กาลครั้งหนึ่ง ในสมัยพระเจ้ามามุนเป็นกาหลิบเมืองแบกแดด ชายคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในโอเอซิสทะเลทราย แผ่นดินซึ่งฝนไม่เคยตก มองทางไหนก็เห็นแต่ทรายสุดลูกหูลูกตา น้ำเป็นสิ่งมีค่าหายากที่สุด วันหนึ่ง น้ำในหมู่บ้านเกิดแห้งเหือดหายไป ชายคนนั้นจำเป็นต้องแยกย้ายจากเพื่อนบ้าน ออกตระเวนหาแหล่งน้ำ เพราะชีวิตในทะเลทรายอยู่รอดได้ด้วยน้ำ แล้วชายคนนั้นก็พบบ่อน้ำ ความจริงน้ำในบ่อเป็นน้ำฝน แต่มีใบไม้ใบหญ้าถมทับเน่า จึงมีรสเฝื่อน ทั้งยังมีกลิ่นเหม็น แต่ด้วยความที่บ่อเจอน้ำมานาน เขาเห็นบ่อน้ำนั้นใส น่าดื่มน่ากินเสียเหลือเกินน้ำคือสวรรค์ชายคนนั้นรำพึง เราควรนำไปถวายกาหลิบ เขาคิดว่าเมื่อกาหลิบได้ดื่มน้ำดีๆที่เขาให้แล้วอาจโปรดปรานให้เงินทองมาช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่กำลังอดอยากยากแค้น เขาบรรจุน้ำลงถุงหนังสัตว์จนเต็ม แล้วก็ออกเดินทาง ตั้งใจให้ถึงกรุงแบกแดด เขาโชคดีที่ไม่ต้องเดินทางไกล กาหลิบนำบริวารออกมาประพาสป่าล่าสัตว์พอดี เขาไม่รอช้า เดินเข้าไปทำความเครพข้าแต่ท่านกาหลิบผู้ยิ่งใหญ่ ขอพระผู้เป็นเจ้า จงประทานพรให้พระองค์ทรงพระเจริญจากนั้นเขาก็เล่าถึงความอดอยากยากแค้นของคนในหมู่บ้าน บอกความตั้งใจที่จะถวายของวิเศษ แลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือเพื่อนบ้านไหนละของวิเศษของเจ้า กาหลิบสนใจขอข้าดูได้แล้ว ชายคนนั้นแก้ปากถุงหนัง เทเอาน้ำลงในจอก แล้วยื่นให้กาหลิบรับไปดื่ม กาหลิบรับไปลองดมแล้วได้กลิ่นเหม็น แต่ก็ยังรักษากิริยา เสวยน้ำไปจิบหนึ่งเจ้าพูดของเจ้าถูก น้ำนี้ดีมาก เป็นน้ำวิเศษ ที่เหมาะควรกับคนวิเศษ ตรัสแล้วก็สั่งให้เทน้ำลงหม้อเสวย และยังสั่งให้เก็บถุงหนังใส่น้ำไว้ในที่ๆไม่มีคนจะเเเเเเเเเเตะต้อง แล้วก็ประทานเงินให้ เป็นจำนวนถึงหนึ่งพันเหรียญทอง แล้วบอกให้ชายคนนั้นกลับไปช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน กาหลิบบอกกับอำมาตย์ไกลตัว ข้าอยากให้เขารีบนำเงินกลับไป ไม่อยากให้เขาเข้าไปถึงเมือง เพราะถ้าเขาเข้าไป เขาจะรู้ว่าน้ำวิเศษที่เขาให้ข้าเป็นน้ำเหม็น ที่ไม่มีใครในแบกแดดดื่มกินเขาจะเสียใจ ครับการให้คือน้ำใจอันดีงามของคนไทยมายาวนาน
ที่มา กิเลน ประลองเชิง (ไทยรัฐ )
Bookmarks