที่รักและยำเกรงของผู้ที่ร่วมทางและคนรอบข้าง เดือน 6 ปี 2480 เขา
กลับจากการค้าขาย ถึงเมืองอุบลฯ มีคนนำข่าวมาบอกว่า แม่ป่วยหนัก อยากให้นายฮ้อ
ยพาลูกน้องแวะพักที่บ้านหนองไหล ยามไข้แม่สักคืนสองคืน แม้จะกลัวว่าความหลังครั้ง
ยังรักกัน จะพาให้เขาเจ็บปวด แต่ด้วยความเป็นห่วงแม่เขาจึงต้องพาลูกน้องแวะพักบ้าน
แม่สองคืน เมื่ออาการแม่ดีขึ้นจึงได้ลากลับหนองผือ “บักหล่าเอ๊ย.. อยู่พุ่นบ่ทันมีผู้ฮักผู้
แพงบ้อหล่า โตกะอยู่ผู้เดียวมาหลายปีแล้ว บ่คึดหาใหม่บ้อ” แม่เอ่ยถามเมื่อเขามากล่าว
ลา “เทื่ออ่อนพาลูก หลบมาไผ๋สิเบิ่งเขาล่ะอีแม่” เขายังมีความหวังว่าเมียรักจะพาลูกกลับ
มา “บ่มาดอก อ้ายทิดมีมายามบ้าน เว้าให้แม่ฟังว่าเขาเอาผัวใหม่แล้ว ได้ผัวครูได้ดีเมือ
หน้าอยู่ดอก” เหมือนฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อมอีกครั้ง เมียรักได้แต่งงานใหม่กับผู้บ่าวครู
เมืองอุดรฯ เขาเพียรทำงานหนักเก็บเงินทองด้วยหวังว่าสักวันเมียรักจะกลับมา แต่วันนี้ข่าว
ได้รับทำให้ความหวังทีเลือนรางได้ดับสิ้นไป “ลืมเขาซะเถาะแม่ว่า หาผู้ใหม่สาแนวมันบ่
แม่นของเฮาจั่งได๋กะบ่แม่น” แม่เอ่ยปลอบ “ลูกข่อยเด้แม่ ข่อยเห็นหน้ามันได้สามเดือน
กะบ่เห็นกันอีกเลย ใหญ่ปานได๋แล้ว” เขายังห่วงลูกน้อยที่เมียรักได้พาจากไป “โตอย่า
เสียใจหลายเด้อ ลูกโตเป็นไข้ป่ากลางทาง ผู้ไปนำกะบ่มีหมอยาจักคน โตกะจักตั่วว่า
หนองงัวซอมันไกลซ่ำได๋ แล้วลูกโตกะยังน้อย” แม่เอ่ยแล้วถอนหายใจ “ลูกข่อยตายแล้ว
แม่นบ่แม่”เขาถามเสียงเคลือ ด้วยประสบการณ์เดินทางกลางป่า ทำให้เขารู้ว่าหากเป็นไข้
ป่าแล้วไม่มีหมอยา ไม่แคล้วต้องตายทุกคน “ลูกโตสิ้นใจก่อนฮอดหนองงัวซอ คืนหนึ่ง”
ไม่มีเสียงซักไซ้ถามข่าวลูกเมียจากปากฮ้อยมาอีก น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินเงียบ ๆ ไม่มี
เสียงสะอื้นไห้ ด้วยใจที่ทระนงเกินกว่าจะให้ผู้ใดเห็นน้ำตา นอกจากแม่ ผู้หญิงที่รักเขา
มากที่สุด ใจเขาปวดร้าวเกินกว่าจะเอ่ยสิ่งใดกับแม่ ได้แต่ก้มลงกราบแทบตักแล้วลงเรือน
จากมา จบสิ้นกันเสียทีสิ่งที่เฝ้ารอ จากนี้ไปชีวิตเขาจะมีสิ่งใดเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ
ลูกน้อยที่ลืมตาดูโลกได้เพียงสามเดือน เป็นไข้ป่าตายจากไป เมียรักแต่งงานใหม่ เธอคง
หมดรักในตัวเขาแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะยึดเหนี่ยว ที่จะเป็นความหวังให้เขาต้องต่อสู้อีก เขา
พาลูกน้องจากบ้านเก่ามาด้วยใจที่ปวดร้าวกว่าทุกครั้ง ภายใต้ท่าทีสง่างาม องอาจบนหลัง
ม้า ไม่มีใครทราบว่าในจิตใจเขาแหลกเหลวเจ็บปวดเกินจะพรรณนา เมื่อกลับถึงหนองผือ
เขาพาลูกน้องเข้าไปกราบญาท่านแสงรดน้ำมนต์ ในวัดซึ่งเป็นธรรมเนียมที่เขาปฏิบัติทุก
ครั้งที่กลับจากค้าขาย เขาเล่าเรื่องที่แวะเยี่ยมบ้านเก่าให้ท่านฟังโดยละเอียด ญาท่านแสง
เอ่ยปากบิณฑบาต ให้เขาบวชสักหนึ่งพรรษาอย่างน้อยก็เพื่ออุทิศส่วนบุญให้กับลูกน้อยที่
จากไป ที่ไม่รู้ว่าศพลูกน้อยจะถูกฝังไว้กลางป่าที่ใด เขาจึงตัดสินใจปลงผม เข้าสู่ร่มกาสาว
พัตร หนึ่งพรรษาโดยหวังว่าผลบุญครั้งนี้จะส่งไปถึงลูกน้อยที่บุญน้อยตายจากไป.....
โปรดติดตามตอนต่อไปว่าฮ้อยมาจะบวชดนปานได๋ จะมีหยังเข้ามาในชีวิตอีกบ่..ไม่นานเกินรอ...
Bookmarks